เปิดหลักฐานอัยการสูงสุดเห็นแย้ง ป.ป.ช. ว่าสำนวนไม่เพียงพอสั่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์ ควรทำสำนวนใหม่เพื่อให้สมบูรณ์เพียงพอ

กระทู้คำถาม
จากที่วันนี้  นายกฯยิ่งลักษณ์ได้ยื่นฟ้องอัยการสูงสุดกับพวกต่อศาลอาญา  
ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสั่งฟ้องคดีจำนำข้าว

ลอง ๆ มาไล่เรียงเหตุการณ์ และช่วงเวลาดูนะครับ



ประมาณสิงหาคม/กันยายน 2557    ป.ป.ช. ส่งสำนวนคดีจำนำข้าวฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์
ข้อหาปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้ง   ก่อให้เกิดความเสียหาย    ให้อัยการสูงสุดดำเนินการสั่งฟ้องต่อศาล

ต้นพฤศจิกายน 2557
อัยการสูงสุดตรวจสำนวนแล้ว  เห็นว่าสำนวนฟ้องของ ป.ป.ช. ไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้อง
ควรมีการสอบพยานเพิ่มเติม


เมื่อ ป.ป.ช. เห็นว่าควรฟ้อง   แต่อัยการเห็นว่ายังไม่ควรสั่งฟ้อง

จึงมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด กับ ป.ป.ช.  ฝ่ายละ 10 คน  เป็นคณะทำงานร่วม 20 คน
เพื่อทำสำนวนให้รัดกุม  มีพยานหลักฐานสมบูรณ์เพียงพอในการสั่งฟ้อง



เปิดหลักฐาน

ความเห็นของอัยการสูงสุด  ที่เห็นแย้งว่าสำนวนของ ป.ป.ช. ยังไม่สมบูรณ์มี 4 ประเด็น   ดังนี้

(1) ประเด็นโครงการรับจำนำข้าวซึ่งรัฐบาลได้แถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ เมื่อรัฐบาลได้แถลงให้โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ย่อมผูกพันตามรัฐธรรมนูญที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะต้องดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะสามารถยับยั้งหรือยกเลิกโครงการที่เป็นนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาได้หรือไม่ จึงให้ ป.ป.ช. ไต่สวนในประเด็นนี้เพิ่มเติม

(2) ประเด็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กล่าวคือ การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. เป็นสาระสำคัญอย่างยิ่งแต่ยังไม่มีการไต่สวนให้ปรากฏพยานหลักฐานในประเด็นดังกล่าวว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างไรจึงให้ ป.ป.ช.ไต่สวนในประเด็นนี้เพิ่มเติม

(3) ประเด็นเรื่องการทุจริต กล่าวคือ ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ประเด็นเรื่องการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว พยานหลักฐานและการไต่สวนปรากฏเพียงการกล่าวหาของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับพวก ซึ่งเป็นผู้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ จึงให้ ป.ป.ช. ไต่สวนให้ได้ความว่ามีขั้นตอนใดที่พบการทุจริต และทุจริตอย่างไร มีพยานหลักฐานที่ส่อให้เห็นถึงการทุจริตหรือไม่ เพราะตามที่ ป.ป.ช. ไต่สวนมานั้นมีประเด็นขัดกันและยังไม่สิ้นกระแสความ

(4) ประเด็นอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์แก่รูปคดี

....................


จะเห็นนะครับ   ว่า 3 ประเด็นที่อัยการสูงสุดไม่เห็นด้วยนั้น   ป.ป.ช. ไม่ได้ทำสักอย่างก่อนส่งสำนวนถึงอัยการ

เรื่องว่านายกฯยิ่งลักษณ์  ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวไม่ระงับยับยั้ง
ป.ป.ช. ก็ไม่ได้ไต่สวน หรือมีสรุปแต่อย่างใดว่า   นายกฯยิ่งลักษณ์มีอำนาจสั่งระงับนโยบายแห่งรัฐที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไว้หรือไม่

เรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลย   ป.ป.ช. ก็มีเพียงข้อกล่าวหา  สอบพยานไม่ครบ
แถมยังตัดพยานของนายกฯยิ่งลักษณ์ออกไปซะอีก  เช่น ตัด ร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง  ออกไป
เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม  เป็นผู้ที่นายกฯยิ่งลักษณ์มีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้ติดตามการทุจริตในโครงการจำนำข้าว
ป.ป.ช. ก็ตัดออกดื้อ ๆ  เพราะหากสอบ ร.ต.อ.เฉลิม  ก็จะเห็นว่านายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต

เรื่องการทุจริต  ในขณะที่ ป.ป.ช. เห็นควรฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์นั้น   ยังไม่รู้เลยว่าใครทุจริต  ทุจริตอย่างไร  แบบไหน  ยังไง
มีเพียงข้อกล่าวหาอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านอย่างนายอภิสิทธิ์หนีทหารและพวก
แต่ก็ฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์แล้วว่า  ปล่อยให้มีการทุจริต


พิลึกหลุดโลก



ผ่านไปสองเดือน   มกราคม 2558
คณะทำงานร่วมอัยการสูงสุดและ ป.ป.ช.  ยังไม่ได้ข้อสรุป  ไม่ได้ข้อยุติในเรื่องสำนวนฟ้อง

ฝ่ายอัยการเห็นว่า  ควรสอบพยานเพิ่มเติม   แต่ ป.ป.ช. ยืนยันไม่สอบพยานเพิ่ม

จึงมีการนัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 26 มกราคม 2558   เพื่อหาข้อยุติในการสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง
(หากอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง    ป.ป.ช. ก็มีอำนาจสั่งฟ้องต่อศาลเองได้)


แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์พิลึกโลกหลุด

16 มกราคม 2558
นายวิชา  มหาคุณ   แถลงเปิดคดีถอดถอนนายกฯยิ่งลักษณ์  ว่าอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์แล้ว
(โปรดสังเกตนะครับ  ว่านายวิชารู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง
แสดงว่า มีการสมรู้ร่วมคิดกันไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องสั่งฟ้องใช่หรือไม่ ?   จึงเผลอปากหลุดออกมา)


20 มกราคม 2558
นายสรรเสริญ  พลเจียก  เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช.
แถลงว่า คณะทำงานร่วมได้ข้อยุติแล้วว่า  ควรสั่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์
ด้วยการอ้างว่า มีการประชุมกันเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2558   มีฝ่าย ป.ป.ช. ประชุม 10 คน  ฝ่ายอัยการสูงสุด 3 คน  รวม 13 คน ครบองค์ประชุม
(คณะทำงานร่วม 20 คน  ฝ่ายละ 10 คน  อ้างฝ่ายอัยการแค่ 3  โดยที่หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการสูงสุดไม่รู้เรื่อง)

21 มกราคม 2558
นายวุฒิพงศ์  วิบูลย์พงศ์  รองอัยการสูงสุด   หัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการ
ให้สัมภาษณ์สื่อว่า  ไม่รู้เรื่องที่ ป.ป.ช. อ้างว่ามีข้อยุติควรสั่งฟ้อง   เพราะนัดประชุมกันวันที่ 26 มกราคม 2558  โน่น
แล้วมีมติออกมาได้อย่างไร

22 มกราคม 2558    เย็นย่ำสนธยา  ก็ได้เวลาพระเอกออกฉาก
นายตระกูล  วินิจฉัยภาค  อัยการสูงสุด  แถลงข่าวว่ามีความเห็นสั่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์
โดยบอกว่า  จะแถลงข่าวอีกครั้งในเช้าวันที่ 23 มกราคม 2558

เป็นการกระทำที่ไม่ผ่านหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการ   เหมือนเป็นการดึงงานไปทำโดยพลการ

เช้า  23 มกราคม 2558   ก่อน สนช.ประชุมเพื่อลงมติถอดถอนนายกฯยิ่งลักษณ์เพียงชั่วโมงเดียว
นายตระกูล  วินิจฉัยภาค   อัยการสูงสุด   ก็แถลงข่าวว่า มีความเห็นสั่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์อย่างเป็นทางการ



จากนายวิชาหลุดปากว่าสั่งฟ้อง   ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ

ตามด้วยเลขาฯ ป.ป.ช.  รีบเรียกประชุมลักไก่   แล้วรีบแถลงว่ามีข้อยุติแล้วว่าควรสั่งฟ้อง   ชนิดหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการไม่รู้เรื่อง

ตบท้ายด้วยอัยการสูงสุดโดดเข้ามาปิดเกม  แถลงว่ามีความเห็นสั่งฟ้อง



นายวิชา  มหาคุณ   รู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าจะสั่งฟ้อง  ถึงขนาดหลุดปากในที่ประชุม สนช.
ทั้งที่ยังไม่มีการประชุม  ไม่มีการหารือ  ไม่มีข้อยุติใด ๆ
ใครเห็นว่าปกติ   ยกมือขึ้น  จะให้เป็นสลิ่ม  อมยิ้ม01


เมื่อนายวิชาหลุดปากอย่างนั้น   จึงต้องลนลานกันตาเหลือกว่าสั่งฟ้องตามที่นายวิชาหลุดปาก
เป็นเรื่องที่น่าสมเพชจริง ๆ

มีที่เดียวในโลก   ที่ ป.ป.ช. พูดชี้นำ  แล้วอัยการสูงสุดรีบลนลานทำตาม

เห็นแย้งเขาไปหมับ ๆ ว่า สำนวนไม่สมบูรณ์พอสั่งฟ้อง   ควรสอบพยานเพิ่มตรงนั้นตรงนี้
แต่แล้วอยู่ดี ๆ  ก็เห็นว่าควรสั่งฟ้องเอาดื้อ ๆ




ใครเห็นว่าเรื่องนี้เป็นไปตามปกติ   เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ
ก็ตามสบายครับ

ส่วนหล่ออย่างผม  เห็นด้วยอย่างยิ่งที่นายกฯยิ่งลักษณ์ฟ้องอัยการสูงสุด

ความจริงแล้ว   เรื่องอย่างนี้    ตามกระบวนการยุติธรรมอันเที่ยงธรรม
การฟ้องในลักษณะผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างนี้   ศาลไม่น่ารับฟ้องด้วยซ้ำไปครับ



อีกไม่เกิน 7 วัน  ได้รู้กันครับ   ว่าศาลอาญาจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่
หากศาลไม่รับฟ้อง  เห็นว่าอัยการสูงสุดปฏิบัติหน้าที่ชอบแล้ว   ก็ไม่ว่ากัน  เป็นอำนาจของศาลท่าน

แต่หากศาลรับฟ้อง  
คดีจำนำข้าวก็สนุกล่ะครับ  

เพราะหากพินิจพิจารณาจากเหตุการณ์  ลำดับการณ์ของเรื่องราว  ข้อมูล  เหตุผล  อย่างเป็นธรรมแล้ว
หากใช้ความเป็นธรรมอันเที่ยงธรรมจริง ๆ

ไม่รู้ว่านายกฯยิ่งลักษณ์    หรือ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด
ใครน่าจะเป็นฝ่ายควรติดคุกกันแน่
OK
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คุณตระกอง ฯ

การทำงานของ ปปช. ชุดนี้ ต้องบอกตรง ๆ ว่า แย่มากครับ ในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งก็ไม่รู้จะสาธยายอย่างไรดีว่าเขาทำงานแบบนี้  ยิ่งมีการต่ออายุโดยใช้มาตรา 44 ก็ยิ่งเห็นชัดว่า การทำงานแบบต้องการเอาให้ได้ มัน..ขอประทานโทษ...ทุเรียนมาก

อย่างที่คุณตระกองยกมาเรื่องหัวหน้าคณะทำงาน ฯ เขาแย้งมานั่นเป็นประเด็นที่ผมคาใจมาตั้งแต่ตอนนั้น เพราะการแถลงข่าวของวิชา มันเหมือน ๆ กับสมยศแถลงข่าวแบบวันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง คือเอาแน่นอนไม่ได้

ระบบยุติธรรมที่ล้มเหลวแบบนี้ ผมคิดว่าเป็นการ "คอรัปชั่นความยุติธรรม" ซึ่งโดยหลักก็คือต้องให้เป็นธรรมจริง ๆ

