สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ผมว่า ผมเบื่อกับแนวการตอบแบบของเหล่า สธก. พวกนี้เต็มที.... เหตผลแบบนี้ใช้กันมาเป็นสิบ ๆ ปี ก็ยังไม่มี่มุกใหม่เลย?
ไอ้ที่บอกว่าคนที่คนที่ศรัทธาวัดพระธรรมกายทุกคน เคยได้ยินข่าวเรื่องพระลิขิต เข้ามาใหม่ๆ จะหาข้อมูลทั้งหนังสือพิมพ์ และคนในวัด เขาไม่ฟังความข้างเดียว นั่นมันคงไม่ใช่ละมัง... (login 2110957 )
ถ้ามีใครอ้างเรื่องพระลิขิต..ก็ยก พระลิขิตปลอมบ้าง...ห้องกระจกบ้าง ฯลฯ จับแพะชนแกะคนละยุคคนละกรณีกันให้สับสน
เรื่องกรณี..พระลิขิตของสมเด็จญานฯ นั้น ผมว่าเลิกอ้างกันได้แล้ว เพราะเค้าข้ามขั้นไปถึงการตรวจสอบกันทุกฝ่ายแล้ว ให้ทราบด้วยวา..ไม่มีอัยการไหนจะกล้าเซ็นรับรองเอกสารแล้วยื่นใช้เป็นหนึ่งพยานเอกสารในศาลหรอกครับ
แม้แต่ในคดีธรรมดา ...เวลาทนายจะยื่นเอกสารใดเข้าไปใช้ก็ต้องเซ็นรับรองเอกสารกันทั้งนั้น เพราะเกิดศาลท่านพบว่าเป็นเอกสารเท็จ มิติดคุกกันหัวโตหรือครับ
อย่าหมิ่นการทำงานอัยการมากไปนะครับ.. เพราะกว่าจะทำสำนวนส่งฟ้องได้มันต้องกรองแล้วกรองอีก ..ขนาด พนง.สอบสวนทำมาไม่รัดกุม ยังต้องกลับไปให้ทำใหม่เพราะกลัวพลาด
และยิ่งคดีทีมีจำเลยใหญ่ระดับคับฟ้าขนาดนี้....ขนาดที่ วุ่นกันไปตั้งแต่ระดับ เจ้าคณะตำบล..ยันคณะภาค1 ฯลฯ แบบนี้อัยการยิ่งต้องละเอียดยิบอยู่แล้ว
ในพระลิขิต ก็ยังมีคนมาแถอีกว่าเป็นพระลิขิต....ไม่ใช่พระบัญชา แถมยังบอกว่า มหาเถรสมาคมท่านแค่เซ็นรับทราบไม่ใช่รับพระบัญชา
ผมว่าหลอกพวกเดียวกันให้เชื่อน่ะไม่ยาก....แตหลอกคนทั่วไปและเป็นส่วนใหญ่อาจยากหน่อย
ในเอกสารที่ทรงมีพระลิขิตส่งไปให้มหาเถรสมาคมตั้งหลายครั้ง..จนกระทั่งเริ่มละอายสุดท้ายจึงได้เซ็นรับทราบและ สนองพระดำริ (ใช้คำว่าสนองพระดำรินะครับ) สิ่งที่เป็นกฎหมายก็คือ มหาเถรสมาคมเขียนไว้ชัดว่า ให้ฝ่ายสังฆาธิการรับไปดำเนินการต่อไป
ปัญหาว่า...ฝ่ายสังฆาธิการคือใคร คำตอบก็คือ โยม ๆ ที่มีหน้าที่ไปจับพระสึกนี่ละ.....
