ย้อนเวลาหาอดีตกับ NBA Finals 1993
NBA Finals 1993 เป็นอีกหนึ่ง Finals ที่อยู่ในความสรงจำของใครหลายๆคน มีครบทุกอารมณ์ ทั้งดีใจสุดๆเหมือนถูกหวย ทั้งเสียใจร้องไห้ขี้หมูกโป่ง เป็นศึกของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่จากซุปเปอร์ดราฟคลาสในปี 1984 ระหว่างทีมที่มาป้องกันแชมป์ Chicago Bulls ของ Michael Jordan กับทีมที่กระหายแชมป์ Phoenix Suns ของ Charles Barkley การป้องกันแชมป์สมัยที่ 3 ของกระทิงดุครั้งนี้อาจดูแตกต่างจากครั้งก่อน ด้วยเหตุที่ว่า MJ เจ้าของตำแหน่ง MVP 2 สมัย เสียตำแหน่งให้ Barkley ซึ่งมีผลงานสุดเทพ พาทีมชนะ 62-20 อันดับ 1 ของลีก ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม ทำให้กระทิงดุที่ชนะ 57-25 อันดับ 3 ของลีกดูเป็นรองนิดๆ ส่วนหนึ่งมาจากการเล่นในบ้าน
สตาร์ตติ้งไลน์อัพของ Suns : Kevin Johnson, Dan Majerle, Charles Barkley, Mark West และ Richard Dumas ส่วนแบ็คอัพตัวดังๆก็มี Danny Ainge, Tom Chambers
สตาร์ตติ้งไลนอัพของ Bulls : Michael Jordan, Scottie Pippen, Horace Grant, B.J. Armstrong และ Bill Cartwright ส่วนสำรอง John Paxson, Scott Williams
เส้นทางสู่ Finals ของทั้งสองทีมต่างกัน Suns ถูกตัดกำลังก่อนเพราะเจอกับทีมหินๆ อาทิ รอบแรกเอาชนะ Lakers 3-2 เกม, รอบ 2 ชนะ Spurs ที่มีท่านนายพล 4-2 และรอบชิงแชมป์สายชนะทีมสุดหินอย่าง Seattle Super Sonics ยุครุ่งเรืองที่มี Gary Payton กับ Shaw Kemp ไปแบบหืดจับ 4-3 เกม ส่วนกระทิงดุ ทีมอันดับ 2 ของสาย เจองานง่ายกว่า รอบแรกชนะ Hawks แบบกวาดหมด 3-0 เกม, รอบ 2 กวาด Cavs 4-0 และรอบสุดท้ายเล่นเสียวเจอกับทีมอันดับ 1 ของสาย New York Knicks ที่มีลุงคิงคอง ชนะไป 4-2 (เกม 4 MJ ทำ 54 แต้ม) Suns และ Bulls เคยเจอกันในฤดูกาลปรกติ พลัดกันชนะพลัดกันแพ้คนละเกม และก่อนหน้านี้ท่านเชอร์เคยเจอกับ MJ มาแล้วในเพลย์ออฟ สมัยอยู่ 76ers แต่ไม่เคยชนะ MJ ได้ จนปีสุดท้ายที่ท่านเซอร์ขอเทรดตัวเอง หลังทีมไม่ได้เข้าเพลย์ออฟมีสถิติ 35-47 ว่ากันว่าในวันนี้ที่รู้ว่าโดนเทรด ท่านเซอร์ดีใจสุดๆรีบเก็บเสื้อผ้าแล้วขึ้นเครื่องในวันนั้นเลย ทั้งยังเลื้ยงผู้โดยสารทั้งเครื่องระหว่างทางมา Pheonix อีกด้วย
เกมแรกเล่นกันที่สนามอเมริกันเวสอารีน่าในเมือง Phoenix แต่ Suns ดันพลาดท่าเสียเกมในบ้านตัวเอง MJ ทำสูงสุด 31 แต้ม 5 สตีล, Pippen ทำอีก 27 แต้ม กระทิงดุเก็บเกมแรกไปได้ 100-92 กดแต้มท่านเซอร์ไว้ 21 แต้ม ฟิลโกล์ 9-25 (36%) ทั้งยังชัดดาว Kevin Johnson สตาร์ของทีมอีกคน มี 11 แต้ม 2 แอสซิสต์
