ทริป Backpack ตะลุยทั่วกรุงโซล กินอยู่อย่างราชาแต่งบอย่างยางก 10วันด้วยเงินไม่ถึงหมื่น!!! 11-20 มกราคม ตอนที่1

สวัสดีค่ะ เพี้ยนออกทริปเพี้ยนออกทริป กระทู้นี่เป็นกระทู้แรกที่เริ่มเขียนเลย ถ้าผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ

          ขอเริ่มด้วยเรื่องก่อนไปทริปนี้เลยนะคะ ด้วยความที่คิดจะไปเองกับแฟน2คน เก็บเงินเองไปเองแบบประหยัดแต่แล้วพอถึงเวลาที่คิดไว้ว่าต้องจองตั๋วแต่กลับเงินไม่พอ แอบเสียใจนิดหน่อยเพราะคิดว่าคงได้ไปสิ้นปีแน่นอนเลย แต่โชคกลับหล่นทับมีเงินพอที่จะจองตั๋วจนได้แต่แล้วปัญหาก็ไม่ได้หมดอยู่แค่นี้

          ด้วยความที่ไม่เคยจองและไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศตอนโตเลย(ไปตอนเด็กมากก็ไม่รู้เรื่องพอ) ทำให้การจองตั๋วช่วงประหยัดพลาดไป คือจองชื่อเดียวทับกัน2ที่ ทางสายการบินก็บอกแก้ไม่ได้ต้องยกเลิกที่นั่งไป1ที เลยเก็บเงินส่วนที่ยกเลิกไปจองตั๋วใหม่ ราคาก็ปรับขึ้นไปด้วยเพราะเรามารู้ก่อนแค่2วันเองเราจึงต้องยอมจ่ายแพงอีกประมาณ3-4พันและทำการจองใหม่อีกที่ เพื่อให้ได้ไปพร้อมกับแฟน และด้วยความที่ตม.เกาหลีมีเกียรติศักดิ์เล่าลือความน่ากลัวมากเลยนั้นทำให้เราเตรียมเอกสาร เอกสารและเอกสารไปอย่างเยอะมากกก โชดดีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลยขอใบรับรองนักศึกษาหรือเอกสารอย่างอื่นได้สบาย

          และแล้วก็มาถึงวันเดินทางซึ่งกำหนดการคือไปวันที่11-20มกราคมที่ผ่านมา เครื่องออกตอน8.30น. แต่ตัวเองดันตื่นตอน6.30น.ซึ่งสายมากกกกโอ้วจอร์จจจ!! รน รีบทุกอย่างทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พาตัวเองและแฟนมาถึงสนามบินดอนเมืองได้ตอน7.30น. ต้องรีบเลยคะทั้งเช็คอิน โลดกระเป๋า แต่ก็ไม่วายมีปัญหาใหญ่คือ เรา ลืม เอก สาร ทุกอย่างไว้บนรถ!!! พังคะพัง!! รีบวิ่งปรึกษาพนักงานว่าเราควรเอายังไงดี ใบจอง เอกสารรับรองทุกอย่างหาย พนักงานแนะนำให้ไปลุ้นเอาข้างหน้าไม่ก็เปลี่ยนวันไปและปริ้นใบกลับให้เราอย่างชัดเจน และทิ้งท้ายด้วยว่าพี่ว่าเราต้องผ่านนะ เราจะต้องผ่านตม. มั้ง? ตอนนั้นกลัวมากไม่อยากจะไปแล้วเลย แต่เอาวะ!เสียเงินค่าตั๋วไปแล้ว ไม่มีเงินพอจะเพิ่มเพื่อเปลี่ยนวันด้วย ไปลุ้นเอาข้างหน้าละกันว่าจะยังไง

          หลังเช็คอินขึ้นเครื่องด้วยความที่เราจองแบบชั้นประหยัด เลยไม่เลือกที่นั่งให้ทางสายการบินแรนดอมมาให้เลยเพราะไม่ได้ซีเรียสกับการไม่ได้นั่งด้วยกันอยู่แล้ว (เรื่องของเรื่องคือมันต้องเสียเงินเพิ่มถ้าเลือก เลยไม่เลือกดีกว่า งก ฮ่าๆๆ) แต่เราดันได้นั่งโซนเงียบซึ่งถือว่าโชดดีมาก แฟนเราได้นั่งโซนประหยัดมีเพื่อนถามเยอะมากทำไมถึงได้โซนเงียบทั้งที่จ่ายเงินน้อยกว่าเราบ้าง จ่ายชั้นประหยัดบ้าง บอกเลยเราก็ไม่รู้มันแรนดอมมั้ง เพี้ยนกินมาม่า
ซึ่งโซนเราตอนนั้นมาคนนั่งน้อยมากไม่เกิน13คนเอง เราเลยทำการขอย้ายที่นั่งเพราะที่นั่งเหลือเยอะ แล้วบังเอิญเห็นคนไทย คนเกาหลีในโซนเดินหาที่นั่ง3เบาะติดกัน นางก็ยกที่วางแขนขึ้น โน้มตัวลงนอนแผ่ยาวและรัดสายรัดนอนสบายยย เห็นดังนั้นเราเลยจัดเลยเดินหาเบาะแล้วนอนและไม่ลืมที่จะรัดที่รัดกันเรากลิ้งตกพิ้นไว้ด้วย นอนกันเป็นรถทัวร์เลยคะโซนเรา อโรม่าสุดๆนางพญาเม่า


