ตึก ตึก ตึก... เท้าคู่สวยหยุดอยู่หน้าอัฐิสถานที่ทำขึ้นจากหินอ่อนประดับด้วยกระเบื้องหลากหลายสีสัน เจ้าของเท้าคู่สวย ย่อตัวลงบรรจงวาง ช่อดอกลิลลี่สีขาวที่สดใสและดูมีชีวิตชีวาลงบนขั้นอัฐิสถาน หากแต่เจ้าของช่อดอกลิลลี่สีขาวนั้นกลับมีหน้าตาเศร้าหมอง ไม่สดใสร่าเริง และเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อล้นในตา “ดอกลิลลี่สีขาว......” เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วหลับตาลง
“แม่คะนี่ดอกอะไร?” ฟ้าใสเด็กน้อยแก้มยุ้ยเอ่ยถามเพลกาลแม่ของเธอ
“ดอกลิลลี่ค่ะหนูฟ้าใส” เพลกาลตอบลูกน้อยของเธออย่างเอ็นดู
“แปะ! ไปทานข้าวกันเถอะหนูฟ้าใส” ว่าแล้วก็จูงมือลูกน้อยไปรับประทานอาหารมื้อเช้าในบ้าน
‘เพลกาล’อาศัยกับลูกน้อย ‘ฟ้าใส’ กันเพียงสองคนในบ้านไม้สองชั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยอาศัยกับสามีและลูกน้อยเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่ด้วยภาระหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราชทำให้ ‘จุลจักร’ สามีของเธอเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ เธอสัญญากับตัวเองว่าเธอจะเข้มแข็ง ดูแล และปกป้องลูกน้อยที่จุลจักรฝากไว้กับเธอให้ดีที่สุดแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม
ปี๊น ปี๊น “แม่ค่ะ ฟ้าไปโรงเรียนก่อนนะค่ะ” ฟ้าใสตะโกนบอกแม่ที่กำลังยุ่งกับการเตรียมอาหาร
“อ่าว ไม่ทานข้าวก่อนหรอลูก” แม่ชะโงกหน้าถามลูกสาว
“ไม่ล่ะแม่ เดี่ยวก้องเขาจะรอฟ้านาน” ฟ้าใสตะโกนบอกแม่อีกครั้ง
“งั้นเอาขนมป..” ยังไม่ทันที่แม่จะถามจบ ฟ้าใสก้อซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของก้องภพ แฟนหนุ่มของฟ้าใสไปไกลโน้นแล้ว ตอนนี้ฟ้าใสอายุได้ 16 ปีแล้ว เธอเริ่มมีแฟนและเริ่มตีตัวออกห่างแม่มากขึ้น กลับบ้านก็ดึกดื่น วันเสาร์อาทิตย์ก็ไม่เคยอยู่บ้าน ซึ่งจะมีเพียงบ้างครั้งเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ทานอาหารเย็นร่วมกัน
วันนี้วันอาทิตย์ เพลกาลตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้เธอและฟ้าใสทาน ซึ่งวันนี้ฟ้าใสบอกกับเธอว่าเธอจะอยู่บ้านทั้งวัน เพราะใกล้สอบกลางภาคแล้ว จึงจะอ่านหนังสืออยู่บ้าน เพลกาลดีใจมากเมื่อรู้ว่าวันนี้เธอและบุตรสาวจะได้กินข้าวร่วมกันเสียที
“ฟ้าใส ลูกมาทานข้าวกัน วันนี้แม่ทำต้มจืดเต้าหู้ไข่ แล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบ ที่ลูกชอบด้วยนะ” เพลกาลตะโกนเรียกลูกเธอจากห้องอาหาร
“ค่ะแม่” ฟ้าใสตอบรับ หลังจากนั้นประมาณ ๕ นาทีให้หลังฟ้าใสก็ลงมาทานข้าว
“ทำไมหน้าลูกดูเศร้าๆล่ะ มีอะไรรึเปล่า” เพลกาลถามบุตรสาวเมื่อมองเห็นรอยบวมช้ำใต้ตา ที่ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ฮื่อ ก้องค่ะแม่ ก้องเขาทิ้งฟ้า ก้องเขามีคนอื่น ฮื่อ...” เพลกาลเข้าไปกอดลูกสาวทันทีที่เห็นหยดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาใส รู้สึกเจ็บและปวดร้าวเมื่อเห็นฟ้าใสโศกเศร้า
“ไม่เป็นไรลูก ฟ้าใสหนูยังมีแม่ทั้งคนนะ” เพลกาลเช็ดน้ำตาให้บุตรสาว “มา เรามาทานข้าวกันดีกว่า” ว่าแล้วก็ตักผัดคะน้าหมูกรอบของชอบของฟ้าใส ใส่จานของฟ้าใส แล้วทั้งสองแม่ลูกก็นั่งทานข้าวกัน พูดคุยกันอย่างถูกคอ แล้ววันนั้นทั้งวันเธอและลูกสาวก็ทำอะไรหลายๆอย่างร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกดอกไม้ ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข เพลกาลจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้
