จากกระทู้คราวที่แล้วของเรา จัดสรรเงินโบนัสยังไงดี?
http://pantip.com/topic/33226061
ทางเราสัญญาว่าจะมาแนะนำเรื่องการซื้อ LTF/RMF ยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพวกเราเหล่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ
หลายๆท่านอาจจะถามว่า มาพูดเรื่องซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีอะไรตอนนี้ เดี๋ยวค่อยไปคิดกันท้ายๆปีโน้น แต่การซื้อ LTF/RMF ท้ายๆปีมีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ซื้อในราคาที่แพง ซื้อไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้เพราะเตรียมเงินไม่ทัน และไม่ได้ผลตอบแทนดังที่คาดหวังเพราะไม่ได้เตรียมวางแผนล่วงหน้า
เราเชื่อว่าหลายๆท่านคงจะซื้อกองทุน LTF (Long-Term Fund) และ RMF (Retirement Mutual Fund) ทุกๆปีอยู่แล้วเพื่อที่จะลดหย่อนภาษีประจำปี และเราก็เชื่อว่าบางท่านก็จะมีคำถามทุกๆปีว่า ปีนี้ควรจะซื้อกองทุน LTF/RMF เท่าไหรดีถึงจะคุ้มกับเงินที่ลงทุน ซื้อเมื่อไหร่ดีถึงจะไม่รบกวนกระแสเงินสด และซื้อกองไหนดีถึงให้ผลตอบแทนสูงที่สุด วันนี้เราจะมาตอบคำถามข้อแรกกันก่อนนะครับ
คำถามยอดฮิตข้อที่ 1 ควรจะซื้อ LTF/RMF เท่าไหรดี? – การที่จำตอบคำถามนี้ได้ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าผลตอบแทนของกองทุน LTF/RMF มาจากไหนก่อน ผลตอบแทนของกองทุน LTF/RMF ได้มาจาก 2 ส่วนคือ
1. ผลตอบแทนจากภาษีที่เราลดหย่อนทันทีที่เราซื้อกองทุน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนี้เราอยู่ในฐานภาษีที่ 20% ถ้าเราซื้อกองทุน LTF/RMF เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เราจะได้ลดหย่อนหรือได้รับผลตอบแทนทันที 10,000 บาท (อัตราขึ้นอยู่กับรายได้ต่อปีและรายการลดหย่อยที่เราสามารถหักภาษีได้) ผลตอบแทนส่วนนี้จะลดลงตามขั้นบันไดภาษีของเราเมื่อเราซื้อกองทุนไปเรื่อยๆนะครับ
2. ผลตอบแทนที่กองทุนสามารถทำได้
หลังจากเข้าใจแล้วว่าผลตอบแทนของ LTF/RMF มาจากไหน ต่อไปให้ถามตัวเองว่า:
1. มีความรู้ในการลงทุนแค่ไหน
2. สามารถสร้างผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีได้เท่าไหร่
3. สามารถลงทุนในกองทุนต่อปีได้โดยที่ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดได้เท่าไหร่ หรือพูดง่ายๆคือมีเงินเย็นเท่าไหร่
ที่ให้ถามคำถามนี้กับตัวเองเพราะว่าแต่ละคนมีหลายๆปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น รายได้ต่อปี ภาระหน้าที่ ความรู้ในการลงทุน และ รายการลดหย่อนภาษีต่อปี
ถ้าเรามีความรู้ในการลงทุนมาก และสมมุติว่าสามารถสร้างผลตอบแทนโดยเฉลี่ยได้ปีละ 12% ต่อปี เราก็ควรจะซื้อ LTF/RMF จนถึงแค่ขั้นภาษีที่ 10% เพราะหลังจากนั้น ถึงแม้ว่าเราจะได้ผลตอบแทนทันที 10% เมื่อซื้อกองทุน แต่เงินก้อนนั้นจะต้องจมอยู่ในกองทุนนั้นอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีปฎิทิน เมื่อชั่งดูแล้ว เราจะเห็นว่าการที่เราเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนเอง จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า.
