เรื่องเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนเด็กๆ
เราเป็นลูกสาวพ่อ จำได้เลยว่าทุกคนบอกว่าเป็นลูกสาวของพ่อ เพราะหน้าเราเหมือนพ่อ พ่อรักเรามาก ไปไหนไปด้วยกันตลอด เราเองก็รักพ่อมากเหมือนกัน ตอนนอนตั้งแต่เด็ก บ้านยังไม่ค่อยมีฐานะ พ่อแม่ลูกนอนห้องเดียวกัน เราเป็นคนที่นอนกอดพ่อทุกคืน วันไหนเราฝันร้ายตื่นมาร้องไห้ก็จะมีพ่อคอยโอ้และกล่อมให้นอนหลับต่อ เราเป็นลูกคนที่สอง มีพี่สาวหนึ่งคนคะ
พอโตมาอีกสักพักหลายปีเหมือนกันค่ะ เราจำอายุเราไม่ได้แน่นอน แต่พอจำได้ว่าอยู่ตอนช่วงประถมตอนต้น อายุเราตอนนั้นน่าจะระหว่าง 7-10 ขวบ เพราะตอนนั้นเราไว้เปียยาวที่แม่ชอบถักให้ทุกเช้าตอนนั่งกินข้าวด้วยกันก่อนไปโรงเรียน ตอนนั้นฐานะที่บ้านเริ่มดีขึ้น เรากับพี่สาวมีห้องของตัวเอง และเรากับพี่สาวมีพี่เลี้ยงหนึ่งคน ชื่อพี่แมว ซึ่งตอนช่วงนั้นพ่อแม่ทำงานถึงดึกไม่ค่อยได้เจอกัน เรากับพี่ก็มีพี่แมวคอยดูแล จำได้ว่าพี่แมวนิสัยดี เป็นคนดี เรากับพี่เลยติดพี่แมวมาก เราชอบขนหมอนกับผ้าห่มไปนอนห้องพี่เค้าเกือบทุกคืน มีอยู่วันนึง เราจำได้ดี เราตื่นขึ้นมาตอนรุ่งสาง เป็นตอนช่วงใกล้เช้า เราหันหน้าออกไปทางหน้าต่างมีแสงจากพระอาทิตย์ แต่ไม่ได้จ้านะคะ สลัวๆๆ มีแสงพอให้มองเห็นได้ลางๆ เราตื่นแล้ว และกำลังหันหน้าพลิกตัวไปทางประตู เรานอนริม พี่สาวเรานอนตรงกลางและมีพี่แมวนอนอยู่ริมอีกฝั่ง ภาพที่เราเห็นคือพ่อเรา ไม่ใส่อะไรเลย คร่อมอยู่บนตัวพี่แมว พี่แมวไม่ใส่กางเกงแต่ยังมีเสื้ออยู่ จำได้ว่าตัวเองตกใจมาก หลับตาปี๊ไม่กลัาทำอะไร พยายามหลี่ตามาดูเพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเค้ากำลังทำอะไรกัน เพราะเราเด็กมาก หลังจากนั้นสักพักนึง พ่อก็เดินออกจากห้องไป พี่แมวก็ยังนอนอยู่ที่เดิม เราก็พยายามนอนต่อ ตอนนั้นเราคิดจริงๆว่าเราฝันไป
เราไปเล่าให้พี่คนดูแลบ้านอีกคนที่เราสนิท และยังจำได้ว่าบอกพี่เค้าไปว่า อย่าไปบอกคุณแม่นะคะ วันต่อมาทันที คุณแม่จับเรานั่งลง ถามเราว่าหนูเห็นอะไร เกิดอะไรขึ้น และมีอาและน้ามานั่งอยู่ด้วย ทุกคนจ้องมาและเราคอยฟังเราพูด ทุกคำพูดมันช่างสำคัญจริงๆ ทุกคนเงียบมาก ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เราตกใจมากที่ทุกคนมาเข้นเราเหมือนเราทำอะไรผิดร้ายแรง จากนั้นตอนเย็นคุณพ่อกลับมา คุณแม่พาเราไปนั่งคุยกับคุณพ่อ จำได้ว่าคุณแม่ถามคุณพ่อเสียงดังมากว่า “ คุณไปทำอะไรแมว “ “เนี่ย