วันนี้ก็จะมา รีวิว การเดินทางไปปารีสแบบฉบับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว 21-27/01/15
(การรีวิวครั้งแรกเลย และที่จริงเพิ่งจะเป็นสมาชิกพันธ์ทิพย์เพราะ อยากหาข้อมูลก่อนไป เมื่อกลับมาก็เลยมาทำรีวิวดูเผื่อจะเป็นประโยชน์นะค่ะ)
ที่จริงจุดเริ่มต้นการไปปารีสครั้งนี้ เริ่มมาจากเราต้องไปนำเสนองานวิจัยที่ปารีสทีแรกกะจะไปกับเพื่อน
แต่ก็มีเหตุสุดวิสัยทำให้ต้องไปคนเดียว ทีแรกก็ไม่ได้กลัวอะไรเพราะเห็นว่าปารีสมีรถไฟเดินทางคงสะดวก
แต่พอได้ฟังคนรอบข้างและรีวิวเตือนอันตรายที่ปารีสเริ่มคิดแล้ว มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ
ไม่ว่าจะเป็นแก็งเด็กโรมาเนียฉกกระเป๋าที่รถไฟใต้ดิน พวกยิปซีคอยให้ตอบแบบสอบถามหรือขอลายเซ็นต์และรีดไถเงินตามสถานที่ท่องเที่ยว โจรฉกมือถือในรถไฟ กลุ่มคนดำที่มาผูกข้อมือแถวมงมารต์.....เริ่มกลัวขึ้นมานิดๆทันที
แถมช่วงที่ไปเพิ่งมีเหตุก่อการร้ายที่ปารีสไปหมาดหมาด แวบแรกคิดจะจ้างไกด์คนไทยในฝรั่งเศส เลยลองสอบถามราคาก็มีตั้งแต่ราคา 30000-70000 บาท เราคงสู้เงินค่าไกด์ไม่ไหว เลยหันมาเตรียมข้อมูลหาทางป้องกันตัวเองดีกว่า
เริ่มต้นขอวีซ่า
ยื่นขอวีซ่าที่ TLS ก็เรียบร้อยดีเตรียมเอกสารให้พร้อม ไม่มีปัญหาอะไร เราขาดเอกสารรับรองการเป็นนิสิต เจ้าหน้าที่ก็โทรมาให้เอาไปให้เพิ่มภานในวันอังคาร ซึ่งเค้าโทรมาหาเราวันศุกร์ตอนบ่ายสี่โมงกว่าๆ แบบว่าเราจะไปทำอะไรทันเกินเวลาราชการแล้ว แต่ก็นะเราโชคดีที่เจ้าหน้าที่ที่คณะทำให้ทัน ก็เลยไปยื่นทัน อีกไม่กี่วันเค้าก็แจ้งว่าวีซ่าเราอนุมัติ โล่งไปเปราะหนึ่ง
จองสายการบิน
เมื่อวีซ่าอนุมัติเราก็จะจองสายการบิน เราก็เลือกอยู่นานเหมือนกันว่าจะไปกับสายการบินไหนดี Emirate Etihad หรือ Air France ดูจากรีวิวหลายๆอันก็มีทั้งดีและไม่ดีแตกต่างกัน แต่สุดท้ายเราเลือกไปกับ Air France เพื่อลดปัญหาเวลาในการต่อเครื่องบิน
การเตรียมตัว
ช่วงที่เราไป อากาศค่อนข้างหนาวอุณหภูมิอยู่ที่ 4 องศา - -4 องศา ก็ต้องเตรียมเสื้อโค้ชไปเยอะหน่อย โชคดีแมาเราเตรียมให้หมดเลยสบายไม่ต้องวุ่นหา เอาเวลามาเตรียมการเดินทางของตัวเอง สิ่งสำคัญ เราไปหาซื้อกระเป๋าคาดเอว กระเป๋าห้อยคอไว้เตรียมใส่เงินใส่พลาสปอร์ต กระเป๋าเราใช้แบบสะพายข้างลำตัวและสะพายหน้าได้ พวกกระเป๋าถือไม่เอาไปเลยทิ้งมันไว้ที่เมืองไทย เรามีหนังสือติดตัวไปเล่มนึง "ใครๆก็ไปเที่ยวฝรั่งเศส"
เล่มนี้เล่มเดียวก็เอาอยู๋ มีแผนที่ให้ดูด้วย ส่วนเรื่องราคาอาจจะต้องหาอัพเดทเอง ค่าเข้าสถานที่ต่างๆก็อัพราคาเพิ่ม
แลกเงิน
ทั้งทริปเราแลกเงินยูไรไปประมาณ 800 ยุโร ประมาณ 30000 บาท