“แม่ค่ะ แม่! ฟ้าสอบติดแล้วค่ะ ฟ้าสอบติดแล้ว” ฟ้าใสตะโกนลั่นบ้านเมื่อเธอดูการประกาศผลการสอบผ่านทางเว็บไซด์
“จริงหรอลูกฟ้าใส! เก่งจริงๆเลยลูกใครเนี้ย” แล้วสองแม่ลูกก็กอดกัน
“ดีจังเลยค่ะแม่ ปราบเขาก็ติดมหาลัยนี้ เราจะได้อยู่ด้วยกัน” ฟ้าใสคบกับปราบ หรือมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เขาและเธอติดหมาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งเขาและเธอตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วว่าจะสอบให้ติดและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
“อ่าวหรอ แต่เราเป็นผู้หญิงไปอยู่กับผู้ชายแบบนั้นได้ยังไงกัน” เพลกาลบอกฟ้าใสด้วยความเป็นห่วง
“โอ๊ย! แม่! สมัยนี้ใครเขาจะแคร์เรื่องผู้หญิงผู้ชายกัน ใครๆเขาก็อยู่ด้วยกัน อีกอย่างนะปราบเขาเป็นคนดี” ฟ้าใสตอบกลับแม่ไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“แต่แม่ว่า...” ยังไม่ทันที่เพลกาลจะพูดจบ ฟ้าใสก็พูดแทรกทันที “แต่เต่อ อะไรแม่! แม่อย่าหัวโบราณหน่อยเลยน่า”
“แล้วลูกไม่ลองหามหาลัยใกล้ๆบ้านเราไม่ดีกว่าหรอ ไปอยู่ต่างถิ่นอย่างนั้น จะปรับตัวได้หรอลูก”
“โอ๊ย! แม่สมองไม่ดีหรือไง ก็เพิ่งบอกไปหยกๆว่าฟ้ากับปราบเราจะอยู่จะเรียนด้วยกัน ถ้าฟ้ามาเรียนแถวบ้านอย่างนี้จะเรียกว่าอยู่ด้วยกันได้ยังไง” ฟ้าใสเสียงดัง พร้อมกับเลิกสนใจหน้าคอมพิวเตอร์แล้วหันมามองหน้าแม่ “อีกอย่างนะ ปราบเขาก็อยู่กับฟ้าด้วยที่กรุงเทพ ปราบเขาสัญญาว่าจะดูแลฟ้าอย่างดี แม่อย่ามาเป็นห่วงฟ้าหน่อยเลย ฟ้าโตแล้วนะ” พูดจบฟ้าใสก็เดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดไป พร้อมกับปิดประตูห้องงดัง ปัง! “แม่นะแม่ เรื่องมากจริง” ฟ้าใสพูดกับตัวเอง แล้วจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาปราบแฟนหนุ่มของเธอเพื่อบอกข่าวดี
เมื่อถึงวันเดินทาง เพลกาลมาส่งฟ้าใสขึ้นรถที่หน้าสถานีพร้อมกับปราบแฟนหนุ่มของฟ้าใส
“แม่ฝากดูแลฟ้าใสด้วยนะปราบ” ปราบพยักหน้าแล้วตอบ “ครับแม่ ผมจะดูแลฟ้าอย่างดี”
“ฟ้าดูแลตัวเองด้วยนะลูก มีปัญหาอะไรโทรหาแม่ได้ตลอดนะ” เพลกาลจับมือบุตรสาวแล้วพูด พร้อมกับหยดน้ำตา ทำไงได้ล่ะ ตั้งแต่ฟ้าใสเกิดมาเธอยังไม่เคยห่างจากลูกไกลขนาดนี้
“แม่ ร้องไห้ทำไมเนี้ยฟ้าไปเรียนนะ ไม่ได้ไปตาย เอาไว้ไปถึงแล้วจะโทรหานะ”แล้วฟ้าใสก็จูงมือปราบขึ้นรถทัวร์ไป
“ปราบ เรากลับกันเถอะ” ฟ้าใสเดินตามปราบเข้าไปในสนามแข่งรถชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมือง
“เธอจะบ้าหรอฟ้า! ถ้าเราออกไปตอนนี้ก็จบเห่กันหมดนี่สิ” ปราบหันมาตะคอกใส่ฟ้าใส
“แล้วปราบจะเอาฟ้าเข้าไปทำอะไรในนั้น” ฟ้าใสทั้งกลัวทั้งโกรธ ในช่วงปีแรกๆนั้นทั้งเธอและปราบต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ปราบเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาและเธอมักไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี้ด้วยกันเยอะแยะไปหมด แต่มาถึงช่วง๔ ปีมานี้ ปราบเปลี่ยนไป เขาติดการพนัน เล่นการพนันทุกชนิด และคาดว่าครั้งนี้เขาคงแพ้พนันมาอีกแน่ๆ
“ตามมาเงียบๆจะได้ไหมฟ้า อย่าพูดมากหน่อยเลย” แล้วทั้งสองก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายแก่ บนใบหน้าของเขามีแต่รอยย่นรอยตีนกา รูปร่างอ้วน ตัวดำ สวมสร้อยทองแหวนทองมากมายบนเนื้อตัว ‘เสี่ยเม้ง’ ผู้ทรงอิทธิพลในละแวกนี้
“สวัสดีครับเสี่ย” ปราบเอ่ยเสียงสั้นพร้อมกับยกมือไหว้เขา แล้วก้าวเข้าไปหาเสี่ย