ลูกเห็นมาเล่าให้ฟัง " พ่อก็บอกว่า “อะไร ไม่ได้ทำอะไร พี่จะไปทำอะไรมัน มันเป็นเด็กในบ้าน" เป็นครั้งแรกที่ได้ยินพ่อแม่ขึ้นเสียงใส่กัน จำได้ว่าเราตกใจและก้มหน้าตลอด จากนั้นจำได้ว่าคุณแม่ไปพาพี่แมวเข้ามาในห้อง และถามพี่แมวว่าที่เราพูดจริงรึเปล่า พีแมวก้มหน้ามองพื้นเหมือนเราและไม่พูดอะไรซักคำเดียว เราจำได้ว่าพ่อพูดว่า “ ลูกมันโกหกน่ะสิ “ จำได้ว่าแม่เราเถียงกลับ “ ลูกเค้าไม่โกหกหรอก ลูกเป็นเด็กดี ไม่เคยโกหก”
จำได้ว่าพ่อเดินมาจับแขนเราและเขย่าเรา พูดใส่เราว่า “ใช่มั้ย โกหกใช่มั้ย” พูดวนไปวนมา จนเราทนไม่ไหว เรากดดันมาก เราเด็กมากเราไม่รู้ว่าเรื่องจะใหญ่ขนาดนี้ เราไม่ได้ตั้งใจ เราจำได้ว่าเราร้องไห้และยอมบอกว่าตัวเองโกหกเพื่อให้เรื่องจบไป พอเราบอกว่าโกหก ทุกอย่างมันคลี่คลาย แต่หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนพี่แมวก็เก็บข้าวของในห้องและไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีจดหมาย ไม่มีการโทรมาหาหลังจากนั้น เรากับพี่สาวเดินลงมาเจอแต่ห้องโล่งๆ มีแค่โปรเตอร์ดาราที่พี่แมวชอบติดฝาผนังห้อง และที่นอนที่พับแล้ว
เราจำไม่ได้มาก ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์กับเราและพ่อ เราโตขึ้นมาตอนม.ต้น เราย้ายไปอยู่กับญาติที่ภาคเหนือ เข้ามอปลายและไปต่อมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ กลับมาอยู่คอนโดเอง เรายังคุยกับแม่และพ่อตลอด จะสนิทกับแม่มากกว่า แต่เราเองก็จำไม่ได้ว่าคุยกับพ่อน้อยลงตั้งแต่ตอนไหน
คือเรารักพ่อนะคะ ทุกอาทิตย์และ วันสำคัญต่างๆก็จะกลับไปหาพ่อแม่ที่บ้าน พาไปกินข้าวและซื้อของให้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเตียง หรือกระเป๋าเดินทาง โทรศัพท์มือถือหรือทีวี เครื่องเล่นดีวีดี หรือของชิ้นใหญ่ๆอื่นๆที่แกอยากได้ และคิดว่าที่แกมีอยู่เก่าแล้ว ใจนึงแน่นอนไม่มีข้อสงสัยใดๆเลย เรารักพ่อเรา อยากให้สิ่งดีๆกับแก อยากให้แกมีความสุข แต่ทุกครั้งที่แกเดินมากอดมาหอมแสดงวามรักความคิดถึง เรารู้สึกไม่อยากให้แกเข้ามาแตะต้องตัว รู้สึกขยะแขยง เรารู้สึกว่าเราแตกต่างจากคนอิ่นๆ ทุกคนสามารถออกไปทำธุระกับพ่อสองต่อสอง เราไม่เคยอยู่กับพ่อสองต่อสอง ไม่ว่าจะตอนไปหาที่บ้าน หรือตอนอยู่ในห้องใดๆ ไม่ว่ากรณีใดๆ ตอนนี้ถึงเราจะอยู่คนเดียว ทุกครั้งที่มาบ้าน พ่อแม่ก็จะเข้ามากอดหอม ซึ่งถ้าเป็นแม่หรือคุณตา เราอยากเข้าไปกอดไปหอมแก แต่กับพ่อ เราก็ยอมให้แกกอดหอมนะคะ ไม่ได้ปัดออกหรือทำท่าที่อะไรที่จะทำให้แกเสียใจ แต่ในใจจะรู้สึกอีกแบบ ว่าไม่อยากให้แกมาจับมาแตะตัว เราไม่เคยเป็นฝ่ายเดินไปกอดหรือหอมคุณพ่อก่อนเลย มีแต่แกเดินเข้ามา ไม่ใช่เราเดินเข้าไป
