ความเห็นที่ตรงกันอีกประการหนึ่งของผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อ ก็คือ ความมักน้อย สะอาด เป็นระเบียบและเรียบร้อยอย่างที่สุด
- กุฏิของท่าน ห้องของท่านไม่ว่าที่ไหน ท่านจะไม่อนุญาตให้สร้างใหญ่โตอะไร พออยู่คนเดียวสบายๆ ทำความสะอาดเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
มีวิทยุเก่าๆ ที่เล่นและอัดเทปได้ ๑ เครื่อง มีกระดาษ ปากกา ดินสอ ไว้สำหรับฝึกเขียนภาษาไทย
โต๊ะเก้าอี้สักตัวก็ไม่มี นอกจากเสื่อผืนหนึ่งและหมอนใบเล็กๆ เท่านั้น ทุกอย่างวางไว้เป็นระเบียบ ดูโล่งและสะอาดตา
- จีวร สีเหลืองแก่นขนุนกลางเก่ากลางใหม่ผืนนั้น มันนิ่มเพราะทำด้วยฝ้ายที่ซักแล้วซักอีก ตามระยะเวลาที่ผ่าน
(ถ้าใครอาสาเอาไปซักให้ จะถูกเตือนว่าให้ใส่ผงซักฟอกน้อยมาก เกือบจะเป็นการซักด้วยน้ำเปล่าเสียด้วยซ้ำ)
จีวรผืนนี้อยู่กับท่านหลายปีมาก ใครจะถวาย ผืนใหม่ๆ ไม่ว่าจะทำด้วยผ้าไหมหรือเนื้อผ้าอย่างดีแค่ไหน ก็จะถูกผ่านมือส่งต่อให้พระหรือสามเณรรูปอื่น
- การขบฉัน หลวงพ่อไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก มาทราบจากแพทย์ภายหลังว่า ท่านกระเพาะฝ่อก่อนที่จะตรวจพบว่า ท่านเป็นมะเร็งที่ช่วงต่อของกระเพาะและลำไส้ด้วย ท่านฉันอาหารน้อยมาก เพราะหลายครั้งต้องเดินทาง ออกจากวัดตั้งแต่เช้ามืดก่อนเวลาฉันเช้า เพื่อไปสอนที่ต่างอำเภอหรือต่างจังหวัด พอไปถึงที่หมายบางครั้งก็เลยเพลไปเสียอีก ท่านก็แสดงธรรมไปโดยมิได้บอกใครว่าวันนั้นท่านยังไม่ได้ฉันอะไรเลย
ต่อเมื่ออาพาธเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร แพทย์ขอร้องให้ฉันวันละหลายครั้ง เพราะกระเพาะและลำไส้บางส่วนถูกตัดไปแล้ว
เมื่อหลวงพ่อต้องฉันอาหารมื้อเล็กๆ หลังเพล ปรากฏว่ามีพระในวัดบางรูปเอาอย่างบ้าง อ้างว่าป่วยบ้าง หมอให้ฉันยาพร้อมอาหารบ้าง หลวงพ่อก็เลยไม่ยอมฉันอาหารหลังเพลอีก และจะออกจากวัดไปอยู่ที่อื่นเพื่อรักษาตัว ผู้คนในวัดเดือดร้อนกันทั่ว รวมทั้งพระที่ฉันอาหารหลังเพลรูปนั้นด้วย เพราะท่านก็ต้องการปฏิบัติและฟังธรรมจากหลวงพ่อ
- ยารักษาโรค หลวงพ่อไม่เคยพกยาดม ยาหม่อง หรือยาอื่นๆ นอกจาก ยาสำหรับโรคมะเร็งที่ผู้ดูแลต้องจัดใส่ย่ามไปให้ ถ้าหากไม่มีโอกาสติดตามไปถวาย เมื่อท่านต้องไปต่างจังหวัด
- การนอน ปกติหลวงพ่อไม่นอนกลางวันอยู่แล้ว แม้แต่ในเวลากลางคืนที่คนทั่วไปเขานอนกันวันละ ๖ - ๘ ชั่วโมง........
ผู้ปฏิบัติบางคนสงสัยว่าหลวงพ่อนอนตอนไหนกันแน่ เพราะเขากำลังจะเข้านอนแล้ว หลวงพ่อก็ยังไม่นอน กุฏิท่านยังเปิดไฟสว่างอยู่
เขาตื่นขึ้นมาก็เห็นท่านตื่นแล้ว เขาจึงยอมอดนอนเพื่อจะดูว่าหลวงพ่อนอนบ้างไหม เขาก็พบว่าหลวงพ่อนอนเพียงวันละ ๑ ชั่วโมงครึ่ง ถึง ๒ ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ท่านตื่นดึกมาฝึกเขียนหนังสือบ้าง เทศน์ลงเทปเพื่อแจกให้ญาติโยมที่ร้องขอบ้าง
หากเป็นตีสอง ตีสามท่านก็จะลงมาเดินจงกรมหน้ากุฏิเป็นตัวอย่างให้กับผู้ปฏิบัติบ้าง.......