เกม 2 ยังอยู่ที่ Phoenix ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีรีดฟอร์มโหด ทำสูงสุด 42 แต้ม 13 รีบาวด์, สำรองทีเด็ด Danny Ainge ทำอีก 20 แต้ม ส่องไกลกดหายกดหายทั้งคืน แต่ดันมาพลาดลูกสำคัญก่อนหมดเวลาเจอ Pippen เขมือบ Suns พ่ายคาบ้านอีกแล้ว 111-108 MJ ยังฮอตต่อเนื่องทำ 42 แต้ม 12 รีบาวด์, Pippen กับทริปเปอร์-ดับเบิ้ล ทำ 15 แต้ม 12 รีบาวด์ 12 แอสซิสต์ และหน่วยป้องกันห่วง Horace Grant ทำอีก 24 แต้ม ความได้เปรียบของ Suns สิ้นสุดลงที่ความพ่ายแพ้ กระทิงดุออกนำ 2-0
เกม 3 กลับมาเล่นที่ Chicago เป็นเกมชี้ชะตาของ Barkey และพ้องเพื่อน ต้องต่อเวลาถึง 3 ครั้ง ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ Dan Majerle ทำสูงสุดในทีม 28 แต้ม ส่องไกลลง 6 ลูก, Kevin Johnson ทำอีก 25 แต้ม 9 แอสซิสต์ และท่านเซอร์ 24 แต้ม 19 รีบาวด์ ต่อลมหายใจให้ Suns ชนะไปอย่างสุดมันส์ 129-121 ไล่มาเป็น 2-1 เกม MJ ทำ 44 แต้ม, Pippen 26 แต้ม 10 รีบาวด์ 9 แอสซิสต์ และ Armstrong 21 แต้ม
เกม 4 สมราคาสกอร์ริ้งแชมป์ MJ แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ทำสูงสุด 55 แต้ม เท่ากับสูงสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์เพลย์ออฟ เกมเก็บในบ้าน ออกนำ 3-1 Barkley กับทริปเปอร์-ดับเบิ้ล ทำ 32 แต้ม 12 รีบาวด์ 10 แอสซิสต์ แต่ก็ไม่เพียงพอ
เกม 5 กระทิงดุเตรียมปิดซอยฉลอง ก่อนเกม Barkley กับวลีเด็ดประกาศผ่านสื่อถึงเพื่อนร่วมทีมว่าพวกเราต้องชนะ "Save the City" Suns ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาตลอดทั้งซี่รี่ย์ คือการเอาท์รีบาวด์กระทิงดุ แถมตัวทำแต้มสูงสุดกลับเป็น Richard Dumas ทำ 25 แต้ม เท่ากับ Kevin Johnson และท่านเซอร์ทำ 24 แต้ม Suns เก็บเกมไปได้ 108-98 ไล่มาเป็น 3-2 เกม ดับฝันการฉลองในบ้านของกระทิงดุ
เกมอวสานของท่านเซอร์ แน่นอนว่า Bulls ไม่ต้องการเล่นถึงเกม 7 ใน Phoenix เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ออกสตาร์ตแบบกระทืบคันเร่งมิด นำห่างถึง 2 หลัก แต่มาแก่วงหนักช่วงท้ายเกม โดน Suns ที่มีก็อกสองก็อกสามไล่มาทันและแซงไปในที่สุด สกอร์ 98-94 MJ ไม่ยอมง่ายๆจัด 2 แต้ม ไล่มาเป็น 98-96 Bulls ตาม 2 เม็ด Suns เป็นฝ่ายครองบอล Majerle พลาดชู้ตไม่ลง บอลกลับมาเป็นของ Bulls ช่วงเหลือเวลาอีก 3.9 วิ อาวุธลับของ Bulls มือปืนประจำทีม John Paxson เงียบมาทั้งเกม