1. เราไม่อยากให้พ่อแตะตัว โดยเฉพาะเรื่องการแสดงความรัก เช่นกอดหรือหอม
2. ทุกครั้งที่เรามีแฟน เรารู้สึกเสมอและจะคิดเสมอว่าผู้ชายสักวันจะนอกใจเรา เราไม่อยากจะปล่อยความรู้สึกไปกับใคร จะระวังตัวเสมอ และมีความรู้สึกว่าเราไม่อยากมีลูก เราอายุจะ 30 แล้ว หน้าตาเราถือว่าดีนะคะ มีคนมาจีบบ้าง แต่สุดท้ายไม่เคยคบใครได้นาน เราจะขอเลิกก่อนเสมอ เรารู้ตัวเสมอว่าเป็นที่ตัวเราไม่ไว้ใจใคร
เราควรจะไปหาจิตแพทย์มั้ยค่ะ โตมารู้สึกเลยว่าตัวเองมีปมด้อยที่มันติดในใจตลอดเวลาที่โตมา และไม่รู้ว่าเราควรจะทำยังไงดี ก่อนหน้านี่เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆจังๆจนเราช่วยแม่รื้อบ้านเมื่อสองวันก่อน เราเจอรู้เก่าตอนเราเด็กๆ มีพ่ออยู่ด้วยเกือบทุกรูป เราดูรักพ่อมากๆ และความทรงจำเกี่ยวกับพ่อตอนเด็กๆก็กลับมา แต่ ณ ตอนนี้มันว่างเปล่า
แก้ไข**ขออนุญาติตัดบรรทัดให้อ่านง่ายค่ะ **
รู้สึกว่าตัวเองมีปมวัยเด็กเรื่องพ่อ ทำให้ชีวิตตอนโตของเราตอนนี้มีปัญหา ไม่อยากให้พ่อแตะต้องตัว ไม่อยากอยู่ใกล้
เราเป็นลูกสาวพ่อ จำได้เลยว่าทุกคนบอกว่าเป็นลูกสาวของพ่อ เพราะหน้าเราเหมือนพ่อ พ่อรักเรามาก ไปไหนไปด้วยกันตลอด เราเองก็รักพ่อมากเหมือนกัน ตอนนอนตั้งแต่เด็ก บ้านยังไม่ค่อยมีฐานะ พ่อแม่ลูกนอนห้องเดียวกัน เราเป็นคนที่นอนกอดพ่อทุกคืน วันไหนเราฝันร้ายตื่นมาร้องไห้ก็จะมีพ่อคอยโอ้และกล่อมให้นอนหลับต่อ เราเป็นลูกคนที่สอง มีพี่สาวหนึ่งคนคะ
พอโตมาอีกสักพักหลายปีเหมือนกันค่ะ เราจำอายุเราไม่ได้แน่นอน แต่พอจำได้ว่าอยู่ตอนช่วงประถมตอนต้น อายุเราตอนนั้นน่าจะระหว่าง 7-10 ขวบ เพราะตอนนั้นเราไว้เปียยาวที่แม่ชอบถักให้ทุกเช้าตอนนั่งกินข้าวด้วยกันก่อนไปโรงเรียน ตอนนั้นฐานะที่บ้านเริ่มดีขึ้น เรากับพี่สาวมีห้องของตัวเอง และเรากับพี่สาวมีพี่เลี้ยงหนึ่งคน ชื่อพี่แมว ซึ่งตอนช่วงนั้นพ่อแม่ทำงานถึงดึกไม่ค่อยได้เจอกัน เรากับพี่ก็มีพี่แมวคอยดูแล จำได้ว่าพี่แมวนิสัยดี เป็นคนดี เรากับพี่เลยติดพี่แมวมาก เราชอบขนหมอนกับผ้าห่มไปนอนห้องพี่เค้าเกือบทุกคืน มีอยู่วันนึง เราจำได้ดี เราตื่นขึ้นมาตอนรุ่งสาง เป็นตอนช่วงใกล้เช้า