ยกตัวอย่างเช่น นาย A เป็นหนุ่มโสด พ่อแม่ยังคงทำงานอยู่ ระหว่างทำงานบริษัทก็ถูกหักประกันสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั้วๆไป และยังไม่ได้ซื้อประกันชีวิต เราจะเห็นได้ว่าถ้า นาย A ไม่ซื้อ LTF/RMF เลยนั้น นาย A จะต้องเสียภาษีเป็นจำนวน:
ถ้านาย A ซื้อกองทุน LTF/RMF ทั้ง 2 กองให้มากที่สุดเท่าที่จะซื้อได้หรือ 15% ของรายทได้ต่อปีจะต้องเสียภาษีเป็นจำนวน:
จะเห็นว่าการที่นาย A ลงทุนในกองทุน LTF/RMF ไป 300,000 บาทนั้น ทำให้ประหยัดเงินภาษีไปได้ 51,300 บาท หรือได้รับผลตอบแทนทันที 17% นี้ยังไม่รวมถึงผลตอบแทนจากผลงานของกองทุนที่จะได้รับจากการดำเนินงานเมื่อถึงเวลาขายกองทุนออกมาได้
ตัวอย่างสุดท้าย ถ้า นาย A มีความรู้ในการลงทุนและสามารถทำผลตอบแทนได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ต่อปี (ผมใช้ตัวเลขที่เกินจริงมากๆเพื่อให้เห็นภาพนะครับ) นาย A ควรจะซื้อ LTF/RMF เป็นจำนวน:
จะเห็นได้ว่าถ้าเราซื้อกองทุน LTF/RMF ให้ถึงแค่ขั้นภาษีที่เราสามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่า จะทำให้เราได้ผลตอบแทนสูงสุด อีกทั้งยังได้ประหยัดภาษีอีกด้วยนะครับ
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ตัวเลขที่ค่อนข้างจะเกินจริงเพื่อให้ผู้อ่านทุกคนเห็นภาพนะครับ ถ้าผู้อ่านทำผลตอบแทนได้ 20% ทุกๆปีจริงๆ ผมแนะนำว่าอย่าเสียเวลาทำงานเลยครับ ลาออกไปลงทุนอย่างเดียวดีกว่า
ทางเราขอย้ำว่าวิธีนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการหาผลตอบแทนของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องมาจากตลาดหุ้น แต่สามารถมาจากการลงทุนอื่นๆได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการได้ผลตอบแทนนั้นๆกับการที่ได้ผลตอบแทนทันทีในการซื้อกองทุนอีก ซึ้งบางทีการที่ได้ผลตอบแทนน้อยๆแต่ชัวอาจจะดีกว่าการที่จะได้ผลตอบแทนมากๆแต่มีความเสี่ยงนะครับ
คราวหน้าเราจะมาพูดถึงอีก 2 ข้อที่เหลอ คือ ควรจะซื้อ LTF/RMF เมื่อไหร และ ซื้อกองทุนไหนดีนะครับ
ซื้อกองทุน LTF/RMF เท่าไหรถึงให้ผลตอบแทนสูงสุด?
http://pantip.com/topic/33226061
ทางเราสัญญาว่าจะมาแนะนำเรื่องการซื้อ LTF/RMF ยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพวกเราเหล่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ
หลายๆท่านอาจจะถามว่า มาพูดเรื่องซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีอะไรตอนนี้ เดี๋ยวค่อยไปคิดกันท้ายๆปีโน้น แต่การซื้อ LTF/RMF ท้ายๆปีมีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ซื้อในราคาที่แพง ซื้อไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้เพราะเตรียมเงินไม่ทัน และไม่ได้ผลตอบแทนดังที่คาดหวังเพราะไม่ได้เตรียมวางแผนล่วงหน้า
เราเชื่อว่าหลายๆท่านคงจะซื้อกองทุน LTF (Long-Term Fund) และ RMF (Retirement Mutual Fund) ทุกๆปีอยู่แล้วเพื่อที่จะลดหย่อนภาษีประจำปี และเราก็เชื่อว่าบางท่านก็จะมีคำถามทุกๆปีว่า ปีนี้ควรจะซื้อกองทุน LTF/RMF เท่าไหรดีถึงจะคุ้มกับเงินที่ลงทุน ซื้อเมื่อไหร่ดีถึงจะไม่รบกวนกระแสเงินสด และซื้อกองไหนดีถึงให้ผลตอบแทนสูงที่สุด วันนี้เราจะมาตอบคำถามข้อแรกกันก่อนนะครับ
คำถามยอดฮิตข้อที่ 1 ควรจะซื้อ LTF/RMF เท่าไหรดี? – การที่จำตอบคำถามนี้ได้ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าผลตอบแทนของกองทุน LTF/RMF มาจากไหนก่อน ผลตอบแทนของกองทุน LTF/RMF ได้มาจาก 2 ส่วนคือ