โดยเฉพาะควอเตอร์สุดท้ายที่แต้มทั้งหมดมาจาก MJ ฝังลูกสามแต้มปลิดวิญญาณ คดีพลิกสกอร์กลับมานำ 99-98 Suns กับเพลย์สุดท้ายโดย Kenvin Johnson แต่โดน Horace Grant บล็อก จบเกม Chicago Bulls ชนะไป 99-98 ดับฝันที่ใกล้เคียงความจริงที่สุดของท่านเซอร์ และคว้าแชมป์ NBA เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน กลายมาเป็นหนึ่งในสุดยอดทีมของประวัติศาสตร์บาสเก็ตบอล ยิ่งใหญ่เทียบเคียงกับ Boston Celtics และ LA Lakers
https://www.youtube.com/watch?v=GnAr4I3-Z48
หลังคว้าแชมป์สมัยที่ 3 MJ ประกาศเลิกเล่น ฤดูกาลต่อมา Bulls แบบไร้ MJ ก็ทะลุผ่านเข้าไปจอดแค่รอบรองชนะเลิศ โดน Knicks สอยไป 4-3 ส่วน Suns ของท่านเซอร์ โดน Rockets ของลุงฮาคีมสอยจอดแค่รอบรองชนะเลิศเช่นกัน ปีต่อมา 1995 โดนลุงฮาคีมที่จบอันดับที่ 6 ของสายสอยคว่ำอีกเป็นปีที่ 2 ติด สรุปว่า Finals 1993 เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของสุดยอดเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ดอันเดอร์ไซส์ไร้แหวนในตำนาน Charles Barkley
NBA Finals 1993 Game 6
https://www.youtube.com/watch?v=HR81ch3-Xls
ขอบคุณที่ติดตามบทความโดยเพจ Thai NBA Fanclub
https://www.facebook.com/ThaiNbaFanclub
ย้อนเวลาหาอดีตกับ NBA Finals 1993
NBA Finals 1993 เป็นอีกหนึ่ง Finals ที่อยู่ในความสรงจำของใครหลายๆคน มีครบทุกอารมณ์ ทั้งดีใจสุดๆเหมือนถูกหวย ทั้งเสียใจร้องไห้ขี้หมูกโป่ง เป็นศึกของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่จากซุปเปอร์ดราฟคลาสในปี 1984 ระหว่างทีมที่มาป้องกันแชมป์ Chicago Bulls ของ Michael Jordan กับทีมที่กระหายแชมป์ Phoenix Suns ของ Charles Barkley การป้องกันแชมป์สมัยที่ 3 ของกระทิงดุครั้งนี้อาจดูแตกต่างจากครั้งก่อน ด้วยเหตุที่ว่า MJ เจ้าของตำแหน่ง MVP 2 สมัย เสียตำแหน่งให้ Barkley ซึ่งมีผลงานสุดเทพ พาทีมชนะ 62-20 อันดับ 1 ของลีก ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม ทำให้กระทิงดุที่ชนะ 57-25 อันดับ 3 ของลีกดูเป็นรองนิดๆ ส่วนหนึ่งมาจากการเล่นในบ้าน
สตาร์ตติ้งไลน์อัพของ Suns : Kevin Johnson, Dan Majerle, Charles Barkley, Mark West และ Richard Dumas ส่วนแบ็คอัพตัวดังๆก็มี Danny Ainge, Tom Chambers
สตาร์ตติ้งไลนอัพของ Bulls : Michael Jordan, Scottie Pippen, Horace Grant, B.J. Armstrong และ Bill Cartwright ส่วนสำรอง John Paxson, Scott Williams