เราหันหน้าออกไปทางหน้าต่างมีแสงจากพระอาทิตย์ แต่ไม่ได้จ้านะคะ สลัวๆๆ มีแสงพอให้มองเห็นได้ลางๆ เราตื่นแล้ว และกำลังหันหน้าพลิกตัวไปทางประตู เรานอนริม พี่สาวเรานอนตรงกลางและมีพี่แมวนอนอยู่ริมอีกฝั่ง ภาพที่เราเห็นคือพ่อเรา ไม่ใส่อะไรเลย คร่อมอยู่บนตัวพี่แมว พี่แมวไม่ใส่กางเกงแต่ยังมีเสื้ออยู่ จำได้ว่าตัวเองตกใจมาก หลับตาปี๊ไม่กลัาทำอะไร พยายามหลี่ตามาดูเพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเค้ากำลังทำอะไรกัน เพราะเราเด็กมาก หลังจากนั้นสักพักนึง พ่อก็เดินออกจากห้องไป พี่แมวก็ยังนอนอยู่ที่เดิม เราก็พยายามนอนต่อ ตอนนั้นเราคิดจริงๆว่าเราฝันไป
เราไปเล่าให้พี่คนดูแลบ้านอีกคนที่เราสนิท และยังจำได้ว่าบอกพี่เค้าไปว่า อย่าไปบอกคุณแม่นะคะ วันต่อมาทันที คุณแม่จับเรานั่งลง ถามเราว่าหนูเห็นอะไร เกิดอะไรขึ้น และมีอาและน้ามานั่งอยู่ด้วย ทุกคนจ้องมาและเราคอยฟังเราพูด ทุกคำพูดมันช่างสำคัญจริงๆ ทุกคนเงียบมาก ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เราตกใจมากที่ทุกคนมาเข้นเราเหมือนเราทำอะไรผิดร้ายแรง จากนั้นตอนเย็นคุณพ่อกลับมา คุณแม่พาเราไปนั่งคุยกับคุณพ่อ จำได้ว่าคุณแม่ถามคุณพ่อเสียงดังมากว่า “ คุณไปทำอะไรแมว “ “เนี่ย ลูกเห็นมาเล่าให้ฟัง " พ่อก็บอกว่า “อะไร ไม่ได้ทำอะไร พี่จะไปทำอะไรมัน มันเป็นเด็กในบ้าน" เป็นครั้งแรกที่ได้ยินพ่อแม่ขึ้นเสียงใส่กัน จำได้ว่าเราตกใจและก้มหน้าตลอด จากนั้นจำได้ว่าคุณแม่ไปพาพี่แมวเข้ามาในห้อง และถามพี่แมวว่าที่เราพูดจริงรึเปล่า พีแมวก้มหน้ามองพื้นเหมือนเราและไม่พูดอะไรซักคำเดียว เราจำได้ว่าพ่อพูดว่า “ ลูกมันโกหกน่ะสิ “ จำได้ว่าแม่เราเถียงกลับ “ ลูกเค้าไม่โกหกหรอก ลูกเป็นเด็กดี ไม่เคยโกหก”
จำได้ว่าพ่อเดินมาจับแขนเราและเขย่าเรา พูดใส่เราว่า “ใช่มั้ย โกหกใช่มั้ย” พูดวนไปวนมา จนเราทนไม่ไหว เรากดดันมาก เราเด็กมากเราไม่รู้ว่าเรื่องจะใหญ่ขนาดนี้ เราไม่ได้ตั้งใจ เราจำได้ว่าเราร้องไห้และยอมบอกว่าตัวเองโกหกเพื่อให้เรื่องจบไป พอเราบอกว่าโกหก ทุกอย่างมันคลี่คลาย แต่หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนพี่แมวก็เก็บข้าวของในห้องและไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีจดหมาย ไม่มีการโทรมาหาหลังจากนั้น เรากับพี่สาวเดินลงมาเจอแต่ห้องโล่งๆ มีแค่โปรเตอร์ดาราที่พี่แมวชอบติดฝาผนังห้อง และที่นอนที่พับแล้ว