อีกอย่างที่พยายามที่จะเขียนราวกับว่าตัวเองติดตามเรื่องนี้ถึงขนาดไปนั่งฟังในศาล.... ผมถามคุณคำเหอะ จำได้มั้ย่วา ศาลท่านนัดไต่สวน..รวมสืบพยานโจทก์,จำเลยกันกี่ปาก..กี่วัน..กี่ครั้ง
แถมยังเขียนชี้นำบรรยากาศว่า ศาลฯ ท่านฟังแล้วยังส่ายหัว....ให้เห็นว่าศาลท่านยังไม่เอาด้วย...นี่มันหมิ่นศาลนะครับ!! เตือนไว้ก่อน
เอาละ..ผมเชื่อว่าคุณอาจจำไม่ได้ แต่ให้จำว่า เค้าสืบพยานกันมาหลายปากหลายนัดจนดิ้นจะไม่หลุดแล้ว...พยานหลายปาก ไมว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง,พระอติศักดิ์,เจ้าหน้าที่ธนาคารที่ระบุการโอนเงิน, ฯลฯ
การฟ้องในตำแหน่งเจ้าพนักงานละเว้น 157 นี่...ถามจริง ๆ เหอะว่า สธก. ไม่ทราบหรือว่า เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลอะไร?
ผมไม่อยากลงในรายละเอียดในพระธรรมวินัยให้ 12 พระเดชพระคุณ มส. ท่านเสื่อมเสียไปกว่านี้.... เพราะในพระธรรมวินัยนั้นมันชัดว่าแค่ เอาเงินใส่บาตรสักบาทสองบาท ท่านก็อาบัติแล้ว...แถมอาบัติที่ต้องสละทิ้งและสละทิ้งต่อหน้าสงฆ์ด้วยกันในขณะปลงนะครับไม่ใช่เอาไปใช้แล้วมาปลงได้ซะเมื่อไหร่?
ถ้าฟ้องกันในคดียักยอกนั้น...มันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะ คดีพวกนี้มันยอมความได้ถ้ามีการถอนฟ้อง (ซึ่งหลายคนก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า แล้วเมื่อฟ้อง 157 ไปด้วยแล้วทำไมถึงถอนได้ทั้งยวง...อันนี้ไม่เป็นไรยกประโยชน์ให้จำเลยละกันป
เมื่อถอนฟ้อง ก็กลับไปเป็นปกติ..ไม่ผิดทางโลก แต่ทางพระวินัยมันหลุดไปตั้งแต่เอาไปแล้วมิใช่หรือ?
สุดท้าย...ฝาก login 2110957 ช่วยตอบผมสัก สามข้อนะครับ
1. ถ้าพระลิขิตของพระองค์ท่านสองสามฉบับนั้นปลอม จะคืนเงินให้วัดไปทำไมละครับ ..สู้เลยซิครับ นำหลักฐานพยานเข้าสืบเลยว่า พระลิขิตของพระองค์เป็นของปลอม! จะได้จับอ้ายอีหน้าไหนที่มันบังอาจ
2. ถ้าคิดว่าการยักยอกนั้นไม่มีความผิดเพราะไม่มีเจ้าทุกข์ร้อง ....นำพยานทั้งบุคคลทั้งวัตถุพยานมาสู้ซิครับ ว่าการโอนเงินเข้าบัญชีนั้น..ซื้อที่ดินเป็นชื่อตัวเองที่นั่นที่นี่ เป็นเรื่องปกติที่ ภิกษุไหนๆ ทำได้!!???? และ
3. ถ้าคิดว่าการยักยอกเงินแล้วคืนเป็นเรื่องที่เลิกแล้วกันไป..แล้วเกิดมีใครทั้งพระเถรเณรชีในวัดที่ท่านศรัทธา (ซึ่งทราบว่าร่ารวยมาก) เกิดท่านใดสนใจบ้างก็ช่วยกันยักยอกทรัพย์ในวัดกันตามเหตุปัจจัยจะเอื้อให้... ถ้าวัดจับได้ก็ค่อยคืน...แต่ถ้าจับไม่ได้ก็ทำไปตามอัธยาศรัย แบบนี้คุณว่า ถูกต้องดีแล้วใช่มั้ย?