1 ยูโร=37.35 แลกที่สยามเอ็กเช้น เราว่าถูกที่สุดนะ
800 ยูโรสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ 5 คืน 7 วัน (ค่าโรงแรม ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าเที่ยว ค่าของฝาก)
เริ่มการเดินทาง
เราไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 7.45 น. เช็คอินก่อน 9.00น. เครื่องออก 10.00น. เราไปเช็คอินที่เคาเตอร์ air france อยู่โซน P ท้ายๆนู้นเลย
เช็คอินเสร็จก็นั่งรอเพื่อนๆ เพื่อนๆบอกจะมาส่ง แอบดีใจ
จากภาพ เมืองไทยประกันชีวิตนั้นไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนแต่อย่างใดนะค่ะ 5555
ภาพกับเดอะแกงค์สักหน่อย เห็นเวลาเค้าลงรูปต้องปิดหน้าปิดตา มันอาจจะเป็นเพื่อความปลอดภัยของเรารึป่าว อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ก็ทำตามเค้าละกัน แต่ความสามารถทำได้แค่นี้นะค่ะ เลยไม่มีหน้าการ์ตูน หมา แมว มาปิดหน้าไม่รู้ทำยังไง
จากนั้นก็เดินทางไปเข้าเกท แต่ปรากฎว่าคนแน่นมากค่ะตรงทางตรวจในใจคิดว่างานนี้ต้องวิ่งอีกแน่ ต้องรีบไปขึ้นเครื่องก่อนเครื่องออก 20 นาที
ตอนตรวจเค้าให้ถอดเสื้อคลุม ถอดรองเท้า ดีที่รองเท้าเราไม่ได้เป็นแบบสายผูก รูดซิปเลยสะดวกหน่อย เสร็จแล้วก็บึ่งๆๆๆๆๆๆไปทางออก ต้องตกใจอีกครั้งทางเข้าแถวตรวจพลาสปอร์ตคือมันยาวมาก ดีนะที่เราเป็นคนไทย ทางพลาสปอร์ตฝั่งไทยเดินผ่านสบาย ในใจตอนแรกอึ้งคิดว่าไม่ทันแน่ สุดท้ายก็รีบวิ่งๆๆๆๆๆๆๆหน้าตั้งเลยค่ะงานนี้ ผิดที่เราเองที่ไม่เผื่อเวลาเข้าแถว คิดว่าชั่วโมงนึงจะทัน โชคดีที่คราวนี้ทัน
ต่อไปเป็นรูปบนเครื่อง
ทุกที่นั่งจะมีจอให้ดูหนัง ฟังเพลง เหมือนกับสายการบินอื่นๆ ภาพนี้ดูตอนเครื่องบินขึ้นค่ะ
หูฟังบนเครื่อง มีที่เสียบสองข้าง เราก็มองๆดูว่าอันไหนคือช่องเสียบแต่ก็ไม่เห็น เห็นมีรูเดียว เลยลองขยับดู อ้อมันหักได้ แอบโง่แปป 555
ภาพอาหารบนเครื่อง
มื้อบ่ายถึงเย็น
เบรคที่นี่เค้าให้เราเดินหยิบเอง ก็ใครอยากหยิบเท่าไหร่ตามใจเลยค่ะ
เรากินไอติมสักอัน
อีกเซทก่อนเครื่องลง ที่ปารีสเวลาประมาณ 17.00 ส่วนบ้านเราก็จะสี่ทุ่มได้ม้าง
เครื่องลงที่สนามบิน CDG พอถึงก็เดินออกจากตัวเครื่องจะมีตำรวจมายืนตรวจขอดูพลาสปอร์ต
เราเจอตำรวจใจดี ทักทายว่า สวัสดีครับ แล้วก็ให้ผ่านง่ายๆ สงสัยคิดว่าเรามากับกรุ๊ปทัวร์ข้างหน้า