          เที่ยวบินเราใช้เวลาประมาณ4ชม. ออก8.30ถึงประมาณเกือบบ่ายโมงตามเวลาไทยได้ เมื่อเดินออกจากเครื่องเพื่อไปจุดตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ยอมรับเลยกลัวมาก สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ไพ่ใบสุดท้ายเราคือเอกสารก็ดันมาหาย บัตรนักศึกษาเราก็หายไปนานมากแล้วไม่ได้ทำสักที เราเลยเอาวะมาเสี่ยงกันสักตั้ง เดินภาวนาขอให้บุญที่ทำมา ช่วยให้เราผ่านตม.ด้วยเหอะ เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะตอนการไปถึงประมาณกลางๆแถว เคยไปอ่านมาว่าให้ไปเร็วๆเมื่อคนเยอะตม.เค้าจะได้ไม่ถามอะไรเรามาก ด้วยที่โง่อังกฤษแบบไม่น่าโง่คืออ่านออกบ้าง ฟังพอรู้เรื่องแต่สื่อสารไม่ได้เลย ทำให้ยิ่งกังวล ในรีวิวการเข้าตม.เค้าชอบบอกให้เราพูดเข้าไปภาษาอังกฤษพูดเร็วๆ ทักทายไปเค้าจะไปไม่เรียกเรา แต่ความจริงคือเราทำไม่ได้เรานี่ยืนกังวลตอนต่อแถวมาก

          ตอนต่อแถวเราเลือกเข้าแถวที่ตม.เป็นผู้หญิงเพราะคิดว่าเห็นใจดี แต่ตรรกะเราผิดโดยสิ้นเชิงเราเห็นคนในแถวที่เราต่อเข้าห้องเย็นไปหลายคนFacepalm จะเปลี่ยนแถวก็ไม่กล้ากลัวมีพิรุธ ด้านหน้าเราเป็นกลุ่มวันรุ่น3คนที่มาเที่ยวด้วยกัน2คนแรกผ่านอย่างสบายไม่ถามอะไรสักอย่างเราก็ชื้นใจมากหน่อย แต่พอคนหน้าเราเดินไปแปบเดียวเท่านั้นแระ ห้องเย็นจ้าาาา เรานี่นิ่งไปเลยและจำใจเดินเข้าไปที่จุดตรวจเปรียบเหมือนเราเดินเข้าไปในสงคราม ใจนี่เต้นแรงมากกลัวโดน คิดอะไรไม่ออกเลยตอนนี้แต่พอเดินไปปุ๊บ เค้ามองหน้าเราแวบเดียวเราก็ยิ้มแล้วจ้อง จ้องและจ้องเข้าไป นึกในใจ โอมมม จงปล่อยเรา จงปล่อยเราไปเถอะะะะ ยกกล้องที่สะพายไว้ที่คอขึ้นมาเล็กน้อยว่า เรามาเที่ยวนะ ปล่อยเราซะ เมื่อมาถึงการสแกนลายนิ้วมือเราทำอย่างเร็วเค้าไม่มองเราเลยสักนิด ปั้มๆ ๆ ๆแล้วก็ยื่นพาสปอร์ตคืน เรารีบหยิบแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเลย โล่งมากกก

          ด้วยความที่มาจากเมืองร้อนตอนไปเราใส่เสื้อแขนยาวบางๆไปตัวเดียวไม่มีเสื้ออย่างอื่น แต่พอรอกระเป๋าที่โลดมาเสร็จเดินออกจากเกจเท่านั้นแระ หนาวคะ!! คำเดียวเลย แถมคนก็มองว่าทำไมเราใส่แค่นี้ไม่หนาวหรอ ฮิตเตอร์ในสนามบินวันนั้นแทบไม่มีประโยชน์เลย เมื่อออกมาแล้วข้าวมื้อแรกเราก็เลือกกินข้าวกล่องเซเว่นกันเพราะมีราคาถูกเมื่อเทียบกับอาหารทั่วไปในสนามบิน และที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อไปถึงคือเราต้องซื้อบัตร T-money เพื่อใช้ในการเดินทางทั่วกรุงโซล ราคาประมาณ 2500วอน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามตู้จำหน่ายบัตร แต่เราดันหาตู้ไม่เจอเดินไปถามพนักงานเค้าบอกที่เซ่เวนก็มี เราจึงเดินไปซื้อกันแต่บัตรที่เซเว่นไม่เหมือนแบบทั่วไปแต่จะเป็นแบบชิปน่ารักหลายลายให้เลือก ซึ่งราคาก็แพงกว่าแน่นอนเราเลยซื้อแบบที่ถูกที่สุดคือ ชิปเลโก้ ราคา5000วอน

