ก่อนอื่นบอกก่อนเลยว่า เราเป็นผู้หญิงคนเดียวในออฟฟิศ และมีผู้ชายอีก 2 คน นั่งอยู่ด้วยกัน
ปัญหาที่ทำเราประสาทเสียคือความสกปรกค่ะ
เรานั่งในห้องส่วนตัว ที่เป็นทางผ่านเข้าออกไปยังห้องครัว เวลากินข้าวก็มากินในห้องเราบ้าง อันนี้ถือเป็นปกติไม่ซีเรียสอะไร
ผู้ชายสองคน ขอใช้ชื่อว่า พี่ E กับน้อง M
ปกติออฟฟิศเราจะชอบซื้อข้าวขึ้นมากินกัน เวลากินข้าวถ้าไม่มานั่งกินในห้องเรา พี่ E กับน้อง M เค้าก็จะเอาไปกินที่โต๊ะทำงานเค้าน้อง M อะไม่มีปัญหา
ปัญหาที่เรารับไม่ได้คือ พี่ E เค้าเป็นคนสกปรกแบบ .... ไม่น่าเชื่ออะค่ะ ขอแยกเป็นประเด็นเลยนะคะ
1. เศษอาหารที่เหลือจากการกิน และจานที่ไม่ยอมล้าง
เค้ากินข้าว แล้วเค้าจะเอาถ้วยชามที่กินแล้ว หมกไว้ในลิ้นชักโต๊ะ ไม่ก็ถ้ากินข้าวกับกล่องโฟม ก็จะเอาช้อนที่กินแล้ว ทิ้งไว้ตามมอนิเตอร์ตามโต๊ะของเค้า ตาเครื่องพีซี บางที เราเจอราขึ้นที่ชามข้าวเค้า ไม่ก็เศษอาหารบูดคาชามข้าว เราก็ไม่กล้าใช้ถ้วยชามนั้นอีกเลย ตัดปัญหาด้วยการที่เรามีภาชนะเป็นของตัวเอง ไม่กล้าใช้ร่วมกับเค้าอีก และยังดีที่เราเลือกใช้ช้อนแบบเกาหลีกินข้าว เค้าก็ยังเห็นว่าเป็นของเรา ไม่กล้าใช้ปน
หลัง ๆ มา แม่บ้านที่ออฟฟิศ เอาจานชามไปล้างให้ เราก็เบาใจขึ้นมา ว่าคงไม่มีเชื้อรา กับข้าวเหม็นบูดอีก แต่มันไม่จบแค่นั้น คือเค้าทานเสร็จ เค้าเหลือเศษกระดูก เศษน้ำแกงไว้ แล้วไม่เทเศษอาหารทิ้ง กว่าแม่บ้านจะเอาไปล้าง ก็บางทีเป็นวันรุ่งขึ้น ... ซึ่งกลิ่นบูดก็เข้ามาในห้องทำงานเรียบร้อย เห้ออ
เราเคยบอกเค้านะ ว่า เทเศษอาหารลงถุงละมัดปากด้วย จะได้ไม่เน่าคาถ้วย เค้าก็รับปากว่าจะทำ และทำอยู่ 1 ครั้งถ้วน แล้วก็ไม่ทำอีก
2. มารยาทในการอยู่ร่วมกัน
2.1 พี่ E เค้าเป็นอะไรไม่ทราบค่ะ เวลาทานข้าว ถ้าไม่ทานที่โต๊ะเค้า เค้าจะมาทานในห้องทำงานเรา ซึ่งเราไม่ว่านะ เพราะเราก็ทาน แต่เค้าไม่นั่งทานดี ๆ ค่ะ เค้ายืนทานไปด้วย ดูทีวีไปด้วย แล้วเปิดทีวีเสียงดัง ไม่พอคือเคี้ยวเสียงดัง แล้วพอมีเศษกระดูกเศษอะไร ก็ดึงออกจากปากละทิ้งบนพื้นห้อง เราต้องคอยบอกให้เก็บไปด้วย
