ป.ป.ช. ฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าไม่ระงับยับยั้งโครงการจำนำข้าว สองข้อหา คือ
1. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี
หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2. ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123/1
มาตรา ๑๒๓/๑๑๑๒ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่ง หรือหน้าที่
หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ก็ชัดนะครับ ว่าฟ้องเพราะ ป.ป.ช. เห็นว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ "
ละเว้นปฏิบัติหน้าที่" โดยมิชอบ/โดยทุจริต
การละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯยิ่งลักษณ์ คือ ไม่ระงับยับยั้งโครงการจำนำข้าว
ประเด็นคือ ป.ป.ช. มีและใช้หลักฐานอะไรในการฟ้อง ???
ที่สงสัยอย่างแรกเลย คือ
หากโครงการจำนำข้าวมีการทุจริต ก่อนฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช. พิสูจน์ได้หรือยังว่ามีการทุจริตจริง
หาก ป.ป.ช. พิสูจน์ได้ว่ามีการทุจริตจริง และเห็นว่านายกฯยิ่งลักษณ์น่าจะรู้ว่ามีการทุจริตแต่ไม่ระงับยับยั้ง
ก็ฟังได้ครับ ว่าสมควรฟ้อง
ที่มันแปลกก็คือ ป.ป.ช. ฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ไปก่อนแล้ว ถึงเพิ่งชี้มูลว่ามีการทุจริต
สงสัยอีกอย่าง คือที่ ป.ป.ช. บอกว่า โครงการจำนำข้าวก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ไม่ยอมระงับยับยั้ง
ก็สงสัยว่า ความเสียหายนั้นเกิดจากอะไร
หากเกิดจากความผิดพลาดทางนโยบาย มันผิดกฎหมายข้อไหน ?
ที่ ป.ป.ช. อ้างว่า เคยมีหนังสือเตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง
หนังสือเตือนนั้น เป็นหนังสือบอกว่ามีการทุจริต มีหลักฐานการทุจริตประกอบด้วยหรือไม่
ซึ่งหากมี ก็สมควรฟ้องได้ว่า เตือนแล้วไม่ฟัง
แต่หากหนังสือนั้น เป็นแค่หนังสือเตือนเปล่า ๆ แล้วนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ฟัง ไม่สน
แล้วต่อมาเกิดการทุจริต เกิดความเสียหาย นายกฯยิ่งลักษณ์ผิดด้วยหรือ ?
หากจะผิด หากต้องรับผิดชอบ
นายกฯยิ่งลักษณ์ก็ต้องมีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตและไม่ระงับ ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช. ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ ยังงมหาหลักฐานอยู่
และหากการทุจริตนั้น นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่มีส่วนรู้เห็น จะบอกว่าเตือนแล้วไม่ฟังได้อย่างไร
คำเตือน ไม่ใช่ "หลักฐาน" แต่คือข้อเสนอแนะเท่านั้น
แบบนี้ จะกลายเป็นว่า ป.ป.ช. ใหญ่กว่าฝ่ายบริหาร
ไม่ชอบหน้ารัฐบาลไหน ก็ทำหนังสือเตือนไว้ก่อน หากไม่มีทุจริตก็แล้วไป แต่หากมี เสร็จ
ป.ป.ช. เพิ่งชี้มูลอดีต รมว.พาณิชย์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ข้อหาจีทูจีปลอม
ซึ่งหากเป็นไปตามขั้นตอนอันเป็นธรรม หลังจากชี้มูลจีทูจีปลอมแล้ว ค่อยชี้มูลนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลย
ก็ไม่สาย ก็ไม่น่าเกลียด
แต่นี่ เล่นฟ้องว่าปล่อยปละละเลยตั้งแต่ยังไม่ชี้มูลว่ามีใครทุจริต ทุจริตยังไง
มันแปลก มันประหลาด
คือเรื่องราว และขั้นตอนทั้งหมด มันดูกลับหัวกลับหางครับ
จริงอยู่ ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่ทั้งทางป้องกัน และทางปราบปราม
แต่นั่นเป็นอำนาจทางการทุจริต ไม่ใช่อำนาจทางการควบคุมนโยบาย
หากเห็นว่านโยบายใดอาจก่อให้เกิดการทุจริต ป.ป.ช. ก็เตือนได้ ท้วงติงได้ เสนอแนะได้
แต่ไม่จำเป็นเลย ที่ฝ่ายบริหารหรือหน่วยงานใด ๆ ต้องทำตาม
ต่อมา เมื่อเกิดการทุจริต จะเอาเรื่องเคยเตือนมาเล่นว่า ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สมควรหรือ ?