ไอ้ที่บอกว่าคนที่คนที่ศรัทธาวัดพระธรรมกายทุกคน เคยได้ยินข่าวเรื่องพระลิขิต เข้ามาใหม่ๆ จะหาข้อมูลทั้งหนังสือพิมพ์ และคนในวัด เขาไม่ฟังความข้างเดียว นั่นมันคงไม่ใช่ละมัง... (login 2110957 )
ถ้ามีใครอ้างเรื่องพระลิขิต..ก็ยก พระลิขิตปลอมบ้าง...ห้องกระจกบ้าง ฯลฯ จับแพะชนแกะคนละยุคคนละกรณีกันให้สับสน
เรื่องกรณี..พระลิขิตของสมเด็จญานฯ นั้น ผมว่าเลิกอ้างกันได้แล้ว เพราะเค้าข้ามขั้นไปถึงการตรวจสอบกันทุกฝ่ายแล้ว ให้ทราบด้วยวา..ไม่มีอัยการไหนจะกล้าเซ็นรับรองเอกสารแล้วยื่นใช้เป็นหนึ่งพยานเอกสารในศาลหรอกครับ
แม้แต่ในคดีธรรมดา ...เวลาทนายจะยื่นเอกสารใดเข้าไปใช้ก็ต้องเซ็นรับรองเอกสารกันทั้งนั้น เพราะเกิดศาลท่านพบว่าเป็นเอกสารเท็จ มิติดคุกกันหัวโตหรือครับ
อย่าหมิ่นการทำงานอัยการมากไปนะครับ.. เพราะกว่าจะทำสำนวนส่งฟ้องได้มันต้องกรองแล้วกรองอีก ..ขนาด พนง.สอบสวนทำมาไม่รัดกุม ยังต้องกลับไปให้ทำใหม่เพราะกลัวพลาด
และยิ่งคดีทีมีจำเลยใหญ่ระดับคับฟ้าขนาดนี้....ขนาดที่ วุ่นกันไปตั้งแต่ระดับ เจ้าคณะตำบล..ยันคณะภาค1 ฯลฯ แบบนี้อัยการยิ่งต้องละเอียดยิบอยู่แล้ว
ในพระลิขิต ก็ยังมีคนมาแถอีกว่าเป็นพระลิขิต....ไม่ใช่พระบัญชา แถมยังบอกว่า มหาเถรสมาคมท่านแค่เซ็นรับทราบไม่ใช่รับพระบัญชา
ผมว่าหลอกพวกเดียวกันให้เชื่อน่ะไม่ยาก....แตหลอกคนทั่วไปและเป็นส่วนใหญ่อาจยากหน่อย
ในเอกสารที่ทรงมีพระลิขิตส่งไปให้มหาเถรสมาคมตั้งหลายครั้ง..จนกระทั่งเริ่มละอายสุดท้ายจึงได้เซ็นรับทราบและ สนองพระดำริ (ใช้คำว่าสนองพระดำรินะครับ) สิ่งที่เป็นกฎหมายก็คือ มหาเถรสมาคมเขียนไว้ชัดว่า ให้ฝ่ายสังฆาธิการรับไปดำเนินการต่อไป
ปัญหาว่า...ฝ่ายสังฆาธิการคือใคร คำตอบก็คือ โยม ๆ ที่มีหน้าที่ไปจับพระสึกนี่ละ.....