2.2 ปกติเค้าจะเป็นคนที่ชอบแคะหู โดยเอาทิชชู่บนโต๊ะเราไปปั่นให้ปลายแหลม ๆ แล้วแคะหู มีครั้งนึงที่เราเกือบอ้วกคือ เค้ามายืนคุยกับเรา แล้วปั่นหูหน้าโต๊ะเรา พอปั่น ๆ ออกมา แล้วก็เอามือบี้ ๆ ขี้หูแล้วเอามาดม คือเราทำหน้าแบบ เห้ยยยยยย สงสารตรูหน่อย นี่นั่งกินข้าวอยู่ หลัง ๆ มาเราเก็บทิชชู่ลงลิ้นชัก แล้วบอกว่าเราไม่ได้ซื้อทิชชู่ไว้ เค้าก็เลยไม่ค่อยปั่นหูอะไร แต่พอมาเบิกเงินใน เราเปิดลิ้นชักแล้วเค้าเจอทิชชู่ เค้าจะขอเราทันที ปั่น ๆ บี้ ๆ ดม เอาจริง ๆ คือ ภาพติดตามาก ขนลุกมาก
2.3 บางช่วงที่พี่ E เค้าเป็นหวัด เค้าก็จะมีน้ำมูก วันนั้น เราเดินผ่านโต๊ะเค้า ไปยืนคุยงานกับเค้า ภาพที่เราเห็นคือ เค้าเอามาส์กที่ไว้ปิดหน้า มาสั่งน้ำมูกค่ะ และนอกจากนั้น เค้าไอ จาม ไม่เคยปิดปาก เคยลงลิฟท์ไปพร้อมเค้า เค้าไอหนักมาก ไอในลิฟท์ คุณพระ เราก็ยกมือปิดปากปิดจมูก และ ในใจ #ร้องไห้หนักมาก เช่นกัน
3. สุขอนามัย การดูและความสะอาดร่างกาย
เค้าไม่ค่อยสระผมค่ะ เวลาเค้าเดินผ่าน จะมีกลิ่นเหม็นสาบตามตัว เราต้องใช้วิธีกลั้นหายใจ
กลิ่นปากและลมหายใจถ้าคุยกะเค้าจะได้กลิ่นในระยะ 1 เมตร ต้องยืนห่าง ๆ หลัง ๆ เราเลี่ยงที่จะออกไปนอกสถานที่กับเค้า ต้องขับรถไปสองคน หรือนั่งประชุมติดกัน เลี่ยงทั้งหมดค่ะ ทนกลิ่นรถขยะคว่ำในปากไม่ไหวจริงๆ
เสื้อผ้าเค้าก็ใส่แบบไม่ค่อยซักค่ะ แล้วเก่า ๆ และสกปรก กลิ่นแรงมากกกก รองเท้าที่เค้าใส่ก็เกรอะกรังเต็มไปด้วยฝุ่น
4. โต๊ะทำงาน
พี่ E เค้าไม่เคยทำความสะอาดโต๊ะทำงาน คีย์บอร์ด เมาส์ อะไรเลยค่ะ คราบเหนียว ๆ ที่คีย์บอร์ด เมาส์ เต็มไปหมด แล้วก็ไม่เคลียร์เอกสารออกจากโต๊ะด้วย ทุกอย่างกองสุมกันอยู่ที่โต๊ะเค้า เราไม่เคยไว้ใจให้เค้าเก็บเอกสารใด ๆ สำหรับเรา โต๊ะเค้าคือแหล่งเชื้อโรค ถ้าไม่จำเป็นจะไม่แตะต้อง
5. อุปนิสัยส่วนตัว
อันนี้ค่อนข้าง 50/50 ค่ะ เค้าเป็นคนที่อายุมากกว่าเรา แต่เราสั่งให้เค้าทำงานได้ แต่ต้องสั่งมากกว่า 3-4 รอบ ทวงแล้วทวงอีก ถึงจะสำเร็จ การพิมพ์จดหมาย อะไรนี่ต้องแก้ 3 ครั้งขึ้นไปค่ะ เพราะเค้าพิมพ์ผิด และมีการจัดวางรูปแบบเอกสารที่ไม่ได้ตรงตามมาตรฐาน แต่ข้อดีคือ เค้าไม่แสดงความไม่พอใจ ถ้าเราให้แก้ไขอะไร เค้ายืนดีแก้ แต่บางที เราก็เบื่อจะแก้หลาย ๆ รอบ
เราอาจจะคิดมากเกินไปนะ เราจะเตือนเค้ามากก็จะกลายเป็นคนจู้จี้จุกจิก ทำงานกับผู้ชายต้องทำใจ แต่อันนี้คือเรารับไม่ด้ายยย
ขอชวนหลาย ๆ คนมาร่วมแชร์ประสบการณ์นะคะ ว่าเคยเจอสกปรกกว่านี้มั้ย เผื่อเราจะอุ่นใจ ว่าเราก็ไม่ได้เผชิญปัญหานี้อยู่เดียวดาย 555555555555555555555555