“หึ หึ ไอ้นี่มีของดีนี่หว่า” พูดจบ ไอ้เฒ่าเสี่ยลามกนั้นก็มองฟ้าใส
“ให้โอกาสผมนะครับเสี่ย อีกแค่ครั้งเดียว” ปราบอ้อนวอนเสี่ยเม้ง
“ได้ ข้าจะให้โอกาสเอ็ง แต่ถ้าคราวนี้เอ็งแพ้ นังหนูนี้และเงินทั้งต้นทั้งดอกต้องมาอยู่บนมือข้า” ปราบหันมามองฟ้าใสแล้วตอบไปทันที “ได้ครับๆ ผมสัญญาครับเสี่ย” โดยไม่ได้สนใจความปลอดภัยของฟ้าใสเลย ทางด้านฟ้าใสได้แต่ยืนมอง เพราะไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน อาจเป็นเพราะเสียงดนตรีที่ดังมาก และเธอก็ไม่สนใจด้วยว่าพวกเขาจะคุยอะไรกัน ตอนนี้เธออยากที่จะออกไปจากสถานที่อโคจรนี้เต็มทนแล้ว
“ไปกันได้รึยังปราบ” ฟ้าใสถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดๆ
“ผมลาละครับเสี่ย” ปราบยกมือไหว้เสี่ยเม้งแล้วเดินออกมา
“เธอนี่มีประโยชน์ดีจริงๆ ฟ้าใส” ปราบหันมายิ้มให้ฟ้าใส แล้วกุมมือฟ้าใสไปยังสนามแข่งรถ
ปัง ปัง ปัง ! ฟ้าใสสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตูที่ไร้มารยาท เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างหัวเสีย กำลังจะเดินไปต่อว่า ทว่าเธอได้ยินเสียงบทสนทนาหนึ่งขึ้นมา “เฮ้ย! ไอ้ปราบ ออกมาสิว่ะ” เสียงชายขึ้นหนึ่งตะโกนเรียก “สงสัยมันไม่อยู่มั้งลูกพี่” ชายอีกคนพูดขึ้น “เออๆ อย่าให้ได้เจอนะ กูจะฆ่ามันแน่ ไป! กลับเว้ย!”เสียงชายคนแรกพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ฟ้าใสตัวแข็งทื่อ ภายในจิตใจหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับร่างกายไปไหน ‘ปราบ ปราบอยู่ไหน’ นั่นคือสิ่งที่ฟ้าใสคิดอยู่ในหัว เมื่อเห็นว่าผู้ชายสองคนหน้าห้องออกไปแล้ว ฟ้าใสจึงหยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงปราบทันที
“ตู๊ด ตู๊ด... หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง..”
“ทำไม ไม่รับสายนะ” ฟ้าใสเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
แกร็ก แกร็ก เสียงคล้ายมีคนไขประตูห้อง “ ใครน่ะ?”ฟ้าใสถามออกไปเสียงสั่น
“ผมเอง เป็นไรของฟ้าเนี้ย” ปราบเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“ปราบ ตะกี้มีคนมาถามหาปราบด้วย ฟ้าได้ยินมันบอกว่าจะฆ่าปราบ”
“ห๊ะ! จริงหรอ” ปราบเริ่มลนลาน
“ปราบ ปราบไปทำไรใครไว้ ไปเล่นการพนันที่ไหนมาอีกใช่ไหม” ฟ้าใสหันมามองหน้าปราบ และถามอย่างคาดคั้น
“ฟ้า! ฟ้าต้องช่วยปราบนะ” ปราบกุมมือฟ้าแน่น สีหน้าซีดเซียว
“จะให้ฟ้าช่วยยังไง! นี่ปราบไปแพ้พนันใครมาอีก” ฟ้าถาม
“๑ แสน แค่แสนเดียวเอง”ปราบพูด “ฟ้า! แม่ฟ้าไง แม่ฟ้าช่วยเราได้แน่” ปราบมองฟ้าใสอย่างมีความหวัง
“จะบ้าหรอ ตั้ง ๑ แสน แม่ฟ้าจะไปหาที่ไหนมาให้” ฟ้าใสลุกขึ้นยืนแล้วปล่อยมือปราบ
“ฟ้าไม่รักปราบหรอ ปราบกำลังจะตายนะ” ปราบลุกขึ้นมาจับมือฟ้าใสอีกครั้ง
เช้าวันเสาร์ ฟ้าใสกลับมาหาแม่เธอที่บ้าน
“แม่คะ! แม่ ฟ้ากลับมาแล้ว” ฟ้าใสตะโกนเรียกแม่
“ฟ้าใส ลูกแม่ กลับมาแล้วหรอลูก”เพลกาลเดินไปกอดฟ้าใสด้วยความคิดถึงตลอดสองปีที่ผ่านมาฟ้าใสแทบจะไม่ติดต่อกลับมาเลย
“แม่คิดถึงหนูจังเลย ฟ้าใส ทำไมไม่ติดต่อมาบ้างเลยหล่ะ”
“หนูยุ่งๆหน่ะแม่ แล้วนี้ทำไมเนื้อตัวเย็นจัง”
“อ่อ ตะกี้แม่เพิ่งอาบน้ำหน่ะ”
“แม่จ๋า เอ่อ...แม่พอจะมีเงินสักแสนหนึ่งไหมแม่” ฟ้าถามออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าแม่
“ห๊า! ฟ้าจะเอาไปทำอะไรตั้งแสนหนึ่ง” เพลกาลพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ก็ไหนแม่บอกว่ามีปัญหาอะไร ก็บอกแม่ได้เสมอไง!”
