โพสต์ไป.....โพสต์มา......น้ำตาร่วง ?

ปลายเดือนที่แล้วมีข่าว ค.ร.ม อนุมัติให้ยกเลิก รถเมล์ รถไฟ ฟรี

โดยให้มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค 2558 และในวันนี้ก็ได้ข่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลกำลังจะออกบัตร

คนจน เพื่อให้มีสิทธิ์ใช้ส่วนลด 50 % โดยกำหนดให้เป็นผู้มีรายได้น้อยกว่า 2422 บาท ต่อ เดือน

http://www.dailynews.co.th/Content/economic/296977/%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5!!


http://www.thairath.co.th/content/480643


อ่านข่าวแล้วเต็มไปด้วยความเศร้าใจ ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นนี้ เงินทองเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย

ปรากฏการณ์ชักหน้าไม่ถึงหลัง เกิดขึ้นกับเกือบทุกครัวเรือน ถ้ารัฐสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ก็สมควรสนับสนุน

อย่าไปคิดว่าโครงการ "ประชานิยม"เป็นเรื่องเลวทั้งหมด


จากข้อมูลที่ได้ศึกษามา โครงการรถเมล์ รถไฟฟรี เป็นสองในหก มาตรการช่วยค่าครองชีพคนจน ในสมัย นายก

สมัคร สุนทรเวช โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค 2551 และมีการต่ออายุเรื่อยๆ จนจะมายกเลิกในรัฐบาลนี้


ในส่วนของรถเมล์ฟรีนั้น ตัวเลขในรอบ 7 ปี รัฐบาลสนับสนุนไปทั้งสิ้นเฉลี่ย 1500 ล้านบาทต่อปี โดยมีผู้ใช้บริการ

ถึง 7 แสนคนต่อวัน ซึ่งถือเป็นจำนวนคนที่ได้รับผลประโยชน์จำนวนมาก


http://www.komchadluek.net/detail/20150202/200530.html


ทุกครั้งที่เห็นรัฐบาลใดก็ตาม ตัดสิทธิประโยชน์ของคนจนแล้ว รู้สึกเศร้าใจจริงๆ และเมื่อเปรียบเทียบกับภาษี

ของประเทศชาติที่เสียให้กับนักการเมืองแล้วยิ่งรู้สึกหดหู่ รถเมล์เป็นเรื่องของการเดินทาง ถ้าเราเอาเรื่องการเดินทาง

ของหน่วยงานราชการ และนักการเมืองมาเปรียบเทียบแล้วจะยิ่งเห็นพฤติกรรมสูบเลือดเนื้อประเทศชาติ บวกกับ

ความเห็นแก่ตัวของผู้บริหารบ้านเมืองพวกนี้แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม ประเทศเราถึงไม่เจริญ

เทียบเท่าหลายๆประเทศสักที


ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือ ตัวเลข ส.ส เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 3 ปี (ตั้งแต่ 2554-2556)

ปรากฏว่า ส.ส เบิกงบเดินทางทั้งสิ้น ประมาณ 240 ล้านบาท โดยคนเบิกสูงสุด 3 คนแรก เป็นแมงสาบ 2 คน

คือ วิรัตน์ กับ ถาวร (นกหวีด) อีกคนจากเพื่อไทย กฤษฎาภรณ์ ซึ่ง 3 ตัวนี่เบิกรวมกันไป 6 ล้าน 8 แสนบาท

(ไม่รู้มันไปไหนกันบ้าง ถึงใช้เยอะขนาดนี้) และถ้าเอาเงินจำนวนนี้ตีค่าเป็นตั๋วรถเมล์ จะได้ทั้งสิ้น 8 แสนเที่ยว


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000089054

https://www.youtube.com/watch?v=dLbhHOGT1WY&hd=1


อีกตัวอย่างหนึ่งคือที่ กทม กรรมาธิการได้ตัดงบดูงานของ กทม ในปี58 นี้เป็นจำนวนถึง 400 ล้านบาท ซึ่งแปลว่า

ปีที่ผ่านมา กทม ผ่านงบดูงานปีละ หลายร้อยล้านบาทตลอดมา

http://www.thairath.co.th/content/437338


ตัวอย่างสุดท้าย เกิดที่  กสทช  เมื่อปรากฎว่า 11 กสทช เบิกงบดูงานไปถึง 61 ล้านบาท เฉลี่ยคนละเกือบ 6 ล้านบาท

ต่อปี โดยเฉพาะ 2 ตัวแรก ทั้งปีเดินทางคนละ 120 กว่าวัน (ไม่รู้ว่าปีนึงทำงานกี่วัน)ผลาญงบประมาณคนละกว่า 10 ล้านบาท