อีกอย่างที่พยายามที่จะเขียนราวกับว่าตัวเองติดตามเรื่องนี้ถึงขนาดไปนั่งฟังในศาล.... ผมถามคุณคำเหอะ จำได้มั้ย่วา ศาลท่านนัดไต่สวน..รวมสืบพยานโจทก์,จำเลยกันกี่ปาก..กี่วัน..กี่ครั้ง
แถมยังเขียนชี้นำบรรยากาศว่า ศาลฯ ท่านฟังแล้วยังส่ายหัว....ให้เห็นว่าศาลท่านยังไม่เอาด้วย...นี่มันหมิ่นศาลนะครับ!! เตือนไว้ก่อน
เอาละ..ผมเชื่อว่าคุณอาจจำไม่ได้ แต่ให้จำว่า เค้าสืบพยานกันมาหลายปากหลายนัดจนดิ้นจะไม่หลุดแล้ว...พยานหลายปาก ไมว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง,พระอติศักดิ์,เจ้าหน้าที่ธนาคารที่ระบุการโอนเงิน, ฯลฯ
การฟ้องในตำแหน่งเจ้าพนักงานละเว้น 157 นี่...ถามจริง ๆ เหอะว่า สธก. ไม่ทราบหรือว่า เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลอะไร?
ผมไม่อยากลงในรายละเอียดในพระธรรมวินัยให้ 12 พระเดชพระคุณ มส. ท่านเสื่อมเสียไปกว่านี้.... เพราะในพระธรรมวินัยนั้นมันชัดว่าแค่ เอาเงินใส่บาตรสักบาทสองบาท ท่านก็อาบัติแล้ว...แถมอาบัติที่ต้องสละทิ้งและสละทิ้งต่อหน้าสงฆ์ด้วยกันในขณะปลงนะครับไม่ใช่เอาไปใช้แล้วมาปลงได้ซะเมื่อไหร่?
ถ้าฟ้องกันในคดียักยอกนั้น...มันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะ คดีพวกนี้มันยอมความได้ถ้ามีการถอนฟ้อง (ซึ่งหลายคนก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า แล้วเมื่อฟ้อง 157 ไปด้วยแล้วทำไมถึงถอนได้ทั้งยวง...อันนี้ไม่เป็นไรยกประโยชน์ให้จำเลยละกันป
เมื่อถอนฟ้อง ก็กลับไปเป็นปกติ..ไม่ผิดทางโลก แต่ทางพระวินัยมันหลุดไปตั้งแต่เอาไปแล้วมิใช่หรือ?
สุดท้าย...ฝาก login 2110957 ช่วยตอบผมสัก สามข้อนะครับ
1. ถ้าพระลิขิตของพระองค์ท่านสองสามฉบับนั้นปลอม จะคืนเงินให้วัดไปทำไมละครับ ..สู้เลยซิครับ นำหลักฐานพยานเข้าสืบเลยว่า พระลิขิตของพระองค์เป็นของปลอม! จะได้จับอ้ายอีหน้าไหนที่มันบังอาจ
2. ถ้าคิดว่าการยักยอกนั้นไม่มีความผิดเพราะไม่มีเจ้าทุกข์ร้อง ....นำพยานทั้งบุคคลทั้งวัตถุพยานมาสู้ซิครับ ว่าการโอนเงินเข้าบัญชีนั้น..ซื้อที่ดินเป็นชื่อตัวเองที่นั่นที่นี่ เป็นเรื่องปกติที่ ภิกษุไหนๆ ทำได้!!???? และ
3. ถ้าคิดว่าการยักยอกเงินแล้วคืนเป็นเรื่องที่เลิกแล้วกันไป..แล้วเกิดมีใครทั้งพระเถรเณรชีในวัดที่ท่านศรัทธา (ซึ่งทราบว่าร่ารวยมาก) เกิดท่านใดสนใจบ้างก็ช่วยกันยักยอกทรัพย์ในวัดกันตามเหตุปัจจัยจะเอื้อให้... ถ้าวัดจับได้ก็ค่อยคืน...แต่ถ้าจับไม่ได้ก็ทำไปตามอัธยาศรัย แบบนี้คุณว่า ถูกต้องดีแล้วใช่มั้ย?
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบว่า..ใครมีความคิดเห็นยังไงกันบ้างคะ? กับมติของเถระสมาคม เกี่ยวกับ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย คืนทรัพย์แล้วไม่ผิด???