อุดมการณ์ฝากไว้ในปฏิปทา ............. ผู้เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย
- กุฏิของท่าน ห้องของท่านไม่ว่าที่ไหน ท่านจะไม่อนุญาตให้สร้างใหญ่โตอะไร พออยู่คนเดียวสบายๆ ทำความสะอาดเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
มีวิทยุเก่าๆ ที่เล่นและอัดเทปได้ ๑ เครื่อง มีกระดาษ ปากกา ดินสอ ไว้สำหรับฝึกเขียนภาษาไทย
โต๊ะเก้าอี้สักตัวก็ไม่มี นอกจากเสื่อผืนหนึ่งและหมอนใบเล็กๆ เท่านั้น ทุกอย่างวางไว้เป็นระเบียบ ดูโล่งและสะอาดตา
- จีวร สีเหลืองแก่นขนุนกลางเก่ากลางใหม่ผืนนั้น มันนิ่มเพราะทำด้วยฝ้ายที่ซักแล้วซักอีก ตามระยะเวลาที่ผ่าน
(ถ้าใครอาสาเอาไปซักให้ จะถูกเตือนว่าให้ใส่ผงซักฟอกน้อยมาก เกือบจะเป็นการซักด้วยน้ำเปล่าเสียด้วยซ้ำ)
จีวรผืนนี้อยู่กับท่านหลายปีมาก ใครจะถวาย ผืนใหม่ๆ ไม่ว่าจะทำด้วยผ้าไหมหรือเนื้อผ้าอย่างดีแค่ไหน ก็จะถูกผ่านมือส่งต่อให้พระหรือสามเณรรูปอื่น
- การขบฉัน หลวงพ่อไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก มาทราบจากแพทย์ภายหลังว่า ท่านกระเพาะฝ่อก่อนที่จะตรวจพบว่า ท่านเป็นมะเร็งที่ช่วงต่อของกระเพาะและลำไส้ด้วย ท่านฉันอาหารน้อยมาก เพราะหลายครั้งต้องเดินทาง ออกจากวัดตั้งแต่เช้ามืดก่อนเวลาฉันเช้า เพื่อไปสอนที่ต่างอำเภอหรือต่างจังหวัด พอไปถึงที่หมายบางครั้งก็เลยเพลไปเสียอีก ท่านก็แสดงธรรมไปโดยมิได้บอกใครว่าวันนั้นท่านยังไม่ได้ฉันอะไรเลย
ต่อเมื่ออาพาธเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร แพทย์ขอร้องให้ฉันวันละหลายครั้ง เพราะกระเพาะและลำไส้บางส่วนถูกตัดไปแล้ว
เมื่อหลวงพ่อต้องฉันอาหารมื้อเล็กๆ หลังเพล ปรากฏว่ามีพระในวัดบางรูปเอาอย่างบ้าง อ้างว่าป่วยบ้าง หมอให้ฉันยาพร้อมอาหารบ้าง หลวงพ่อก็เลยไม่ยอมฉันอาหารหลังเพลอีก และจะออกจากวัดไปอยู่ที่อื่นเพื่อรักษาตัว ผู้คนในวัดเดือดร้อนกันทั่ว รวมทั้งพระที่ฉันอาหารหลังเพลรูปนั้นด้วย เพราะท่านก็ต้องการปฏิบัติและฟังธรรมจากหลวงพ่อ
- ยารักษาโรค หลวงพ่อไม่เคยพกยาดม ยาหม่อง หรือยาอื่นๆ นอกจาก ยาสำหรับโรคมะเร็งที่ผู้ดูแลต้องจัดใส่ย่ามไปให้ ถ้าหากไม่มีโอกาสติดตามไปถวาย เมื่อท่านต้องไปต่างจังหวัด
- การนอน ปกติหลวงพ่อไม่นอนกลางวันอยู่แล้ว แม้แต่ในเวลากลางคืนที่คนทั่วไปเขานอนกันวันละ ๖ - ๘ ชั่วโมง........
ผู้ปฏิบัติบางคนสงสัยว่าหลวงพ่อนอนตอนไหนกันแน่ เพราะเขากำลังจะเข้านอนแล้ว หลวงพ่อก็ยังไม่นอน กุฏิท่านยังเปิดไฟสว่างอยู่
เขาตื่นขึ้นมาก็เห็นท่านตื่นแล้ว เขาจึงยอมอดนอนเพื่อจะดูว่าหลวงพ่อนอนบ้างไหม เขาก็พบว่าหลวงพ่อนอนเพียงวันละ ๑ ชั่วโมงครึ่ง ถึง ๒ ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ท่านตื่นดึกมาฝึกเขียนหนังสือบ้าง เทศน์ลงเทปเพื่อแจกให้ญาติโยมที่ร้องขอบ้าง
หากเป็นตีสอง ตีสามท่านก็จะลงมาเดินจงกรมหน้ากุฏิเป็นตัวอย่างให้กับผู้ปฏิบัติบ้าง.......