ไม่ต้องพูดเรื่องกรณีคดีความของประชาธิปัตย์หรืออื่น ๆ ดองเรื่องไว้เป็นปี ๆ

เสริมอีกสักนิด

ตอนที่ ปปช.อ้างว่า ได้ส่งหนังสือเตือนยิ่งลักษณ์ให้ยกเลิกโครงการจำนำข้าวนั้น ต้องถามว่า ขอบเขตอำนาจของ ปปช. มันไปก้าวก่ายฝ่ายบริหารได้หรือ  ปปช. ไม่มีหน้าที่ตรงนั้น

นี่ก็ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีก
ความคิดเห็นที่ 5
เพิ่มเติมประเด็นเรื่องสำนักงานอัยการ ฯ สักหน่อย

ผมเองคาใจมาอยู่สองสามเรื่องครับ

1). ตอนที่ตั้ง คตส. สมัย พล.อ.สนธิ  เพื่อไล่เอาผิดทักษิณ    คตส.ไม่มีอำนาจสั่งฟ้อง เลยให้อัยการสูงสุดเป็นคนสั่ง ซึ่ง อัยการสูงสุดไม่สั่ง เพราะสำนวนอ่อน  คตส.เลยไปขอให้ พล.อ.สนธิ ออกคำสั่ง รสช. แก้ไขให้ตัวเองมีอำนาจได้....นั่นก็ผิดกระบวนการยุติธรรมแล้วหนึ่ง

2). การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง ตาม มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญปี 50 โดยตรง โดยที่ไม่ผ่านอัยการสูงสุด แล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดมาตั้งโต๊ะแถลง ฯ ทำนองว่า ใครทำก็รับผิดชอบเองนะ...

ผมก็เลยคาใจว่า ทำไมอัยการ ฯ ไม่ fight เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพราะมันเป็นความขัดแย้งของหน่วยงานจริง ๆ อัยการ ฯ ก็ไม่ต่อสู้เพื่อความถูกต้องของหลักการทางกฎหมายยุติธรรม ไปปล่อยให้เรื่องราวมันลุกลาม ฟ้องกันตามอำเภอใจจนเป็นเรื่องราวอย่างที่เห็น

สุดท้ายเห็นมั้ย รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็พยายามที่จะเขียนอุดตรงนี้ ซึ่งก็แสดงว่า ไอ้ที่ผ่าน ๆ มา มันผิดจริง ๆ เพราะมันเขียนแบบเอาไปตีความเอง เหมือนที่วิษณุออกมาข้าง ๆ คู ๆ กรณีผู้มีสิทธิ์ออกเสียง กับ ผู้มาลงคะแนนนั่นแหละ

บ้านเมืองนี้ มันไม่ไหวเอานะ ถ้าเกิดว่ากระบวนการยุติธรรมมีปัญหาแบบนี้

เห็นว่าช่อง 3 เอาเปาบุ้นจิ้นมาฉายใหม่ ก็ควรที่จะกลับไปทบทวนบทบาทของตนเองทั้งหมดนั่นแหละ
ความคิดเห็นที่ 7
คุณขนมต้มครับ

ผมเห็นว่า   ขบวนการนี้  มันมี "อำนาจนอกระบบ" คอยกำกับการ
แจกงาน  แจกบท  รับหน้าที่

มันถึงปรองดองกันไม่ได้  เพราะทำเลวไว้เยอะ  ทำผิดทุกเรื่อง
หากปรองดอง   ก็กลัวว่าแม้ไม่โดนคุก  แต่โดนขุดคุ้ยแน่ ๆ

ปรองดองเมื่อไร  องค์กรที่คอยทำหน้าที่เป็นมือเป็นไม้  คอยบิดเบือนฉ้อฉลตัวบทกฎหมายก็เลิกทำหน้าที่
แล้วจะใช้ใครล่ะทำลายให้

จึงมีทางเดียว  คือตะบี้ตะบันต่อไป  แม้จะผิดจะเลวยังไง  แม้บ้านเมืองจะย่อยยับเพียงใด
เพื่อทำลายให้สิ้น  จะได้หมดห่วงเรื่องโดนขุดคุ้ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่