เพราะใครจะรู้ว่า จะเกิดการทุจริตจริงตามที่ ป.ป.ช. เคยเตือน
เรื่องแบบนี้ หากจะเอาผิด ป.ป.ช. ก็ควรมีหลักฐานและพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่ามีการทุจริตจริง
ผู้ที่เคยถูก ป.ป.ช. เตือน มีส่วนรู้เห็นการทุจริตด้วย นั่นแหละ จึงสมควรฟ้อง
หากไม่มีส่วนรู้เห็น มีการกำกับดูแลป้องกันการทุจริต มิได้เพิกเฉย จะฟ้องได้ไง
ไม่ใช่ฟ้องตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าใครทุจริต
ที่น่าเคลือแคลงสุด ๆ ก็คือ
พยาน
ก็มีแต่ฝ่ายค้าน ที่เป็นปฏิปักษ์กับนายกฯยิ่งลักษณ์ (ตัว ป.ป.ช. เอง ก็ทำตัวเป็นปฏิปักษ์อย่างเปิดเผยต่อสังคม)
ข้าราชการที่ไม่กินเส้นกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และวันนี้ไปนั่งชูคอเป็น ป.ป.ช.
พยานฝ่ายนายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ไม่สอบให้ครบตามที่ขอให้สอบ ด้วยข้ออ้างสอบพยานพอสมควรแก่กรณีแล้ว
แถมมีท่าทีไม่อยากสอบพยานที่จะทำให้นายกฯยิ่งลักษณ์หลุดพ้นข้อกล่าวหา
หลักฐาน ก็เป็นคำกล่าวหาของฝ่ายค้านที่ยังไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง
งานวิจัย ที่ ป.ป.ช. เป็นผู้จ้าง และคนรับจ้างทำวิจัยก็ปรากฎตนว่ามีความสัมพันธ์กับพรรคฝ่ายค้านที่กล่าวหา
เหมือนเป็นการปั้นข้อกล่าวหาเพื่อฟ้องให้ได้ ให้คดีถึงศาลให้ได้
กระบวนการ ชัดว่าไม่เป็นธรรม
เมื่อกล่าวหาก่อน ฟ้องก่อน ที่จะมีหลักฐานว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหา
แบบนี้ ไม่เหลือครับ
คดีนี้ จะเป็นคดีแรกในโลก
ที่ผู้ถูกกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เสียหาย จะโดนพิพากษาว่าผิดก่อนคนทุจริต
เหมือนมือปืนยังไม่โดนพิพากษาว่ายิงคนตายจริงหรือไม่ แต่คนจ้างวานโดนพิพากษาก่อนว่าจ้างวานจริง
หากสุดท้าย มือปืนหลุดคดี คนจ้างวานก็ติดคุกฟรี
มีที่ไหนในโลก
โลกทั้งโลก เขามีแต่หาหลักฐานก่อน หลักฐานแน่นหนาก่อน ค่อยฟ้อง
แต่นี่ อะไรวะ
ฟ้องแม่มเลย หลักฐานค่อยหาทีหลัง
ป.ป.ช. กับ คณะทำงานอัยการเถียงกันเรื่องหลักฐานอยู่ดี ๆ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่
อัยการสูงสุดก็โผล่เข้ามาคว้าไปฟ้องดื้อ ๆ
ดิส อิส ไต๊แลนด์
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ยิ่งเคลือบแคลงใจครับ ว่า ป.ป.ช. ฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ด้วยหลักฐานอะไร
1. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี
หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2. ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123/1
มาตรา ๑๒๓/๑๑๑๒ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่ง หรือหน้าที่
หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ก็ชัดนะครับ ว่าฟ้องเพราะ ป.ป.ช. เห็นว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ "ละเว้นปฏิบัติหน้าที่" โดยมิชอบ/โดยทุจริต
การละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯยิ่งลักษณ์ คือ ไม่ระงับยับยั้งโครงการจำนำข้าว
ประเด็นคือ ป.ป.ช. มีและใช้หลักฐานอะไรในการฟ้อง ???