แล้วไม่ลืมที่จะเติมเงินเข้าไปด้วย 10000วอน

          เท่านี้เราก็พร้อมสำหรับการตะลุยกรุงโซลกันแล้ววววว เมื่อหาเสื้อกันหนาวมาใส่เสร็จเราก็ออกไปนั่งSubwayกันเพื่อไปที่พักในคืนแรก ซึ่งราคาSubwayทั้งเข้าและออกจากสนามบินจะมีราคาแพงกว่าเรานั่งแถวไปในโซล เพราะระยะทางไกลมากและต้องข้ามแม่น้ำฮันไปกว่าจะเข้าตัวเมืองจึงตกอยู่รอบละประมาณ2พันกว่าวอน(จำราคาแน่นอนไม่ได้)     

           ส่วนที่นอนคืนแรกนั้นเราได้ทำการจองผ่านเว็บจากไทยไป คือที่ Shin chon hostel ซึ่งถ้าเทียบกับที่เกาหลีแล้วถือว่าถูกแต่สำหรับเรามันเกินบที่ตั้งไว้ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรแค่คืนเดียว แต่ก็ดันติดปัญหาอีกคือโรงแรมที่เราจองไว้นั้นได้ถูกยกเลิกไป (สาเหตุคือเราได้ยืมบัตรเพื่อนมาเพื่อโอนต้องใช้แต่บัตรเครติดเท่านั้น แต่ดันบัตรที่ให้มาไม่ใช่ไอ้เราก็ไม่รู้จองไปทั้งที่ไม่รู้นั้นแระ) วันแรกเลยลำบากมากกว่าจะที่หาที่พักได้เงินที่เตรียมมาก็ต้องแบ่งจ่ายไปอีก



          โฮสเทลนี้ใกล้กับที่เที่ยวมาก หลังจากเคลีร์ยปัญหาหมดแล้วก็เก็บของเตรียมนอนเพื่อเที่ยวพรุ่งนี้ และชวนกันออกไปซื้อมาม่ามาต้มและต๊อกบ๊กกีกินเพื่อประทังชีวิตในคืนนี้กัน แต่!!ปัญหาของตัวเราไม่ได้จบ ด้วยความที่เป็นคนชอบโชว์โง่ การอาบน้ำวันแรกจึงโง่ตามไปด้วย  เข้าห้องน้ำด้วยความเร็วสูง มองซ้ายมองขวาในห้องน้ำ เปิดน้ำ โอ้วว เย็นคะ เย็นมากพยายามมองหาเครื่องทำน้ำอุ่นแบบบ้านเรามันก็ไม่มี คิดในใจแล้วฉันจะอาบยังไงนี่น้ำเย็นต้องสระผมอีก นั่งงมหาอยู่สักพักก็หาไม่เจอจึงตัดสินใจเอาวะ!! อาบน้ำเย็นมันนี่แระ ด้วยอุณหภูมิที่เกาหลีตอนนั้น -6 องศา เรานั่งก็นั่งปากสั่นอาบน้ำเย็นเจี๊ยบบ สระผมอีกด้วยกัดฟันสู้เดี่ยวพรุ่งนี้ไปเดี๋ยวไม่สวยๆ รีบอาบอย่างไวออกมาแล้วพูดกับแฟนด้วยความหวังว่า "นายไม่มีน้ำร้อนนะ ต้องอาบน้ำเย็นยังไงก็จำใจอาบแระ ไม่หนาวมากหรอก" และหัวเราะเล็กน้อยถึงสะใจ
แต่แล้วความสะใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อแฟนเข้าไปในห้องน้ำเปิดและหมุนให้กลายเป็นน้ำร้อน แล้วหันมาพูด "แกนี่ไงน้ำร้อน อาบไปได้ไงหนาวจะตาย" เรานี่แทบจะร้องไห้เพราะความโง่เลย TT..TT