เราจำไม่ได้มาก ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์กับเราและพ่อ เราโตขึ้นมาตอนม.ต้น เราย้ายไปอยู่กับญาติที่ภาคเหนือ เข้ามอปลายและไปต่อมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ กลับมาอยู่คอนโดเอง เรายังคุยกับแม่และพ่อตลอด จะสนิทกับแม่มากกว่า แต่เราเองก็จำไม่ได้ว่าคุยกับพ่อน้อยลงตั้งแต่ตอนไหน
คือเรารักพ่อนะคะ ทุกอาทิตย์และ วันสำคัญต่างๆก็จะกลับไปหาพ่อแม่ที่บ้าน พาไปกินข้าวและซื้อของให้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเตียง หรือกระเป๋าเดินทาง โทรศัพท์มือถือหรือทีวี เครื่องเล่นดีวีดี หรือของชิ้นใหญ่ๆอื่นๆที่แกอยากได้ และคิดว่าที่แกมีอยู่เก่าแล้ว ใจนึงแน่นอนไม่มีข้อสงสัยใดๆเลย เรารักพ่อเรา อยากให้สิ่งดีๆกับแก อยากให้แกมีความสุข แต่ทุกครั้งที่แกเดินมากอดมาหอมแสดงวามรักความคิดถึง เรารู้สึกไม่อยากให้แกเข้ามาแตะต้องตัว รู้สึกขยะแขยง เรารู้สึกว่าเราแตกต่างจากคนอิ่นๆ ทุกคนสามารถออกไปทำธุระกับพ่อสองต่อสอง เราไม่เคยอยู่กับพ่อสองต่อสอง ไม่ว่าจะตอนไปหาที่บ้าน หรือตอนอยู่ในห้องใดๆ ไม่ว่ากรณีใดๆ ตอนนี้ถึงเราจะอยู่คนเดียว ทุกครั้งที่มาบ้าน พ่อแม่ก็จะเข้ามากอดหอม ซึ่งถ้าเป็นแม่หรือคุณตา เราอยากเข้าไปกอดไปหอมแก แต่กับพ่อ เราก็ยอมให้แกกอดหอมนะคะ ไม่ได้ปัดออกหรือทำท่าที่อะไรที่จะทำให้แกเสียใจ แต่ในใจจะรู้สึกอีกแบบ ว่าไม่อยากให้แกมาจับมาแตะตัว เราไม่เคยเป็นฝ่ายเดินไปกอดหรือหอมคุณพ่อก่อนเลย มีแต่แกเดินเข้ามา ไม่ใช่เราเดินเข้าไป
1. เราไม่อยากให้พ่อแตะตัว โดยเฉพาะเรื่องการแสดงความรัก เช่นกอดหรือหอม
2. ทุกครั้งที่เรามีแฟน เรารู้สึกเสมอและจะคิดเสมอว่าผู้ชายสักวันจะนอกใจเรา เราไม่อยากจะปล่อยความรู้สึกไปกับใคร จะระวังตัวเสมอ และมีความรู้สึกว่าเราไม่อยากมีลูก เราอายุจะ 30 แล้ว หน้าตาเราถือว่าดีนะคะ มีคนมาจีบบ้าง แต่สุดท้ายไม่เคยคบใครได้นาน เราจะขอเลิกก่อนเสมอ เรารู้ตัวเสมอว่าเป็นที่ตัวเราไม่ไว้ใจใคร
เราควรจะไปหาจิตแพทย์มั้ยค่ะ โตมารู้สึกเลยว่าตัวเองมีปมด้อยที่มันติดในใจตลอดเวลาที่โตมา และไม่รู้ว่าเราควรจะทำยังไงดี ก่อนหน้านี่เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆจังๆจนเราช่วยแม่รื้อบ้านเมื่อสองวันก่อน เราเจอรู้เก่าตอนเราเด็กๆ มีพ่ออยู่ด้วยเกือบทุกรูป เราดูรักพ่อมากๆ และความทรงจำเกี่ยวกับพ่อตอนเด็กๆก็กลับมา แต่ ณ ตอนนี้มันว่างเปล่า
แก้ไข**ขออนุญาติตัดบรรทัดให้อ่านง่ายค่ะ **