1. ผลตอบแทนจากภาษีที่เราลดหย่อนทันทีที่เราซื้อกองทุน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนี้เราอยู่ในฐานภาษีที่ 20% ถ้าเราซื้อกองทุน LTF/RMF เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เราจะได้ลดหย่อนหรือได้รับผลตอบแทนทันที 10,000 บาท (อัตราขึ้นอยู่กับรายได้ต่อปีและรายการลดหย่อยที่เราสามารถหักภาษีได้) ผลตอบแทนส่วนนี้จะลดลงตามขั้นบันไดภาษีของเราเมื่อเราซื้อกองทุนไปเรื่อยๆนะครับ
2. ผลตอบแทนที่กองทุนสามารถทำได้
หลังจากเข้าใจแล้วว่าผลตอบแทนของ LTF/RMF มาจากไหน ต่อไปให้ถามตัวเองว่า:
1. มีความรู้ในการลงทุนแค่ไหน
2. สามารถสร้างผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีได้เท่าไหร่
3. สามารถลงทุนในกองทุนต่อปีได้โดยที่ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดได้เท่าไหร่ หรือพูดง่ายๆคือมีเงินเย็นเท่าไหร่
ที่ให้ถามคำถามนี้กับตัวเองเพราะว่าแต่ละคนมีหลายๆปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น รายได้ต่อปี ภาระหน้าที่ ความรู้ในการลงทุน และ รายการลดหย่อนภาษีต่อปี
ถ้าเรามีความรู้ในการลงทุนมาก และสมมุติว่าสามารถสร้างผลตอบแทนโดยเฉลี่ยได้ปีละ 12% ต่อปี เราก็ควรจะซื้อ LTF/RMF จนถึงแค่ขั้นภาษีที่ 10% เพราะหลังจากนั้น ถึงแม้ว่าเราจะได้ผลตอบแทนทันที 10% เมื่อซื้อกองทุน แต่เงินก้อนนั้นจะต้องจมอยู่ในกองทุนนั้นอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีปฎิทิน เมื่อชั่งดูแล้ว เราจะเห็นว่าการที่เราเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนเอง จะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า.
ยกตัวอย่างเช่น นาย A เป็นหนุ่มโสด พ่อแม่ยังคงทำงานอยู่ ระหว่างทำงานบริษัทก็ถูกหักประกันสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั้วๆไป และยังไม่ได้ซื้อประกันชีวิต เราจะเห็นได้ว่าถ้า นาย A ไม่ซื้อ LTF/RMF เลยนั้น นาย A จะต้องเสียภาษีเป็นจำนวน:
ถ้านาย A ซื้อกองทุน LTF/RMF ทั้ง 2 กองให้มากที่สุดเท่าที่จะซื้อได้หรือ 15% ของรายทได้ต่อปีจะต้องเสียภาษีเป็นจำนวน:
จะเห็นว่าการที่นาย A ลงทุนในกองทุน LTF/RMF ไป 300,000 บาทนั้น ทำให้ประหยัดเงินภาษีไปได้ 51,300 บาท หรือได้รับผลตอบแทนทันที 17% นี้ยังไม่รวมถึงผลตอบแทนจากผลงานของกองทุนที่จะได้รับจากการดำเนินงานเมื่อถึงเวลาขายกองทุนออกมาได้
ตัวอย่างสุดท้าย ถ้า นาย A มีความรู้ในการลงทุนและสามารถทำผลตอบแทนได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ต่อปี (ผมใช้ตัวเลขที่เกินจริงมากๆเพื่อให้เห็นภาพนะครับ) นาย A ควรจะซื้อ LTF/RMF เป็นจำนวน:
จะเห็นได้ว่าถ้าเราซื้อกองทุน LTF/RMF ให้ถึงแค่ขั้นภาษีที่เราสามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่า จะทำให้เราได้ผลตอบแทนสูงสุด อีกทั้งยังได้ประหยัดภาษีอีกด้วยนะครับ
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ตัวเลขที่ค่อนข้างจะเกินจริงเพื่อให้ผู้อ่านทุกคนเห็นภาพนะครับ ถ้าผู้อ่านทำผลตอบแทนได้ 20% ทุกๆปีจริงๆ ผมแนะนำว่าอย่าเสียเวลาทำงานเลยครับ ลาออกไปลงทุนอย่างเดียวดีกว่า
ทางเราขอย้ำว่าวิธีนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการหาผลตอบแทนของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องมาจากตลาดหุ้น แต่สามารถมาจากการลงทุนอื่นๆได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการได้ผลตอบแทนนั้นๆกับการที่ได้ผลตอบแทนทันทีในการซื้อกองทุนอีก ซึ้งบางทีการที่ได้ผลตอบแทนน้อยๆแต่ชัวอาจจะดีกว่าการที่จะได้ผลตอบแทนมากๆแต่มีความเสี่ยงนะครับ
คราวหน้าเราจะมาพูดถึงอีก 2 ข้อที่เหลอ คือ ควรจะซื้อ LTF/RMF เมื่อไหร และ ซื้อกองทุนไหนดีนะครับ