วันนี้ที่ร้านกาแฟไม่ห่างจากชายหาด ผมนัดเจอเพื่อนชาวเกาหลีที่เคยเล่นเทนนิสด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน หลังจากเขาสั่งเครื่องดื่มแล้ว เราไถ่ถามเรื่องสุขภาพ อ้วนผอม ลูกเต้าครอบครัวกันไปตามเรื่อง เพื่อนนั่งมองภาพเขียนผลงานศิลปะนิสิตนักศึกษาซึ่งเป็นจุดนำสายตาประจำร้าน ภาพนับสิบชิ้นแขวนบนผนังปูนเปลือยราวแกลเลอลี่ย่อย ๆ จู่ ๆ หนุ่มใหญ่จากแดนกิมจิก็ถามผมว่า
“คุณนับถือศาสนาอะไร”
“คนไทยส่วนใหญ่เป็นพุทธ ผมเป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่” ผมยกกาแฟขึ้นจิบ
“คนไทยมีศาสนาระบุไว้ ในบัตรประชาชนด้วยนะ” ผมยิ้มบาง ๆ
เขายังจ้องภาพเขียนบนผนัง หยิบซองบุหรี่มาตอกกับมือซ้ายก่อนยื่นให้ผมตัวหนึ่ง ผมตอบแทนด้วยการจุดไฟให้หลังจากจุดปลายมวนบุหรี่ของตัวเองแล้ว
“ผมไม่มี ผมไม่มีศาสนาครับ” เขาบอกขณะที่ในใจผมคิดจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องงานศิลปะที่เราชื่นชอบเหมือน ๆ กัน เอาล่ะสิผมชักจะไม่แน่ใจตัวเองว่าจะละไม่ละเมิดกฎของมิตรภาพที่ห้ามกันนักไม่ให้คุยเรื่องศาสนาไปได้กี่มากน้อย
“ผมไม่เคยเข้าพิธีอะไรทางศาสนาเลยสักอย่าง เชื่อไหมครับ” เขายังไปต่อ ระบายควันออกทางจมูกช้า ๆ
“ผมไม่รู้ว่าพวกเราถูกสอนให้เชื่อตาม ๆ กันแบบนั้น อาจมีบ้างแต่ถ้าเมื่อเล็กคุณไม่เชื่อและศรัทธาด้วยตัวคุณเองพ่อแม่ก็ชี้นำคุณไม่ได้”
เอาล่ะสิผมว่านอกจากเชิงกีฬาที่ดุเดือดตามสไตล์คนเกาหลีแล้ว ทัศนะของเขาก็ตรงและมีน้ำหนักไม่น้อยเลย
“คนเกาหลีเชื่อในตัวเองกัน” น้ำเสียงเขาดูเบาลงจนผมได้ยินเพลงคืนความสุขให้กับประชาชนจากทีวีในร้านชัดขึ้น
“คุณพูดเหมือนคนอ้างว้างยังงั้น”ผมเอ่ย
“ประเทศไทยดีที่มีพุทธ มีศาสนจักรที่น่าทึ่ง” เพื่อนยิ้มให้ผม
“ผมยังนึกอิจฉาในศรัทธาแห่งความดีงามที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้” เขาพูดต่อแต่ผมสำลักกาแฟก้นแก้วของตัวเอง
ป่วยการที่ผมจะบอกว่ามันมีหลายหลายปัญหาที่กร่อนกัดทำลายองค์กรที่เพื่อนว่า เขาดูอ่อนแอเกินไปในตอนนี้
“ชอบรูปไหน” ผมได้จังหวะเปลี่ยนเรื่องคุย
เขาชี้มือไปที่รูปสีน้ำมันเชิงนามธรรมเวียนว่ายตายเกิด ใช้เทคนิคปะติดทองคำเปลวรูปเดียวในร้าน ผมว่าเขามีภูมิรู้ทางด้านพุทธไม่น้อย
“ทำไมชอบรูปนี้” ผมถาม
“มันสะท้อนความเป็นไทยที่ดีที่สุด อะไรที่มีทองติดเห็น คนจะยกย่อง มันจะดีจะงาม ไม่ว่าข้างในจะเลวร้าย น่าอดสูเพียงไหน” เขาทำมือไม้ประกอบเป็นวงกลมตามภาพ
“มันยากจะหลุดพ้นไป” ผมคิดตามเพื่อนและคิดต่อจนเขาขอตัวกลับ