ที่สงสัยอย่างแรกเลย คือ
หากโครงการจำนำข้าวมีการทุจริต ก่อนฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช. พิสูจน์ได้หรือยังว่ามีการทุจริตจริง
หาก ป.ป.ช. พิสูจน์ได้ว่ามีการทุจริตจริง และเห็นว่านายกฯยิ่งลักษณ์น่าจะรู้ว่ามีการทุจริตแต่ไม่ระงับยับยั้ง
ก็ฟังได้ครับ ว่าสมควรฟ้อง
ที่มันแปลกก็คือ ป.ป.ช. ฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ไปก่อนแล้ว ถึงเพิ่งชี้มูลว่ามีการทุจริต
สงสัยอีกอย่าง คือที่ ป.ป.ช. บอกว่า โครงการจำนำข้าวก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ไม่ยอมระงับยับยั้ง
ก็สงสัยว่า ความเสียหายนั้นเกิดจากอะไร
หากเกิดจากความผิดพลาดทางนโยบาย มันผิดกฎหมายข้อไหน ?
ที่ ป.ป.ช. อ้างว่า เคยมีหนังสือเตือนแล้ว แต่ไม่ฟัง
หนังสือเตือนนั้น เป็นหนังสือบอกว่ามีการทุจริต มีหลักฐานการทุจริตประกอบด้วยหรือไม่
ซึ่งหากมี ก็สมควรฟ้องได้ว่า เตือนแล้วไม่ฟัง
แต่หากหนังสือนั้น เป็นแค่หนังสือเตือนเปล่า ๆ แล้วนายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ฟัง ไม่สน
แล้วต่อมาเกิดการทุจริต เกิดความเสียหาย นายกฯยิ่งลักษณ์ผิดด้วยหรือ ?
หากจะผิด หากต้องรับผิดชอบ
นายกฯยิ่งลักษณ์ก็ต้องมีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตและไม่ระงับ ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช. ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ ยังงมหาหลักฐานอยู่
และหากการทุจริตนั้น นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่มีส่วนรู้เห็น จะบอกว่าเตือนแล้วไม่ฟังได้อย่างไร
คำเตือน ไม่ใช่ "หลักฐาน" แต่คือข้อเสนอแนะเท่านั้น
แบบนี้ จะกลายเป็นว่า ป.ป.ช. ใหญ่กว่าฝ่ายบริหาร
ไม่ชอบหน้ารัฐบาลไหน ก็ทำหนังสือเตือนไว้ก่อน หากไม่มีทุจริตก็แล้วไป แต่หากมี เสร็จ
ป.ป.ช. เพิ่งชี้มูลอดีต รมว.พาณิชย์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ข้อหาจีทูจีปลอม
ซึ่งหากเป็นไปตามขั้นตอนอันเป็นธรรม หลังจากชี้มูลจีทูจีปลอมแล้ว ค่อยชี้มูลนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลย
ก็ไม่สาย ก็ไม่น่าเกลียด
แต่นี่ เล่นฟ้องว่าปล่อยปละละเลยตั้งแต่ยังไม่ชี้มูลว่ามีใครทุจริต ทุจริตยังไง
มันแปลก มันประหลาด
คือเรื่องราว และขั้นตอนทั้งหมด มันดูกลับหัวกลับหางครับ
จริงอยู่ ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่ทั้งทางป้องกัน และทางปราบปราม
แต่นั่นเป็นอำนาจทางการทุจริต ไม่ใช่อำนาจทางการควบคุมนโยบาย
หากเห็นว่านโยบายใดอาจก่อให้เกิดการทุจริต ป.ป.ช. ก็เตือนได้ ท้วงติงได้ เสนอแนะได้
แต่ไม่จำเป็นเลย ที่ฝ่ายบริหารหรือหน่วยงานใด ๆ ต้องทำตาม
ต่อมา เมื่อเกิดการทุจริต จะเอาเรื่องเคยเตือนมาเล่นว่า ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สมควรหรือ ?