“จ้ะๆ แต่ฟ้าต้องบอกแม่ก่อนว่าจะเอาไปทำอะไร ตั้งหนึ่งแสน” เพลกาลมองหน้าลูกด้วยความสงสัย
“ปราบค่ะแม่ ไอ้พวกเลวนั่นมันจะฆ่าปราบ ฟ้ารักปราบค่ะ ฟ้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีปราบ ฟ้าไม่อยากให้ปราบตาย ฮื่อๆ” ฟ้าใสน้ำตาไหลริน เธอกลัว กลัวมากจริงๆ
“โอ๋ๆ อย่าร้องฟ้าอย่าร้อง แม่พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง หนูเอาเงินแม่ไปก็ได้ ไม่ร้องละเนอะ”เพลกาลเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของบุตรสาว พร้อมกับยิ้มให้
“จริงหรอคะแม่ รักแม่ที่สุดเลย” ฟ้าใสโผเข้ากอดแม่
ฟ้าใสมาอยู่กับแม่ได้เพียงวันเดียว โดยตลอดวันนั้นฟ้าใสได้แต่หมกตัวอยู่ในห้อง จะออกมาพบแม่ก็แต่ตอนรับประทานอาหารเท่านั้น แต่เพียงเท่านี้ ใครจะรู้เล่าสำหรับเพลกาลแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากสำหรับเธอ
“แม่ค่ะ ฟ้าไปแล้วนะค่ะแม่ ไว้ปีใหม่ฟ้าจะแวะมาเยี่ยมนะคะ” เพลกาลผงกหัวและยิ้ม “แม่รักหนูนะลูก ฟ้าใส” ฟ้าใสหันมายิ้มและโบกมือลาแม่พร้อมกับขึ้นรถสองแถวหน้าบ้านไป
เมื่อรถสองแถวเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านแล้ว ก็มีชายแก่หนวดเคราหนาคนหนึ่งเดินมาทางเพลกาล
“ถึงเวลาแล้วล่ะ”ชายแก่คนนั้นพุดขึ้น “ขอเวลาอีกนิดนะค่ะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายค่ะ ฉันสัญญา” เพลกาลอ้อนวอน
แอ๊ดด... “ปราบคะ ฟ้าได้เงินมาแล้วคะ...” เธอจำเป็นต้องหยุดคำพูด
ไว้เพียงแค่นั้น เพราะภาพที่เธอเห็นเมื่อเปิดประตูเข้าห้องพักมาคือ ร่างของ
ชายแก่ รูปร่างอ้วน ตัวดำ บนใบหน้ามีแต่รอยย่น ที่ดูแล้วน่าขยะแขยงใช่!เขา
คือไอ้ตาแกเฒ่าวันนั้นที่ปราบไปหา
“สะ สะ...เสี่ยเม้ง”
“ว้าว! แม่สาวน้อย จำฉันได้ด้วยหรอ” เสี่ยเม้งค่อยๆเข้ามาใกล้ฟ้าใส
“เสี่ยจะทำอะไรฉัน” ฟ้าใสถอยกรู ไปจนติดผนังห้อง “ปราบละ! ปราบอยู่ไหน”
“เธอยังจะห่วงมันอีกหรอ ห่วงตัวเองดีกว่าไหม”
“เสี่ย หมายความว่ายังไง” ฟ้าใสยังไม่เข้าใจ
“ก็ผัวเธอน่ะ ยกเธอพร้อมกับจำนวนเงินในมือเธอให้ฉันแล้วยังไงล่ะ”พูดจบเสี่ยเม้งก็พุ่งเข้ามาจับตัวฟ้าใสไว้ ทั้งสองปลุกปล้ำกันไปมาๆโชคดีที่ฟ้าใสยังพอมีสติจึงหยิบเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาจากกระเป้าสะพายฟ้าใสหลับตาปี๋แล้วจี้เครื่องช็อตไฟฟ้าเข้าไปที่เอวของเสี่ยเม้งนานพอสมควร ร่างของเสี่ยเม้งแน่นิ่งไปแล้ว ฟ้าใสจึงวิ่งออกมาจากห้องพัก เธอวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มสองข้าง ร่างกายของเธอนั้นสั่นเทา ‘ทำไมนะ? ทั้งๆที่เธอนั้นพยายามทำทุกอย่างเพื่อปราบแท้ๆ แต่เขากลับเห็นแก่ตัวทิ้งเธอไว้ และหนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว’ นั้นคือสิ่งที่ฟ้าใสถามตนเองซ้ำๆ ฟ้าใสเดินเรียบตามทางเท้ามาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ตอนนี้สมองของเธอขาวโพน เธอดูเหมือนคนไร้สติ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ามอมแมม ในมือของเธอถือซองสีน้ำตาลที่บรรจุเงินจำนวนหนึ่งแสนเอาไว้ กึก! ฟ้าใสหยุดยืนอยู่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง ภายในร้านมีผู้คนมากมาย แต่นั้นไม่ใช่ใจความหลัก เพราะสิ่งที่ฟ้าใสเห็นนั้นคือภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารในร้านนั้นอย่างมีวามสุข ใช่! ผู้ชายคนนั้นคือปราบ ผู้ชายคนที่เธออุตสาห์แบกหน้าไปขอเงินจากแม่ของเธอ