ใครมีเพื่อนร่วมงานสกปรกบ้างคะ มาแชร์กันค่ะ
ปัญหาที่ทำเราประสาทเสียคือความสกปรกค่ะ
เรานั่งในห้องส่วนตัว ที่เป็นทางผ่านเข้าออกไปยังห้องครัว เวลากินข้าวก็มากินในห้องเราบ้าง อันนี้ถือเป็นปกติไม่ซีเรียสอะไร
ผู้ชายสองคน ขอใช้ชื่อว่า พี่ E กับน้อง M
ปกติออฟฟิศเราจะชอบซื้อข้าวขึ้นมากินกัน เวลากินข้าวถ้าไม่มานั่งกินในห้องเรา พี่ E กับน้อง M เค้าก็จะเอาไปกินที่โต๊ะทำงานเค้าน้อง M อะไม่มีปัญหา
ปัญหาที่เรารับไม่ได้คือ พี่ E เค้าเป็นคนสกปรกแบบ .... ไม่น่าเชื่ออะค่ะ ขอแยกเป็นประเด็นเลยนะคะ
1. เศษอาหารที่เหลือจากการกิน และจานที่ไม่ยอมล้าง
เค้ากินข้าว แล้วเค้าจะเอาถ้วยชามที่กินแล้ว หมกไว้ในลิ้นชักโต๊ะ ไม่ก็ถ้ากินข้าวกับกล่องโฟม ก็จะเอาช้อนที่กินแล้ว ทิ้งไว้ตามมอนิเตอร์ตามโต๊ะของเค้า ตาเครื่องพีซี บางที เราเจอราขึ้นที่ชามข้าวเค้า ไม่ก็เศษอาหารบูดคาชามข้าว เราก็ไม่กล้าใช้ถ้วยชามนั้นอีกเลย ตัดปัญหาด้วยการที่เรามีภาชนะเป็นของตัวเอง ไม่กล้าใช้ร่วมกับเค้าอีก และยังดีที่เราเลือกใช้ช้อนแบบเกาหลีกินข้าว เค้าก็ยังเห็นว่าเป็นของเรา ไม่กล้าใช้ปน
หลัง ๆ มา แม่บ้านที่ออฟฟิศ เอาจานชามไปล้างให้ เราก็เบาใจขึ้นมา ว่าคงไม่มีเชื้อรา กับข้าวเหม็นบูดอีก แต่มันไม่จบแค่นั้น คือเค้าทานเสร็จ เค้าเหลือเศษกระดูก เศษน้ำแกงไว้ แล้วไม่เทเศษอาหารทิ้ง กว่าแม่บ้านจะเอาไปล้าง ก็บางทีเป็นวันรุ่งขึ้น ... ซึ่งกลิ่นบูดก็เข้ามาในห้องทำงานเรียบร้อย เห้ออ
เราเคยบอกเค้านะ ว่า เทเศษอาหารลงถุงละมัดปากด้วย จะได้ไม่เน่าคาถ้วย เค้าก็รับปากว่าจะทำ และทำอยู่ 1 ครั้งถ้วน แล้วก็ไม่ทำอีก
2. มารยาทในการอยู่ร่วมกัน
2.1 พี่ E เค้าเป็นอะไรไม่ทราบค่ะ เวลาทานข้าว ถ้าไม่ทานที่โต๊ะเค้า เค้าจะมาทานในห้องทำงานเรา ซึ่งเราไม่ว่านะ เพราะเราก็ทาน แต่เค้าไม่นั่งทานดี ๆ ค่ะ เค้ายืนทานไปด้วย ดูทีวีไปด้วย แล้วเปิดทีวีเสียงดัง ไม่พอคือเคี้ยวเสียงดัง แล้วพอมีเศษกระดูกเศษอะไร ก็ดึงออกจากปากละทิ้งบนพื้นห้อง เราต้องคอยบอกให้เก็บไปด้วย
