หลังจาก ป.ป.ช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหา "อภิสิทธิ์-พระสุเทพ" คดีสลายการชุมนุม กลุ่ม นปช. ปี 2553 ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ละเว้นการปฏิบัติการควบคุมการใช้กำลังทหาร ตำรวจ เพื่อขอคืนพื้นที่ในวันที่ 10 เมษายน ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ก็มีปฏิกิริยาต่อเรื่องทั้งจากผู้ที่ถูกกล่าวหาโดยตรงคือ อภิสิทธ์และสุเทพซึงขณะนี้บวชเป็นพระ และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องในทางตรงคือสมาชิกสนช.สมชาย แสวงการ อภิสิทธิ์นั้นให้สัมภาษณ์ว่าจะอ้างเอานายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ในขณะนี้ดำรงตำแหน่งใหญ่โตในรัฐบาลปัจจุบันอยู่เป็นพยาน ต่างกันกับพระสุเทพที่บอกว่าจะไม่อ้างใครทั้งสิ้นและพร้อมจะรับผิดชอบคนเดียว
-- ความขลาดกลัวที่แฝงในใจ ? --
ความจริงอภิสิทธิ์ไม่ต้องบอกออกมาก็ได้ว่าจะอ้างใครเป็นพยานบ้าง เพราะเมื่อตนต้องเข้าชี้แจงเรื่องนี้ต่อปปช. จะอย่างไรเมื่อพาดพิงใคร ปปช.เองย่อมมีสิทธิพิจารณาอยู่แล้วว่าจะต้องเรียกตัวคนเหล่านั้นมาเป็นพยานหรือไม่ การออกมาให้สัมภาษณ์อ้างไปถึงนายทหารใหญ่เหล่านั้นดูๆไปเหมือนคนใจไม่นิ่งพอ ใจไม่ใหญ่พอ คนดูภายนอกดูแล้วเหมือนขลาดหรือมีความหวาดกลัว เพราะคนที่กำลังกลัวนั้นมักอ้างเอ่ยสิ่งศักดิ์สิทธิที่จะช่วยทำให้ตนพ้นภัยได้ พอได้อ้างได้เอ่ยถึงสิ่งที่มีพลังอำนาจ ก็จะได้อุ่นใจขึ้นมาหน่อย
-- ความกล้าหรือความ...? --
สุเทพนั้นตรงข้าม บอกเลยว่าจะไม่อ้างใคร ไม่โทษใคร จะรับผิดชอบคนเดียว คล้ายจะพยายามแสดงถึงความเก๋าของตน อาจจะเป็นเพราะเคยเป็นกำนันใหญ่ หรือในใจมีความ....อยู่มากกว่า หรือรู้อยู่แกใจว่า อันความผิดอาญานั้น หากหลักฐานสาวไปถึงใคร คนเหล่านั้นล้วนต้องรับผิดชอบ (เว้นแต่มีการตัดตอนหลักฐานได้) แม้จะขอรับผิดเสียเอง แต่หากหลักฐานมันสาวไปถึงคนอื่น คนอื่นก็ต้องรับผิด เว้นเสียแต่จะใจถึงขนาดยอมให้การเท็จเพื่อรับความผิดเอาไว้คนเดียว ซึ่งหากทำได้แบบนั้นคงมีคนแอบถอนใจโล่งกันบ้าง
ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์แต่ขอออกมามีส่วนร่วมก็คือ สมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. โพสต์ข้อความในเฟสบุคพาดพิงและโชว์รูปชายชุดดำในเฟส วันก่อนดังในรูป
-- มีชายชุดดำ แล้วทำไมหรือ ? --
มีชายชุดดำ แล้วทำไมหรือ ? ถึงจะมีชายชุดดำก็ตาม ถึงชายชุดดำจะยิงทหารก็ตาม ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลในเวลานั้นประกาศใช้ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนมีการตั้ง ศอรส.และต่อมาพัฒนาเป็น ศอฉ.ก็ตาม
มันไม่ใช่เหตุผลที่จะให้ใครมายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์จนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้โดยไม่มีความผิด
คุณสมชายครับ การที่รัฐบาลในเวลานั้นอ้างว่ามีชายชุดดำก็ดี มีการสะสมอาวุธสงครามก็ดี มีการยิงใส่ทหารก็ดี นั้นเป็นเหตุผลที่อ้างได้ เพื่อให้รัฐบาลอ้างให้มีการประกาศใช้พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ไม่ใช่ว่า รัฐบาลมาร์คจะปล่อยให้ทหารยิงใครก็ได้โดยรัฐบาลหรือทหารไม่มีความผิดนะครับ
เพราะมาตรา 17 ของพรก.ฉุกเฉินนั้น ให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่
เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่กระทำหน้าที่โดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เกินสมควรแก่เหตุ หรือ
ไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ที่จะไม่ต้องรับผิดทั้งแพ่งหรืออาญา ดังนั้น หากมีกรณีเจ้าหน้าที่ กระทำหน้าที่ เกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีจำเป็น เจ้าหน้าที่นั้นๆก็ยังต้องรับผิดทั้งแพ่งหรืออาญา อันนี้ว่าไปตามบทกฎหมายนะครับ ลองอ่านกันดูอีกสักรอบ
หากผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นผู้กระทำความผิดได้บาดเจ็บหรือเสียชิวิตในขณะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ พบมีอาวุธอยู่กับตัว เจ้าหน้าที่ก็คงได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 17
แต่หากผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ และที่ไม่ได้ใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่เลย ก็ย่อมต้องถือว่า
เกินสมควรแก่เหตุ เกินกว่ากรณีจำเป็นใช่หรือไม่ อภิสิทธิ์และสุเทพแล้วควรต้องชี้แจงแล้วว่าไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมแล้วมันเกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้ต่อประชาชนได้อย่างไร และ
ต้องรอดูลิเกตอนต่อไปว่าความยุติธรรมจะมีมากน้อยเพียงไร
หมายเหตุประกอบกระทู้
-คำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพคดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 คัดย่อเป็นภาพจากข่าวสด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-ทำไมถึงเป็นได้แค่ช่างซ่อมเวทีฝึกหัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขออนุญาติเปรียบ สมชายและสมาชิกสนช.คนอื่นเป็นช่างซ่อมเวที เพราะคนพวกนี้ได้อำนาจพิเศษมา คิดจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณท์การเมืองได้ ทำให้โรงลิเกมีฉากหรือมีความเปลี่ยนแปลงได้ตามชอบใจ ที่ให้เป็นแค่ฝึกหัดเพราะช่างกลุ่มนี้ดูจะไม่รู้จักการซ่อมสร้างเวทีให้เป็นประชาธิปไตย แต่ซ่อมแล้วกลายเป็นเวทีผุ จะถล่มมาใส่เป็นอันตรายต่อประชาชนคนดูนั้นแหละครัช
..
۞۞ :::ลิเกฉากนี้ตัวเอกขลาด ตัวรองต้องโชว์เอง ช่างซ่อมเวทีฝึกหัดตะโกนว่ามีชายชุดดำ ::: ۞۞
ก็มีปฏิกิริยาต่อเรื่องทั้งจากผู้ที่ถูกกล่าวหาโดยตรงคือ อภิสิทธ์และสุเทพซึงขณะนี้บวชเป็นพระ และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องในทางตรงคือสมาชิกสนช.สมชาย แสวงการ อภิสิทธิ์นั้นให้สัมภาษณ์ว่าจะอ้างเอานายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ในขณะนี้ดำรงตำแหน่งใหญ่โตในรัฐบาลปัจจุบันอยู่เป็นพยาน ต่างกันกับพระสุเทพที่บอกว่าจะไม่อ้างใครทั้งสิ้นและพร้อมจะรับผิดชอบคนเดียว
-- ความขลาดกลัวที่แฝงในใจ ? --
ความจริงอภิสิทธิ์ไม่ต้องบอกออกมาก็ได้ว่าจะอ้างใครเป็นพยานบ้าง เพราะเมื่อตนต้องเข้าชี้แจงเรื่องนี้ต่อปปช. จะอย่างไรเมื่อพาดพิงใคร ปปช.เองย่อมมีสิทธิพิจารณาอยู่แล้วว่าจะต้องเรียกตัวคนเหล่านั้นมาเป็นพยานหรือไม่ การออกมาให้สัมภาษณ์อ้างไปถึงนายทหารใหญ่เหล่านั้นดูๆไปเหมือนคนใจไม่นิ่งพอ ใจไม่ใหญ่พอ คนดูภายนอกดูแล้วเหมือนขลาดหรือมีความหวาดกลัว เพราะคนที่กำลังกลัวนั้นมักอ้างเอ่ยสิ่งศักดิ์สิทธิที่จะช่วยทำให้ตนพ้นภัยได้ พอได้อ้างได้เอ่ยถึงสิ่งที่มีพลังอำนาจ ก็จะได้อุ่นใจขึ้นมาหน่อย
-- ความกล้าหรือความ...? --