ซึ่งค่าเฉลี่ยคนจนเดินทางด้วยรถเมล์ต่อคนเพียง 1650 บาทต่อปีเท่านั้นเอง


http://nbtcpolicywatch.org/press_detail.php?i=1363


จากตัวอย่างข้างต้นที่ยกมาแค่ 3 หน่วยงานจะเห็นได้ว่าปีๆหนึ่ง ประเทศชาติโดนเหลือบในคราบนักการเมือง และ ข้าราชการ

สูบเงินภาษีเป็นจำนวนมากมายมหาศาล แต่คนที่ทำหน้าที่บริหารประเทศกลับไม่เคยใส่ใจคิดแก้ไข แต่ทีผลประโยชน์

ของคนจนเล็กๆน้อยๆ พวกคุณกลับจะหาเรื่องตัดตลอดเวลา แล้วยังนี้จะไม่รู้สึกน้อยใจแทนคนจนได้อย่างไร


การที่รัฐคิดจะออกบัตรคนจนให้คนที่มีรายได้ต่ำ ยิ่งเป็นการตอกย้ำการแบ่งชั้นวรรณะทางสังคม ซึ่งไม่ควรมี

ในประเทศไทย ครั้งหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อน มีเหล่าคุณหญิง คุณนาย นักสังคมสงเคราะห์จอมปลอมอยากให้

รัฐตีตรา โสเภณี ทั้งประเทศ โดยออกเป็นบัตรแสดงตัวว่าเป็นโสเภณี สุดท้ายโดนกระแสสังคมด่ากระเจิงจนต้อง

ยกเลิกไป ครั้งนี้ก็คล้ายกัน อย่าให้ประเทศเราต้องมีบัตรคนจนให้คนดูถูกเลย


บางครั้งอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมรัฐบาลไม่คิดเอาใจคนจนที่เป็นคนส่วนใหญ่ไว้ แต่กลับคิดเอาใจคนรวยที่เป็น

คนส่วนน้อยของประเทศ ทั้งๆที่การเอาใจคนส่วนใหญ่ในประเทศใช้เงินน้อยกว่าหลายร้อย หลายพันเท่า


รัฐบาล ท่าน ประยุทธ์ ครับ ท่านลองศึกษาดีๆ การที่พรรค แมงสาบ แพ้การเลือกตั้งแก่พรรคเพื่อไทย (ทรท พลังประชาชน)

สาเหตุหลักคือ แมงสาบ เข้าไม่ถึงจิตใจคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ นโยบาย ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เอาใจคนรวย

ถ้า ท่าน ประยุทธ์ อยากได้ใจประชาชนจริงๆแล้ว ช่วยแบ่งเบาภาระคนที่มีรายได้น้อยเถอะครับ มาตรการช่วยค่าครองชีพ

คนจนใช้เงินไม่มาก แต่คนได้รับผลประโยชน์มีมากมาย อย่ายกเลิกเลยครับ กรุณาทบทวนอีกครั้ง อย่าไปเชื่อ

ร.ม.ต ที่บอกจะไปให้สายการบิน โลว์คอส ขึ้นค่าตั๋ว เพื่อให้คนหันกลับไปนั่งรถทัวร์เลยครับ เชื่อเสียงส่วนใหญ่

ดีกว่าครับ แล้วไม่นานชื่อท่านอาจได้อยู่ในใจประชาชนตลอดกาล


ป.ล มีผู้สื่อข่าวไปถาม ถาวร กรณีเบิกงบเดินทางมากถึง 2 ล้านบาท ถาวร ตอบเป็นสิทธิ์ ก็อยากจะบอก ถาวร

ว่า "รู้ว่าเป็นสิทธิ์ แต่สำนึกนะมีไหม"


ป.ล 2 คนที่ไม่ต้องนั่งรถเมล์ อาจจะไม่เห็นความจำเป็นที่จะยังคงมาตรการนี้ต่อไป แต่อยากให้เห็นใจคนที่มี

รายได้น้อยบ้าง


ป.ล 3 นี่ยังไม่ได้พูดถึง งบ รถและน้ำมัน ประจำตำแหน่งของข้าราชการ และ นักการเมือง คิดเป็นจำนวนเงินมหาศาล


ป.ล 4 นับวันคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ก็ถูกกดขี่ กดดัน มากขึ้นทุกที ไม่รู้จะแบกรับสภาพนี้ได้นานแค่ไหน


ป.ล 5 ในกระทู้มีคำเรียกบางคนว่า "ตัว" ซึ่งเหมาะสมแล้วกับคนที่ผลาญงบแผ่นดิน อีกอย่าง พณ ท่าน

พลเอก เปรม สั่งว่า "อย่าไปไหว้ เคารพ คนเลว " จขกท รักท่านจึงทำตามท่าน (......)
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
แปลกแต่จริง....คนจ่ายภาษีคือ ประชาชน แต่งบของประชาชนโดนตัดก่อนเลยยย (เฮ้ออออ)