สี่ทุ่มแล้วลูกน้องเก็บร้าน ผมออกมายืนแหงนมองรอยเจิมแป้งกับแผ่นทองเหนือประตูทางเข้าร้านที่ราคาค่าเจิมหลักหมื่น ผมยื่นมือขึ้นไปขยี้รอยเจิมนั่น ผงสีขาวหล่นลงมาพร้อมเศษแผ่นทองเล็กบาง มันปลิวไปตามแรงลมทะเลและหายวับไปในความมืด
cr thaithaiartshop
เรื่องสั้นหน้าเดียว : นรกปิดทอง
“คุณนับถือศาสนาอะไร”
“คนไทยส่วนใหญ่เป็นพุทธ ผมเป็นหนึ่งในคนส่วนใหญ่” ผมยกกาแฟขึ้นจิบ
“คนไทยมีศาสนาระบุไว้ ในบัตรประชาชนด้วยนะ” ผมยิ้มบาง ๆ
เขายังจ้องภาพเขียนบนผนัง หยิบซองบุหรี่มาตอกกับมือซ้ายก่อนยื่นให้ผมตัวหนึ่ง ผมตอบแทนด้วยการจุดไฟให้หลังจากจุดปลายมวนบุหรี่ของตัวเองแล้ว
“ผมไม่มี ผมไม่มีศาสนาครับ” เขาบอกขณะที่ในใจผมคิดจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องงานศิลปะที่เราชื่นชอบเหมือน ๆ กัน เอาล่ะสิผมชักจะไม่แน่ใจตัวเองว่าจะละไม่ละเมิดกฎของมิตรภาพที่ห้ามกันนักไม่ให้คุยเรื่องศาสนาไปได้กี่มากน้อย
“ผมไม่เคยเข้าพิธีอะไรทางศาสนาเลยสักอย่าง เชื่อไหมครับ” เขายังไปต่อ ระบายควันออกทางจมูกช้า ๆ
“ผมไม่รู้ว่าพวกเราถูกสอนให้เชื่อตาม ๆ กันแบบนั้น อาจมีบ้างแต่ถ้าเมื่อเล็กคุณไม่เชื่อและศรัทธาด้วยตัวคุณเองพ่อแม่ก็ชี้นำคุณไม่ได้”
เอาล่ะสิผมว่านอกจากเชิงกีฬาที่ดุเดือดตามสไตล์คนเกาหลีแล้ว ทัศนะของเขาก็ตรงและมีน้ำหนักไม่น้อยเลย
“คนเกาหลีเชื่อในตัวเองกัน” น้ำเสียงเขาดูเบาลงจนผมได้ยินเพลงคืนความสุขให้กับประชาชนจากทีวีในร้านชัดขึ้น
“คุณพูดเหมือนคนอ้างว้างยังงั้น”ผมเอ่ย
“ประเทศไทยดีที่มีพุทธ มีศาสนจักรที่น่าทึ่ง” เพื่อนยิ้มให้ผม
“ผมยังนึกอิจฉาในศรัทธาแห่งความดีงามที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้” เขาพูดต่อแต่ผมสำลักกาแฟก้นแก้วของตัวเอง
ป่วยการที่ผมจะบอกว่ามันมีหลายหลายปัญหาที่กร่อนกัดทำลายองค์กรที่เพื่อนว่า เขาดูอ่อนแอเกินไปในตอนนี้
“ชอบรูปไหน” ผมได้จังหวะเปลี่ยนเรื่องคุย
เขาชี้มือไปที่รูปสีน้ำมันเชิงนามธรรมเวียนว่ายตายเกิด ใช้เทคนิคปะติดทองคำเปลวรูปเดียวในร้าน ผมว่าเขามีภูมิรู้ทางด้านพุทธไม่น้อย
“ทำไมชอบรูปนี้” ผมถาม
“มันสะท้อนความเป็นไทยที่ดีที่สุด อะไรที่มีทองติดเห็น คนจะยกย่อง มันจะดีจะงาม ไม่ว่าข้างในจะเลวร้าย น่าอดสูเพียงไหน” เขาทำมือไม้ประกอบเป็นวงกลมตามภาพ
“มันยากจะหลุดพ้นไป” ผมคิดตามเพื่อนและคิดต่อจนเขาขอตัวกลับ
สี่ทุ่มแล้วลูกน้องเก็บร้าน ผมออกมายืนแหงนมองรอยเจิมแป้งกับแผ่นทองเหนือประตูทางเข้าร้านที่ราคาค่าเจิมหลักหมื่น ผมยื่นมือขึ้นไปขยี้รอยเจิมนั่น ผงสีขาวหล่นลงมาพร้อมเศษแผ่นทองเล็กบาง มันปลิวไปตามแรงลมทะเลและหายวับไปในความมืด
cr thaithaiartshop