ศีลสมบัติ สมาธิสมบัติและปัญญาสมบัติ จะหาทางเกิดขึ้นมาเองเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรนั้นไม่ได้เลย








ทุก ๆ ท่านโปรดทราบไว้ว่า เวลานี้กิเลสกับเรากำลังคละเคล้าเป็นอันเดียวกันจนหาทางแยกไม่ได้
จะประกอบกิจการที่ชอบใด ๆ มีแต่กลัวจะกระเทือนกิเลสกับเรา ซึ่งแยกจากกันไม่ออก สุดท้ายก็อยากอยู่เฉย ๆ
คอยให้กิเลสหลุดลอยไปเอง โดยไม่ทราบว่าการอยู่เฉย ๆ ก็เป็นเรื่องเกียจคร้านและเป็นทางสั่งสมกิเลสเพิ่มขึ้นภายในใจ



คนที่อยู่เฉย ๆ ไม่ทำงานโลกเขาเรียกว่าคนเกียจคร้าน
คนเกียจคร้านไม่มีทรัพย์สมบัติเครื่องครองชีพ ไม่มีอาหารรับประทาน ไม่มีเครื่องนุ่งห่ม ไม่มีบ้านจะอยู่
เครื่องอุปโภคบริโภคขาดแคลนไปตาม ๆ กัน
นั่นคือคนทุกข์ เพราะสาเหตุมาจากความเกียจคร้านเป็นเจ้าเรือน
ความทุกข์เดือดร้อนเลยกลายเป็นโรคระบาดเรี่ยราดไปหมดทั้งครอบครัว ไม่มีใครจะได้รับความสมบูรณ์พูนผลในครอบครัวนั้น
นี่คือโทษแห่งความเกียจคร้านหรือความอยู่เฉย ๆ



จิตที่ชอบอยู่เฉย ๆ ไม่พินิจพิจารณาหาทางแก้ไขตน ก็ต้องเป็นผู้ขาดแคลนความสุขภายในใจ
ศีลสมบัติ ก็ไม่สมบูรณ์ นับวันจะด่างพร้อยและขาดทะลุไป สมาธิสมบัติ คือความสงบเยือกเย็นภายในใจก็เกิดขึ้นมาไม่ได้
เพราะไม่มีทางจะเกิด เนื่องจากความเกียจคร้านเป็นเพชฌฆาตสังหาร
แม้ปัญญาสมบัติ ก็หาทางกำจัดกิเลสไม่ได้ เพราะความเกียจคร้านปิดกั้นทางเดิน



เมื่อสรุปความแล้ว
ศีลสมบัติ สมาธิสมบัติ และปัญญาสมบัติ จะหาทางเกิดขึ้นมาเองเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรนั้นไม่ได้เลย
นอกจากจะเกิดขึ้นเพราะการบำเพ็ญที่เรียกว่าทำงานเท่านั้น การระมัดระวังและการบังคับจิตใจเพื่อรู้วิถีทางเดินของใจ
ว่าเดินไปในทางถูกหรือผิด เหล่านี้จัดว่ามีงานไม่อยู่เฉย ๆ


-------------------------


พ่อแม่ของกิเลสตัณหา - พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๐๘
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1834&CatID=9
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่