ช่วยคิดชื่อเรื่องสั้นและติชมให้หน่อยสิค่ะ
“แม่คะนี่ดอกอะไร?” ฟ้าใสเด็กน้อยแก้มยุ้ยเอ่ยถามเพลกาลแม่ของเธอ
“ดอกลิลลี่ค่ะหนูฟ้าใส” เพลกาลตอบลูกน้อยของเธออย่างเอ็นดู
“แปะ! ไปทานข้าวกันเถอะหนูฟ้าใส” ว่าแล้วก็จูงมือลูกน้อยไปรับประทานอาหารมื้อเช้าในบ้าน
‘เพลกาล’อาศัยกับลูกน้อย ‘ฟ้าใส’ กันเพียงสองคนในบ้านไม้สองชั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยอาศัยกับสามีและลูกน้อยเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่ด้วยภาระหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราชทำให้ ‘จุลจักร’ สามีของเธอเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ เธอสัญญากับตัวเองว่าเธอจะเข้มแข็ง ดูแล และปกป้องลูกน้อยที่จุลจักรฝากไว้กับเธอให้ดีที่สุดแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม
ปี๊น ปี๊น “แม่ค่ะ ฟ้าไปโรงเรียนก่อนนะค่ะ” ฟ้าใสตะโกนบอกแม่ที่กำลังยุ่งกับการเตรียมอาหาร
“อ่าว ไม่ทานข้าวก่อนหรอลูก” แม่ชะโงกหน้าถามลูกสาว
“ไม่ล่ะแม่ เดี่ยวก้องเขาจะรอฟ้านาน” ฟ้าใสตะโกนบอกแม่อีกครั้ง
“งั้นเอาขนมป..” ยังไม่ทันที่แม่จะถามจบ ฟ้าใสก้อซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของก้องภพ แฟนหนุ่มของฟ้าใสไปไกลโน้นแล้ว ตอนนี้ฟ้าใสอายุได้ 16 ปีแล้ว เธอเริ่มมีแฟนและเริ่มตีตัวออกห่างแม่มากขึ้น กลับบ้านก็ดึกดื่น วันเสาร์อาทิตย์ก็ไม่เคยอยู่บ้าน ซึ่งจะมีเพียงบ้างครั้งเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ทานอาหารเย็นร่วมกัน
วันนี้วันอาทิตย์ เพลกาลตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้เธอและฟ้าใสทาน ซึ่งวันนี้ฟ้าใสบอกกับเธอว่าเธอจะอยู่บ้านทั้งวัน เพราะใกล้สอบกลางภาคแล้ว จึงจะอ่านหนังสืออยู่บ้าน เพลกาลดีใจมากเมื่อรู้ว่าวันนี้เธอและบุตรสาวจะได้กินข้าวร่วมกันเสียที
“ฟ้าใส ลูกมาทานข้าวกัน วันนี้แม่ทำต้มจืดเต้าหู้ไข่ แล้วก็ผัดคะน้าหมูกรอบ ที่ลูกชอบด้วยนะ” เพลกาลตะโกนเรียกลูกเธอจากห้องอาหาร
“ค่ะแม่” ฟ้าใสตอบรับ หลังจากนั้นประมาณ ๕ นาทีให้หลังฟ้าใสก็ลงมาทานข้าว
“ทำไมหน้าลูกดูเศร้าๆล่ะ มีอะไรรึเปล่า” เพลกาลถามบุตรสาวเมื่อมองเห็นรอยบวมช้ำใต้ตา ที่ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ฮื่อ ก้องค่ะแม่ ก้องเขาทิ้งฟ้า ก้องเขามีคนอื่น ฮื่อ...” เพลกาลเข้าไปกอดลูกสาวทันทีที่เห็นหยดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาใส รู้สึกเจ็บและปวดร้าวเมื่อเห็นฟ้าใสโศกเศร้า
“ไม่เป็นไรลูก ฟ้าใสหนูยังมีแม่ทั้งคนนะ” เพลกาลเช็ดน้ำตาให้บุตรสาว “มา เรามาทานข้าวกันดีกว่า” ว่าแล้วก็ตักผัดคะน้าหมูกรอบของชอบของฟ้าใส ใส่จานของฟ้าใส แล้วทั้งสองแม่ลูกก็นั่งทานข้าวกัน พูดคุยกันอย่างถูกคอ แล้ววันนั้นทั้งวันเธอและลูกสาวก็ทำอะไรหลายๆอย่างร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกดอกไม้ ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข เพลกาลจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้
“แม่ค่ะ แม่! ฟ้าสอบติดแล้วค่ะ ฟ้าสอบติดแล้ว” ฟ้าใสตะโกนลั่นบ้านเมื่อเธอดูการประกาศผลการสอบผ่านทางเว็บไซด์
“จริงหรอลูกฟ้าใส! เก่งจริงๆเลยลูกใครเนี้ย” แล้วสองแม่ลูกก็กอดกัน