2.2 ปกติเค้าจะเป็นคนที่ชอบแคะหู โดยเอาทิชชู่บนโต๊ะเราไปปั่นให้ปลายแหลม ๆ แล้วแคะหู มีครั้งนึงที่เราเกือบอ้วกคือ เค้ามายืนคุยกับเรา แล้วปั่นหูหน้าโต๊ะเรา พอปั่น ๆ ออกมา แล้วก็เอามือบี้ ๆ ขี้หูแล้วเอามาดม คือเราทำหน้าแบบ เห้ยยยยยย สงสารตรูหน่อย นี่นั่งกินข้าวอยู่ หลัง ๆ มาเราเก็บทิชชู่ลงลิ้นชัก แล้วบอกว่าเราไม่ได้ซื้อทิชชู่ไว้ เค้าก็เลยไม่ค่อยปั่นหูอะไร แต่พอมาเบิกเงินใน เราเปิดลิ้นชักแล้วเค้าเจอทิชชู่ เค้าจะขอเราทันที ปั่น ๆ บี้ ๆ ดม เอาจริง ๆ คือ ภาพติดตามาก ขนลุกมาก
2.3 บางช่วงที่พี่ E เค้าเป็นหวัด เค้าก็จะมีน้ำมูก วันนั้น เราเดินผ่านโต๊ะเค้า ไปยืนคุยงานกับเค้า ภาพที่เราเห็นคือ เค้าเอามาส์กที่ไว้ปิดหน้า มาสั่งน้ำมูกค่ะ และนอกจากนั้น เค้าไอ จาม ไม่เคยปิดปาก เคยลงลิฟท์ไปพร้อมเค้า เค้าไอหนักมาก ไอในลิฟท์ คุณพระ เราก็ยกมือปิดปากปิดจมูก และ ในใจ #ร้องไห้หนักมาก เช่นกัน
3. สุขอนามัย การดูและความสะอาดร่างกาย
เค้าไม่ค่อยสระผมค่ะ เวลาเค้าเดินผ่าน จะมีกลิ่นเหม็นสาบตามตัว เราต้องใช้วิธีกลั้นหายใจ
กลิ่นปากและลมหายใจถ้าคุยกะเค้าจะได้กลิ่นในระยะ 1 เมตร ต้องยืนห่าง ๆ หลัง ๆ เราเลี่ยงที่จะออกไปนอกสถานที่กับเค้า ต้องขับรถไปสองคน หรือนั่งประชุมติดกัน เลี่ยงทั้งหมดค่ะ ทนกลิ่นรถขยะคว่ำในปากไม่ไหวจริงๆ
เสื้อผ้าเค้าก็ใส่แบบไม่ค่อยซักค่ะ แล้วเก่า ๆ และสกปรก กลิ่นแรงมากกกก รองเท้าที่เค้าใส่ก็เกรอะกรังเต็มไปด้วยฝุ่น
4. โต๊ะทำงาน
พี่ E เค้าไม่เคยทำความสะอาดโต๊ะทำงาน คีย์บอร์ด เมาส์ อะไรเลยค่ะ คราบเหนียว ๆ ที่คีย์บอร์ด เมาส์ เต็มไปหมด แล้วก็ไม่เคลียร์เอกสารออกจากโต๊ะด้วย ทุกอย่างกองสุมกันอยู่ที่โต๊ะเค้า เราไม่เคยไว้ใจให้เค้าเก็บเอกสารใด ๆ สำหรับเรา โต๊ะเค้าคือแหล่งเชื้อโรค ถ้าไม่จำเป็นจะไม่แตะต้อง
5. อุปนิสัยส่วนตัว
อันนี้ค่อนข้าง 50/50 ค่ะ เค้าเป็นคนที่อายุมากกว่าเรา แต่เราสั่งให้เค้าทำงานได้ แต่ต้องสั่งมากกว่า 3-4 รอบ ทวงแล้วทวงอีก ถึงจะสำเร็จ การพิมพ์จดหมาย อะไรนี่ต้องแก้ 3 ครั้งขึ้นไปค่ะ เพราะเค้าพิมพ์ผิด และมีการจัดวางรูปแบบเอกสารที่ไม่ได้ตรงตามมาตรฐาน แต่ข้อดีคือ เค้าไม่แสดงความไม่พอใจ ถ้าเราให้แก้ไขอะไร เค้ายืนดีแก้ แต่บางที เราก็เบื่อจะแก้หลาย ๆ รอบ
เราอาจจะคิดมากเกินไปนะ เราจะเตือนเค้ามากก็จะกลายเป็นคนจู้จี้จุกจิก ทำงานกับผู้ชายต้องทำใจ แต่อันนี้คือเรารับไม่ด้ายยย
ขอชวนหลาย ๆ คนมาร่วมแชร์ประสบการณ์นะคะ ว่าเคยเจอสกปรกกว่านี้มั้ย เผื่อเราจะอุ่นใจ ว่าเราก็ไม่ได้เผชิญปัญหานี้อยู่เดียวดาย 555555555555555555555555