          เช้าวันใหม่วันที่2ที่มาถึงเกาหลี ด้วยความที่ต้องประหยัดเราจึงลงมาให้ทันกินอาหารเช้าฟรี กินให้อิ่มแบบอยู่ได้ยาวๆ อาหารเป็นแบบไม่อั้นมากินเองเราก็เอาเลยจัดไข่ทอดกินเล่น5ฟอง มาม่า2ซอง ขนมปังแผ่น(อร่อยมาก เราชอบ)อีก10แผ่น/2คน กาแฟ ชา เราแอบรู้สึกผิดที่กินเยอะแต่พอเห็นฝรั่งทำอาหารเท่านั้นแระ ใช้ไข่1ถาดหรือ30ฟองในการทำเราดูไม่กินเยอะไปเลย พอกินเสร็จเราก็ขอแอบไปงีบสักหน่อยเพราะความต้องตื่นเช้าตั้งแต่7โมงเพื่อมารีบกินก่อนกลัวหมด พอเที่ยงก็เริ่มเช็คเอ้าฝากกระเป๋าและถึงเวลาเที่ยงแต่ยังไม่ได้เที่ยวอย่างเต็มตัวนะ เพราะต้องย้ายที่ที่พักที่2ตอน6โมงเย็นกับคนเกาหลีที่ได้คุยกันไว้

          ที่แรกที่ได้เที่ยวเลยคือมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา



           สำหรับเราถือว่าเป็นสถานที่ที่อยากมาเห็นกับตามากแะลเมื่อมาเห็นแล้วก็สวยมากจริงๆ ๆ ส่วนด้านหน้าของมหาวิทยาลัยก็มีร้านค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ร้านอาหารข้างทางเยอะมากให้เลือก

          หลังจากเดินรอบมหาลัยเสร็จเรามีความคิดอยากไปถ่ายรูปในโบสถ์บริเวณแถวนั้นจึงเดินหากันไปเรื่อยจนไปเจอกาแฟที่ลดราคาและซื้อ1แถม1 ด้วยความที่ว่ามันถูกมากและเราก็อยากกินจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปซื้อในร้านGS25
          ของกินส่วนใหญ่เราจะซื้อในร้านที่ลดราคา 1แถม1 ซึ่งมีร้านให้เห็นมากทั่วไปในเกาหลี แค่คุณต้องเลือกร้านดีๆและไม่ใจร้อนที่จะรีบซื้อเพราะร้านทั่วไปก็ขายเหมือนๆกันหมด แต่ราคาจะไม่เท่ากันบางร้านขาย1000วอน แต่ถ้าเดินไปอีกนิดอาจเจอ500วอน
           ซื้อของกินให้ซื้อในร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆที่ไม่ใช่เซเว่นหรือGS25 จะได้ของในราคาที่ถูกมากกว่าและมีของแถมอีกด้วย

หลังจากที่ซื้อของและกินกันแล้วเราก็เตรียมไปที่พักในคืนที่2กันได้เลย ด้วยการนั่งSubway ราคา1050วอนทุกสาย
จากสถานนีEwha Womans Univ ไปยังสถานนีSingdangกันเลย

เนื่อจากเรามาเร็วกว่าเวลาที่นัดเราจึงออกไปหาอะไรลงมากินเพื่อคลายหนาวกัน

          และแล้วก็ได้เจอร้านต๊อกบ๊กกีหน้าประตูตอนขึ้นมาเราก็ไม่พลาดที่จะซื้อกิน ร้านนี่เป็นต๊อกที่ถูก เยอะที่สุดเท่าที่ได้กินมาที่เกาหลีด้วยราคาเพียง1500วอนและป้าแกยังใจดีแถมไข่ให้อีก2ลูก

          แต่เมื่อถือเวลานัดเราดันไม่ได้ถามว่าต้องออกประตูไหนจึงทำให้เราต้องกลับลงไปเสียเงินใหม่อีกรอบเพื่อไปยังสถานที่ที่ได้นัดไว้
คืนที่2-9เราได้จองอื่นที่ผ่านเว็บ https://th.airbnb.com/ สามารถเลือกและเลือกที่พักได้เลยที่ตรงกับราคาและใจ สะดวกสบายและได้เพื่อนใหม่อย่างที่คาดไม่ถึง เพราะการที่เราได้อยู่ที่บ้านเพื่อนเกาหลีคนนี้ทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่และดีมาก มีเพื่อนเพิ่มเยอะและได้รู้จักกับพี่คนไทยในเกาหลีทั้ง4ที่ใจดีมากที่สุด
>>>>>>>>>>> สามารถติดตามอ่านความสนุกในการใช้ชีวิตแบบงบน้อยได้ต่อตอนที่2ได้นะคะ http://pantip.com/topic/33275997
>>>>>>>>>>> กรุณาแสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะคะ เพื่อเราจะได้นำมาประยุกต์ใช้ในกระทู้ต่อๆไป ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่