“ดีจังเลยค่ะแม่ ปราบเขาก็ติดมหาลัยนี้ เราจะได้อยู่ด้วยกัน” ฟ้าใสคบกับปราบ หรือมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เขาและเธอติดหมาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งเขาและเธอตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วว่าจะสอบให้ติดและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
“อ่าวหรอ แต่เราเป็นผู้หญิงไปอยู่กับผู้ชายแบบนั้นได้ยังไงกัน” เพลกาลบอกฟ้าใสด้วยความเป็นห่วง
“โอ๊ย! แม่! สมัยนี้ใครเขาจะแคร์เรื่องผู้หญิงผู้ชายกัน ใครๆเขาก็อยู่ด้วยกัน อีกอย่างนะปราบเขาเป็นคนดี” ฟ้าใสตอบกลับแม่ไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“แต่แม่ว่า...” ยังไม่ทันที่เพลกาลจะพูดจบ ฟ้าใสก็พูดแทรกทันที “แต่เต่อ อะไรแม่! แม่อย่าหัวโบราณหน่อยเลยน่า”
“แล้วลูกไม่ลองหามหาลัยใกล้ๆบ้านเราไม่ดีกว่าหรอ ไปอยู่ต่างถิ่นอย่างนั้น จะปรับตัวได้หรอลูก”
“โอ๊ย! แม่สมองไม่ดีหรือไง ก็เพิ่งบอกไปหยกๆว่าฟ้ากับปราบเราจะอยู่จะเรียนด้วยกัน ถ้าฟ้ามาเรียนแถวบ้านอย่างนี้จะเรียกว่าอยู่ด้วยกันได้ยังไง” ฟ้าใสเสียงดัง พร้อมกับเลิกสนใจหน้าคอมพิวเตอร์แล้วหันมามองหน้าแม่ “อีกอย่างนะ ปราบเขาก็อยู่กับฟ้าด้วยที่กรุงเทพ ปราบเขาสัญญาว่าจะดูแลฟ้าอย่างดี แม่อย่ามาเป็นห่วงฟ้าหน่อยเลย ฟ้าโตแล้วนะ” พูดจบฟ้าใสก็เดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดไป พร้อมกับปิดประตูห้องงดัง ปัง! “แม่นะแม่ เรื่องมากจริง” ฟ้าใสพูดกับตัวเอง แล้วจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาปราบแฟนหนุ่มของเธอเพื่อบอกข่าวดี
เมื่อถึงวันเดินทาง เพลกาลมาส่งฟ้าใสขึ้นรถที่หน้าสถานีพร้อมกับปราบแฟนหนุ่มของฟ้าใส
“แม่ฝากดูแลฟ้าใสด้วยนะปราบ” ปราบพยักหน้าแล้วตอบ “ครับแม่ ผมจะดูแลฟ้าอย่างดี”
“ฟ้าดูแลตัวเองด้วยนะลูก มีปัญหาอะไรโทรหาแม่ได้ตลอดนะ” เพลกาลจับมือบุตรสาวแล้วพูด พร้อมกับหยดน้ำตา ทำไงได้ล่ะ ตั้งแต่ฟ้าใสเกิดมาเธอยังไม่เคยห่างจากลูกไกลขนาดนี้
“แม่ ร้องไห้ทำไมเนี้ยฟ้าไปเรียนนะ ไม่ได้ไปตาย เอาไว้ไปถึงแล้วจะโทรหานะ”แล้วฟ้าใสก็จูงมือปราบขึ้นรถทัวร์ไป
“ปราบ เรากลับกันเถอะ” ฟ้าใสเดินตามปราบเข้าไปในสนามแข่งรถชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมือง
“เธอจะบ้าหรอฟ้า! ถ้าเราออกไปตอนนี้ก็จบเห่กันหมดนี่สิ” ปราบหันมาตะคอกใส่ฟ้าใส
“แล้วปราบจะเอาฟ้าเข้าไปทำอะไรในนั้น” ฟ้าใสทั้งกลัวทั้งโกรธ ในช่วงปีแรกๆนั้นทั้งเธอและปราบต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ปราบเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาและเธอมักไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี้ด้วยกันเยอะแยะไปหมด แต่มาถึงช่วง๔ ปีมานี้ ปราบเปลี่ยนไป เขาติดการพนัน เล่นการพนันทุกชนิด และคาดว่าครั้งนี้เขาคงแพ้พนันมาอีกแน่ๆ
“ตามมาเงียบๆจะได้ไหมฟ้า อย่าพูดมากหน่อยเลย” แล้วทั้งสองก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายแก่ บนใบหน้าของเขามีแต่รอยย่นรอยตีนกา รูปร่างอ้วน ตัวดำ สวมสร้อยทองแหวนทองมากมายบนเนื้อตัว ‘เสี่ยเม้ง’ ผู้ทรงอิทธิพลในละแวกนี้
“สวัสดีครับเสี่ย” ปราบเอ่ยเสียงสั้นพร้อมกับยกมือไหว้เขา แล้วก้าวเข้าไปหาเสี่ย
“หึ หึ ไอ้นี่มีของดีนี่หว่า” พูดจบ ไอ้เฒ่าเสี่ยลามกนั้นก็มองฟ้าใส
“ให้โอกาสผมนะครับเสี่ย อีกแค่ครั้งเดียว” ปราบอ้อนวอนเสี่ยเม้ง