ทำไมไม่ตัดงบราชการส่วนอื่นบ้าง ละคัช?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ความจริงที่น่าเศร้าของสังคมไทยครับ การมองคนไม่เป็นคนของคนบางกลุ่ม
ที่พยายามกวาดสิ่งที่เขามองว่าเป็นขยะไว้ใต้พรมโดยไม่มีความพยายามแม้แต่น้อยที่จะแก้ไข
อาทิการช่วยเหลือชาวนาก็ถูกโจมตีเสียหาย เพียงแค่ต้องการให้ลืมตาอ้าปากได้
รถยนต์คันแรกก็โจมตีสาระพัด เพียงเพื่อสร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่โอกาสน้อยได้มีโอกาสนั่งรถยนต์ติดแอร์
เดินทางไปโน่นนี่นั่นกับครอบครัวบ้าง ก็หาว่าเป็นต้นเหตุให้รถติดบ้างหล่ะ มลภาวะเป็นพิษบ้างหล่ะ
โดยไม่แม้แต่จะย้อนกลับไปมองตัวเองว่าก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเช่นเดียวกัน เพียงเพราะว่าเขามีมาก่อนเท่านั้นเอง
บางคนที่โจมตี กลับมีรถยนต์ 5-6 คัน ผมจึงย้อนกลับไปคิดถึงท่านนึงที่พูดไว้ในห้องนี้ได้น่าสนใจและเป็น
สัจธรรมที่แท้จริงประโยคนึงที่ว่า "คนรวยมาบอกเราว่าให้อยู่อย่างพอเพียง"
ความคิดเห็นที่ 1
อย่าว่า งั้นงี้เลยครับ หุหุ

ความคิดเห็นที่ 12
ถามจริงๆมีคนไทยที่ไหนวะ...มีรายได้เดือน2422ต่อเดือน  ตกวันละประมาณ81บาทต่อวัน   คนบ้าอะไรมีรายได้น้อยกว่าค่าเงินให้ลูกๆไปโรงเรียน  มีด้วยหรือคนไทยประเทศสุดจะโค  ตะ  ระ  จน  ผมว่าไม่มีใครขอใช้สิทธิ์นี้แน่ๆ  ตั้งมาโก้ๆ  ให้ดูว่าเห็นใจคนจน  อยากเห็นหน้าคนต้นคิดจัง  มีตาสองตา  หูสองหู  เหมือนมนุษย์เราหรือเปล่า  คิดป่ายได!...
ความคิดเห็นที่ 31
มันเป็นเรื่องของชนชั้นปกครอง กับ ชนชั้นผู้ถูกปกครอง

ชนชั้นปกครองพวกนี้ ตอนเรียนเป็นเด็กเรียนหนังสือ เป็นช่วงเวลาของการเป็นผู้ถูกปกครอง
แต่เมื่อจบก็รับราชการ ความรู้สึกถึงการเป็นผู้ถูกปกครองมันค่อย ๆ เลือนหาย เพราะ ตัวเอง
เป็นผู้ปกครอง ไม่รู้ว่าการเป็นผู้ถูกปกครองเป็นอย่างไร

วันคืนผ่านไป อำนาจมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จน 30-40 ปี ผ่านไป พวกมันก็ลืมความรู้สึกว่าพวกมัน
เคยเป็นถูกปกครองมาช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เวลาหนึ่ง

งบประมาณมหาศาลกับการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ (พวกเดียวกัน เอาใจไว้ก่อน ตั้งแต่
ปลัดกระทรวง ยัน ภารโรง) เงินมหาศาลใช้ไปเพื่อ เกื้อกูลรัฐวิสาหกิจ คนพวกนี้ยินดีจ่าย
เพื่อรักษาความนิ่งของข้าราชการ และ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ต่าง ๆ ให้คงไว้ไม่ออกมาต่อต้าน
ประชาชนตาดำ ๆ ไม่สามารถไปแตะต้องคนพวกนี้ได้

เงิน 100 บาท ของคนพวกนี้ มันคงคิดว่านิดหน่อย ทิปเด็กเสริฟสวย ๆ ยังให้มากกว่า พวกมัน
ไม่เข้าใจว่า เงิน 100 บาท มันมีค่าแค่ไหน สำหรับพวกหาเช้ากินค่ำ

พวกมันไม่ได้มาจากประชาชน มันจึงไม่เห็นค่าของประชาชน เพราะ พวกมันคิดว่า พวกมัน
คือเจ้าของประเทศตัวจริง มีหน้าที่ปกครองประชาชนคนทั้งประเทศ
ความคิดเห็นที่ 2
แบบนี้เบิกได้ไหมครับ

    เดินทางสู่นรก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่