เพราะใครจะรู้ว่า จะเกิดการทุจริตจริงตามที่ ป.ป.ช. เคยเตือน
เรื่องแบบนี้ หากจะเอาผิด ป.ป.ช. ก็ควรมีหลักฐานและพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่ามีการทุจริตจริง
ผู้ที่เคยถูก ป.ป.ช. เตือน มีส่วนรู้เห็นการทุจริตด้วย นั่นแหละ จึงสมควรฟ้อง
หากไม่มีส่วนรู้เห็น มีการกำกับดูแลป้องกันการทุจริต มิได้เพิกเฉย จะฟ้องได้ไง
ไม่ใช่ฟ้องตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าใครทุจริต
ที่น่าเคลือแคลงสุด ๆ ก็คือ
พยาน
ก็มีแต่ฝ่ายค้าน ที่เป็นปฏิปักษ์กับนายกฯยิ่งลักษณ์ (ตัว ป.ป.ช. เอง ก็ทำตัวเป็นปฏิปักษ์อย่างเปิดเผยต่อสังคม)
ข้าราชการที่ไม่กินเส้นกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และวันนี้ไปนั่งชูคอเป็น ป.ป.ช.
พยานฝ่ายนายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ไม่สอบให้ครบตามที่ขอให้สอบ ด้วยข้ออ้างสอบพยานพอสมควรแก่กรณีแล้ว
แถมมีท่าทีไม่อยากสอบพยานที่จะทำให้นายกฯยิ่งลักษณ์หลุดพ้นข้อกล่าวหา
หลักฐาน ก็เป็นคำกล่าวหาของฝ่ายค้านที่ยังไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง
งานวิจัย ที่ ป.ป.ช. เป็นผู้จ้าง และคนรับจ้างทำวิจัยก็ปรากฎตนว่ามีความสัมพันธ์กับพรรคฝ่ายค้านที่กล่าวหา
เหมือนเป็นการปั้นข้อกล่าวหาเพื่อฟ้องให้ได้ ให้คดีถึงศาลให้ได้
กระบวนการ ชัดว่าไม่เป็นธรรม
เมื่อกล่าวหาก่อน ฟ้องก่อน ที่จะมีหลักฐานว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหา
แบบนี้ ไม่เหลือครับ
คดีนี้ จะเป็นคดีแรกในโลก
ที่ผู้ถูกกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เสียหาย จะโดนพิพากษาว่าผิดก่อนคนทุจริต
เหมือนมือปืนยังไม่โดนพิพากษาว่ายิงคนตายจริงหรือไม่ แต่คนจ้างวานโดนพิพากษาก่อนว่าจ้างวานจริง
หากสุดท้าย มือปืนหลุดคดี คนจ้างวานก็ติดคุกฟรี
มีที่ไหนในโลก
โลกทั้งโลก เขามีแต่หาหลักฐานก่อน หลักฐานแน่นหนาก่อน ค่อยฟ้อง
แต่นี่ อะไรวะ
ฟ้องแม่มเลย หลักฐานค่อยหาทีหลัง
ป.ป.ช. กับ คณะทำงานอัยการเถียงกันเรื่องหลักฐานอยู่ดี ๆ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่
อัยการสูงสุดก็โผล่เข้ามาคว้าไปฟ้องดื้อ ๆ
ดิส อิส ไต๊แลนด์