“ได้ ข้าจะให้โอกาสเอ็ง แต่ถ้าคราวนี้เอ็งแพ้ นังหนูนี้และเงินทั้งต้นทั้งดอกต้องมาอยู่บนมือข้า” ปราบหันมามองฟ้าใสแล้วตอบไปทันที “ได้ครับๆ ผมสัญญาครับเสี่ย” โดยไม่ได้สนใจความปลอดภัยของฟ้าใสเลย ทางด้านฟ้าใสได้แต่ยืนมอง เพราะไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน อาจเป็นเพราะเสียงดนตรีที่ดังมาก และเธอก็ไม่สนใจด้วยว่าพวกเขาจะคุยอะไรกัน ตอนนี้เธออยากที่จะออกไปจากสถานที่อโคจรนี้เต็มทนแล้ว
“ไปกันได้รึยังปราบ” ฟ้าใสถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดๆ
“ผมลาละครับเสี่ย” ปราบยกมือไหว้เสี่ยเม้งแล้วเดินออกมา
“เธอนี่มีประโยชน์ดีจริงๆ ฟ้าใส” ปราบหันมายิ้มให้ฟ้าใส แล้วกุมมือฟ้าใสไปยังสนามแข่งรถ
ปัง ปัง ปัง ! ฟ้าใสสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตูที่ไร้มารยาท เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างหัวเสีย กำลังจะเดินไปต่อว่า ทว่าเธอได้ยินเสียงบทสนทนาหนึ่งขึ้นมา “เฮ้ย! ไอ้ปราบ ออกมาสิว่ะ” เสียงชายขึ้นหนึ่งตะโกนเรียก “สงสัยมันไม่อยู่มั้งลูกพี่” ชายอีกคนพูดขึ้น “เออๆ อย่าให้ได้เจอนะ กูจะฆ่ามันแน่ ไป! กลับเว้ย!”เสียงชายคนแรกพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ฟ้าใสตัวแข็งทื่อ ภายในจิตใจหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับร่างกายไปไหน ‘ปราบ ปราบอยู่ไหน’ นั่นคือสิ่งที่ฟ้าใสคิดอยู่ในหัว เมื่อเห็นว่าผู้ชายสองคนหน้าห้องออกไปแล้ว ฟ้าใสจึงหยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงปราบทันที
“ตู๊ด ตู๊ด... หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง..”
“ทำไม ไม่รับสายนะ” ฟ้าใสเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
แกร็ก แกร็ก เสียงคล้ายมีคนไขประตูห้อง “ ใครน่ะ?”ฟ้าใสถามออกไปเสียงสั่น
“ผมเอง เป็นไรของฟ้าเนี้ย” ปราบเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“ปราบ ตะกี้มีคนมาถามหาปราบด้วย ฟ้าได้ยินมันบอกว่าจะฆ่าปราบ”
“ห๊ะ! จริงหรอ” ปราบเริ่มลนลาน
“ปราบ ปราบไปทำไรใครไว้ ไปเล่นการพนันที่ไหนมาอีกใช่ไหม” ฟ้าใสหันมามองหน้าปราบ และถามอย่างคาดคั้น
“ฟ้า! ฟ้าต้องช่วยปราบนะ” ปราบกุมมือฟ้าแน่น สีหน้าซีดเซียว
“จะให้ฟ้าช่วยยังไง! นี่ปราบไปแพ้พนันใครมาอีก” ฟ้าถาม
“๑ แสน แค่แสนเดียวเอง”ปราบพูด “ฟ้า! แม่ฟ้าไง แม่ฟ้าช่วยเราได้แน่” ปราบมองฟ้าใสอย่างมีความหวัง
“จะบ้าหรอ ตั้ง ๑ แสน แม่ฟ้าจะไปหาที่ไหนมาให้” ฟ้าใสลุกขึ้นยืนแล้วปล่อยมือปราบ
“ฟ้าไม่รักปราบหรอ ปราบกำลังจะตายนะ” ปราบลุกขึ้นมาจับมือฟ้าใสอีกครั้ง
เช้าวันเสาร์ ฟ้าใสกลับมาหาแม่เธอที่บ้าน
“แม่คะ! แม่ ฟ้ากลับมาแล้ว” ฟ้าใสตะโกนเรียกแม่
“ฟ้าใส ลูกแม่ กลับมาแล้วหรอลูก”เพลกาลเดินไปกอดฟ้าใสด้วยความคิดถึงตลอดสองปีที่ผ่านมาฟ้าใสแทบจะไม่ติดต่อกลับมาเลย
“แม่คิดถึงหนูจังเลย ฟ้าใส ทำไมไม่ติดต่อมาบ้างเลยหล่ะ”
“หนูยุ่งๆหน่ะแม่ แล้วนี้ทำไมเนื้อตัวเย็นจัง”
“อ่อ ตะกี้แม่เพิ่งอาบน้ำหน่ะ”
“แม่จ๋า เอ่อ...แม่พอจะมีเงินสักแสนหนึ่งไหมแม่” ฟ้าถามออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าแม่
“ห๊า! ฟ้าจะเอาไปทำอะไรตั้งแสนหนึ่ง” เพลกาลพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ก็ไหนแม่บอกว่ามีปัญหาอะไร ก็บอกแม่ได้เสมอไง!”