สุเทพนั้นตรงข้าม บอกเลยว่าจะไม่อ้างใคร ไม่โทษใคร จะรับผิดชอบคนเดียว คล้ายจะพยายามแสดงถึงความเก๋าของตน อาจจะเป็นเพราะเคยเป็นกำนันใหญ่ หรือในใจมีความ....อยู่มากกว่า หรือรู้อยู่แกใจว่า อันความผิดอาญานั้น หากหลักฐานสาวไปถึงใคร คนเหล่านั้นล้วนต้องรับผิดชอบ (เว้นแต่มีการตัดตอนหลักฐานได้) แม้จะขอรับผิดเสียเอง แต่หากหลักฐานมันสาวไปถึงคนอื่น คนอื่นก็ต้องรับผิด เว้นเสียแต่จะใจถึงขนาดยอมให้การเท็จเพื่อรับความผิดเอาไว้คนเดียว ซึ่งหากทำได้แบบนั้นคงมีคนแอบถอนใจโล่งกันบ้าง
ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์แต่ขอออกมามีส่วนร่วมก็คือ สมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. โพสต์ข้อความในเฟสบุคพาดพิงและโชว์รูปชายชุดดำในเฟส วันก่อนดังในรูป
-- มีชายชุดดำ แล้วทำไมหรือ ? --
มีชายชุดดำ แล้วทำไมหรือ ? ถึงจะมีชายชุดดำก็ตาม ถึงชายชุดดำจะยิงทหารก็ตาม ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลในเวลานั้นประกาศใช้ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนมีการตั้ง ศอรส.และต่อมาพัฒนาเป็น ศอฉ.ก็ตาม มันไม่ใช่เหตุผลที่จะให้ใครมายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์จนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้โดยไม่มีความผิด
คุณสมชายครับ การที่รัฐบาลในเวลานั้นอ้างว่ามีชายชุดดำก็ดี มีการสะสมอาวุธสงครามก็ดี มีการยิงใส่ทหารก็ดี นั้นเป็นเหตุผลที่อ้างได้ เพื่อให้รัฐบาลอ้างให้มีการประกาศใช้พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ไม่ใช่ว่า รัฐบาลมาร์คจะปล่อยให้ทหารยิงใครก็ได้โดยรัฐบาลหรือทหารไม่มีความผิดนะครับ
เพราะมาตรา 17 ของพรก.ฉุกเฉินนั้น ให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่กระทำหน้าที่โดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เกินสมควรแก่เหตุ หรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ที่จะไม่ต้องรับผิดทั้งแพ่งหรืออาญา ดังนั้น หากมีกรณีเจ้าหน้าที่ กระทำหน้าที่ เกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีจำเป็น เจ้าหน้าที่นั้นๆก็ยังต้องรับผิดทั้งแพ่งหรืออาญา อันนี้ว่าไปตามบทกฎหมายนะครับ ลองอ่านกันดูอีกสักรอบ
หากผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นผู้กระทำความผิดได้บาดเจ็บหรือเสียชิวิตในขณะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ พบมีอาวุธอยู่กับตัว เจ้าหน้าที่ก็คงได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 17
แต่หากผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ และที่ไม่ได้ใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่เลย ก็ย่อมต้องถือว่าเกินสมควรแก่เหตุ เกินกว่ากรณีจำเป็นใช่หรือไม่ อภิสิทธิ์และสุเทพแล้วควรต้องชี้แจงแล้วว่าไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมแล้วมันเกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้ต่อประชาชนได้อย่างไร และต้องรอดูลิเกตอนต่อไปว่าความยุติธรรมจะมีมากน้อยเพียงไร
หมายเหตุประกอบกระทู้
-คำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพคดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 คัดย่อเป็นภาพจากข่าวสด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-ทำไมถึงเป็นได้แค่ช่างซ่อมเวทีฝึกหัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
..