เส้นทางสู่ Finals ของทั้งสองทีมต่างกัน Suns ถูกตัดกำลังก่อนเพราะเจอกับทีมหินๆ อาทิ รอบแรกเอาชนะ Lakers 3-2 เกม, รอบ 2 ชนะ Spurs ที่มีท่านนายพล 4-2 และรอบชิงแชมป์สายชนะทีมสุดหินอย่าง Seattle Super Sonics ยุครุ่งเรืองที่มี Gary Payton กับ Shaw Kemp ไปแบบหืดจับ 4-3 เกม ส่วนกระทิงดุ ทีมอันดับ 2 ของสาย เจองานง่ายกว่า รอบแรกชนะ Hawks แบบกวาดหมด 3-0 เกม, รอบ 2 กวาด Cavs 4-0 และรอบสุดท้ายเล่นเสียวเจอกับทีมอันดับ 1 ของสาย New York Knicks ที่มีลุงคิงคอง ชนะไป 4-2 (เกม 4 MJ ทำ 54 แต้ม) Suns และ Bulls เคยเจอกันในฤดูกาลปรกติ พลัดกันชนะพลัดกันแพ้คนละเกม และก่อนหน้านี้ท่านเชอร์เคยเจอกับ MJ มาแล้วในเพลย์ออฟ สมัยอยู่ 76ers แต่ไม่เคยชนะ MJ ได้ จนปีสุดท้ายที่ท่านเซอร์ขอเทรดตัวเอง หลังทีมไม่ได้เข้าเพลย์ออฟมีสถิติ 35-47 ว่ากันว่าในวันนี้ที่รู้ว่าโดนเทรด ท่านเซอร์ดีใจสุดๆรีบเก็บเสื้อผ้าแล้วขึ้นเครื่องในวันนั้นเลย ทั้งยังเลื้ยงผู้โดยสารทั้งเครื่องระหว่างทางมา Pheonix อีกด้วย
เกมแรกเล่นกันที่สนามอเมริกันเวสอารีน่าในเมือง Phoenix แต่ Suns ดันพลาดท่าเสียเกมในบ้านตัวเอง MJ ทำสูงสุด 31 แต้ม 5 สตีล, Pippen ทำอีก 27 แต้ม กระทิงดุเก็บเกมแรกไปได้ 100-92 กดแต้มท่านเซอร์ไว้ 21 แต้ม ฟิลโกล์ 9-25 (36%) ทั้งยังชัดดาว Kevin Johnson สตาร์ของทีมอีกคน มี 11 แต้ม 2 แอสซิสต์
เกม 2 ยังอยู่ที่ Phoenix ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีรีดฟอร์มโหด ทำสูงสุด 42 แต้ม 13 รีบาวด์, สำรองทีเด็ด Danny Ainge ทำอีก 20 แต้ม ส่องไกลกดหายกดหายทั้งคืน แต่ดันมาพลาดลูกสำคัญก่อนหมดเวลาเจอ Pippen เขมือบ Suns พ่ายคาบ้านอีกแล้ว 111-108 MJ ยังฮอตต่อเนื่องทำ 42 แต้ม 12 รีบาวด์, Pippen กับทริปเปอร์-ดับเบิ้ล ทำ 15 แต้ม 12 รีบาวด์ 12 แอสซิสต์ และหน่วยป้องกันห่วง Horace Grant ทำอีก 24 แต้ม ความได้เปรียบของ Suns สิ้นสุดลงที่ความพ่ายแพ้ กระทิงดุออกนำ 2-0
เกม 3 กลับมาเล่นที่ Chicago เป็นเกมชี้ชะตาของ Barkey และพ้องเพื่อน ต้องต่อเวลาถึง 3 ครั้ง ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ Dan Majerle ทำสูงสุดในทีม 28 แต้ม ส่องไกลลง 6 ลูก, Kevin Johnson ทำอีก 25 แต้ม 9 แอสซิสต์ และท่านเซอร์ 24 แต้ม 19 รีบาวด์ ต่อลมหายใจให้ Suns ชนะไปอย่างสุดมันส์ 129-121 ไล่มาเป็น 2-1 เกม MJ ทำ 44 แต้ม, Pippen 26 แต้ม 10 รีบาวด์ 9 แอสซิสต์ และ Armstrong 21 แต้ม