“จ้ะๆ แต่ฟ้าต้องบอกแม่ก่อนว่าจะเอาไปทำอะไร ตั้งหนึ่งแสน” เพลกาลมองหน้าลูกด้วยความสงสัย
“ปราบค่ะแม่ ไอ้พวกเลวนั่นมันจะฆ่าปราบ ฟ้ารักปราบค่ะ ฟ้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีปราบ ฟ้าไม่อยากให้ปราบตาย ฮื่อๆ” ฟ้าใสน้ำตาไหลริน เธอกลัว กลัวมากจริงๆ
“โอ๋ๆ อย่าร้องฟ้าอย่าร้อง แม่พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง หนูเอาเงินแม่ไปก็ได้ ไม่ร้องละเนอะ”เพลกาลเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของบุตรสาว พร้อมกับยิ้มให้
“จริงหรอคะแม่ รักแม่ที่สุดเลย” ฟ้าใสโผเข้ากอดแม่
ฟ้าใสมาอยู่กับแม่ได้เพียงวันเดียว โดยตลอดวันนั้นฟ้าใสได้แต่หมกตัวอยู่ในห้อง จะออกมาพบแม่ก็แต่ตอนรับประทานอาหารเท่านั้น แต่เพียงเท่านี้ ใครจะรู้เล่าสำหรับเพลกาลแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากสำหรับเธอ
“แม่ค่ะ ฟ้าไปแล้วนะค่ะแม่ ไว้ปีใหม่ฟ้าจะแวะมาเยี่ยมนะคะ” เพลกาลผงกหัวและยิ้ม “แม่รักหนูนะลูก ฟ้าใส” ฟ้าใสหันมายิ้มและโบกมือลาแม่พร้อมกับขึ้นรถสองแถวหน้าบ้านไป
เมื่อรถสองแถวเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านแล้ว ก็มีชายแก่หนวดเคราหนาคนหนึ่งเดินมาทางเพลกาล
“ถึงเวลาแล้วล่ะ”ชายแก่คนนั้นพุดขึ้น “ขอเวลาอีกนิดนะค่ะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายค่ะ ฉันสัญญา” เพลกาลอ้อนวอน
แอ๊ดด... “ปราบคะ ฟ้าได้เงินมาแล้วคะ...” เธอจำเป็นต้องหยุดคำพูด
ไว้เพียงแค่นั้น เพราะภาพที่เธอเห็นเมื่อเปิดประตูเข้าห้องพักมาคือ ร่างของ
ชายแก่ รูปร่างอ้วน ตัวดำ บนใบหน้ามีแต่รอยย่น ที่ดูแล้วน่าขยะแขยงใช่!เขา
คือไอ้ตาแกเฒ่าวันนั้นที่ปราบไปหา
“สะ สะ...เสี่ยเม้ง”
“ว้าว! แม่สาวน้อย จำฉันได้ด้วยหรอ” เสี่ยเม้งค่อยๆเข้ามาใกล้ฟ้าใส
“เสี่ยจะทำอะไรฉัน” ฟ้าใสถอยกรู ไปจนติดผนังห้อง “ปราบละ! ปราบอยู่ไหน”
“เธอยังจะห่วงมันอีกหรอ ห่วงตัวเองดีกว่าไหม”
“เสี่ย หมายความว่ายังไง” ฟ้าใสยังไม่เข้าใจ
“ก็ผัวเธอน่ะ ยกเธอพร้อมกับจำนวนเงินในมือเธอให้ฉันแล้วยังไงล่ะ”พูดจบเสี่ยเม้งก็พุ่งเข้ามาจับตัวฟ้าใสไว้ ทั้งสองปลุกปล้ำกันไปมาๆโชคดีที่ฟ้าใสยังพอมีสติจึงหยิบเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาจากกระเป้าสะพายฟ้าใสหลับตาปี๋แล้วจี้เครื่องช็อตไฟฟ้าเข้าไปที่เอวของเสี่ยเม้งนานพอสมควร ร่างของเสี่ยเม้งแน่นิ่งไปแล้ว ฟ้าใสจึงวิ่งออกมาจากห้องพัก เธอวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มสองข้าง ร่างกายของเธอนั้นสั่นเทา ‘ทำไมนะ? ทั้งๆที่เธอนั้นพยายามทำทุกอย่างเพื่อปราบแท้ๆ แต่เขากลับเห็นแก่ตัวทิ้งเธอไว้ และหนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว’ นั้นคือสิ่งที่ฟ้าใสถามตนเองซ้ำๆ ฟ้าใสเดินเรียบตามทางเท้ามาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ตอนนี้สมองของเธอขาวโพน เธอดูเหมือนคนไร้สติ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ามอมแมม ในมือของเธอถือซองสีน้ำตาลที่บรรจุเงินจำนวนหนึ่งแสนเอาไว้ กึก! ฟ้าใสหยุดยืนอยู่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง ภายในร้านมีผู้คนมากมาย แต่นั้นไม่ใช่ใจความหลัก เพราะสิ่งที่ฟ้าใสเห็นนั้นคือภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารในร้านนั้นอย่างมีวามสุข ใช่! ผู้ชายคนนั้นคือปราบ ผู้ชายคนที่เธออุตสาห์แบกหน้าไปขอเงินจากแม่ของเธอ