เกม 4 สมราคาสกอร์ริ้งแชมป์ MJ แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ทำสูงสุด 55 แต้ม เท่ากับสูงสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์เพลย์ออฟ เกมเก็บในบ้าน ออกนำ 3-1 Barkley กับทริปเปอร์-ดับเบิ้ล ทำ 32 แต้ม 12 รีบาวด์ 10 แอสซิสต์ แต่ก็ไม่เพียงพอ
เกม 5 กระทิงดุเตรียมปิดซอยฉลอง ก่อนเกม Barkley กับวลีเด็ดประกาศผ่านสื่อถึงเพื่อนร่วมทีมว่าพวกเราต้องชนะ "Save the City" Suns ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาตลอดทั้งซี่รี่ย์ คือการเอาท์รีบาวด์กระทิงดุ แถมตัวทำแต้มสูงสุดกลับเป็น Richard Dumas ทำ 25 แต้ม เท่ากับ Kevin Johnson และท่านเซอร์ทำ 24 แต้ม Suns เก็บเกมไปได้ 108-98 ไล่มาเป็น 3-2 เกม ดับฝันการฉลองในบ้านของกระทิงดุ
เกมอวสานของท่านเซอร์ แน่นอนว่า Bulls ไม่ต้องการเล่นถึงเกม 7 ใน Phoenix เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ออกสตาร์ตแบบกระทืบคันเร่งมิด นำห่างถึง 2 หลัก แต่มาแก่วงหนักช่วงท้ายเกม โดน Suns ที่มีก็อกสองก็อกสามไล่มาทันและแซงไปในที่สุด สกอร์ 98-94 MJ ไม่ยอมง่ายๆจัด 2 แต้ม ไล่มาเป็น 98-96 Bulls ตาม 2 เม็ด Suns เป็นฝ่ายครองบอล Majerle พลาดชู้ตไม่ลง บอลกลับมาเป็นของ Bulls ช่วงเหลือเวลาอีก 3.9 วิ อาวุธลับของ Bulls มือปืนประจำทีม John Paxson เงียบมาทั้งเกม โดยเฉพาะควอเตอร์สุดท้ายที่แต้มทั้งหมดมาจาก MJ ฝังลูกสามแต้มปลิดวิญญาณ คดีพลิกสกอร์กลับมานำ 99-98 Suns กับเพลย์สุดท้ายโดย Kenvin Johnson แต่โดน Horace Grant บล็อก จบเกม Chicago Bulls ชนะไป 99-98 ดับฝันที่ใกล้เคียงความจริงที่สุดของท่านเซอร์ และคว้าแชมป์ NBA เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน กลายมาเป็นหนึ่งในสุดยอดทีมของประวัติศาสตร์บาสเก็ตบอล ยิ่งใหญ่เทียบเคียงกับ Boston Celtics และ LA Lakers
https://www.youtube.com/watch?v=GnAr4I3-Z48
หลังคว้าแชมป์สมัยที่ 3 MJ ประกาศเลิกเล่น ฤดูกาลต่อมา Bulls แบบไร้ MJ ก็ทะลุผ่านเข้าไปจอดแค่รอบรองชนะเลิศ โดน Knicks สอยไป 4-3 ส่วน Suns ของท่านเซอร์ โดน Rockets ของลุงฮาคีมสอยจอดแค่รอบรองชนะเลิศเช่นกัน ปีต่อมา 1995 โดนลุงฮาคีมที่จบอันดับที่ 6 ของสายสอยคว่ำอีกเป็นปีที่ 2 ติด สรุปว่า Finals 1993 เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของสุดยอดเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ดอันเดอร์ไซส์ไร้แหวนในตำนาน Charles Barkley
NBA Finals 1993 Game 6
https://www.youtube.com/watch?v=HR81ch3-Xls
ขอบคุณที่ติดตามบทความโดยเพจ Thai NBA Fanclub
https://www.facebook.com/ThaiNbaFanclub