จากนั้นก็เดินๆตามเค้าไปค่ะ เครื่องจอดที่ terminal 1 แต่เราต้องไปเอากระเป๋าที่ terminal 2 ทีแรกก็เดินๆตามเค้าไปพอถามเจ้าหน้าที่อีกทีทางที่เราเดินจะไปต่อเครื่องไปอิตาลี ถอยกลับแทบไม่ทัน เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเส้นทางเดินลงบันไดเลื่อนตามป้ายที่บอกให้ไปรับ baggage ลงไปจะเจอทางขึ้นรถไฟ คือเราต้องนั่งรถไฟต่อไปเอากระเป๋าที่terminal 2 พอถึง terminal 2 ให้เดินตามป้ายทางไปรับ baggage เราก็ไม่แน่ใจค่ะ เห็นเดินไกลจังเลยถามคุณป้าชาวฝรั่งเศส เค้าบอกเค้ามาจาก fight เดียวกัน เค้าก็บอกเดินมาทางนี้แหละไปด้วยกัน เอาจริงคนฝรั่งเศสใจดีนะค่ะ ไม่ได้แล้งน้ำใจเหมือนในหลายๆกระทู้กล่าว พอถึงตม. ก็ถามมากหน่อย สงสัยเห็นเรามาคนเดียว ก็ถามว่าเรามาทำไร จะไปไหน พอเราตอบแล้วเค้าก็หันไปคุยกับตำรวจข้างหลังแล้วก็หัวเราะ เราไม่เข้าใจหรอกว่าเค้าพูดไร เค้าพูดภาษาฝรั่งเศส เราก็เลยเอาเอกสารงานประชุมให้เค้าดู เค้าก็ดูไปดูมา เสร็จแล้วก็ถามว่าพกเงินมาเท่าไหร่ ขอดูเงินเรา เราก็ต้องล้วงออกมาให้ดูซึ่งมันยากมากเพราะเราเก็บไว้หลายชั้น 555 เสร็จยังไม่ทันจะหยิบมาเลยเค้าก็ให้ผ่านแระ เราว่าที่ยาก ถามมาก ตม.ทำหน้าบึ้ง อาจเป็นเพราะเราเดินทางคนเดียวและในพลาสปอร์ตเรายังไม่เคยเดินทางมาในเขตเชงเก้นด้วย ก็เลยทำท่าให้ดูยากๆหน่อยม้าง แต่พอเราผ่านมาเจอพี่คนไทยที่มากับกร็ปทัวร์ ถามพี่เค้า พี่เค้าก็บอกว่าตม.ไม่ถามอะไรมากเลย ดูเงินก็ไม่ขอดู มากับทัวร์ก็คงดูน่าเชื่อถือกว่าม้าง โอเคผ่านมาได้ ตอนนี้ก็เกือยๆจะหกโมงเย็นแล้ว ฟ้าเริ่มมืดแล้วตอนนี้
ได้กระเป๋าเสร็จก็จะเดินไปสถานีรถไฟ เพื่อไปขึ้น RER ระหว่างทางก็แวะซื้อตั๋วรถไฟRER ฺB 10.45 EUR, carnet ticket 14.70 EUR, Paris visit 2 วัน 20 EUR, Parie museum pass 56 EUR รวมประมาณ 101.15 EUR
เอาจริงๆเราว่า paris visit ไม่คุ้ม ซื้อ carnet ก็พอ
ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินลากกระเป๋าไปหาทางขึ้นรถไฟ เดินไกลประมาณนึง เดินไปทางซ้ายมือถ้าหันหน้าเข้า Tourist information เดินตรงไปสังเกตุป้าย train ขึ้นบันไดเลื่อนบนบันไดเลื่อนก็จะเขียนลูกศรชี้บอกทาง เดินไปอีกก็ลงบันไดเลื่อนอีกก็จะเจอสถานีรถไฟซึ่งก็มืดๆมีสองทาง เราก็งงๆแปปว่าจะขึ้นขบวนไหนดี ดูๆป้ายเราตัดสินใจขึ้นฝั่งขวามือเพราะเห็นสถานีที่เราจะไปลงคือ denfert เดินขึ้นไปก็แอบวังเวงนิดๆ มีผู้ชายเดินตามมาเราก็เลยเลือกนั่งข้างผู้หญิงผิวดำคนหนึ่ง เสร็จแล้วเราก็เห็นผู้ชายคนที่เดินตามเราเค้าก็เดินออกไป เราไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่า แต่ตอนนั้นเราเริ่มกลัวๆ ในใจก็คิดว่าเราจะขึ้นถูกขบวนไหม เราก็พยายามนั่งทำเหมือนรู้ กลัวมิจฉาชีพมองแล้วจะคิดว่าเราไม่รู้ทาง พอผ่านแต่ละสถานีเราก็รีบดูป้าย สรุปเราขึ้นถูกขบวน โล่งใจหน่อย ตอนนั้นในใจอยากกลับบ้าน ฟ้าก็มืดแล้ว แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือ บอกตัวเองว่าร้องไห้ไม่ได้ พอผ่านสถานีใหญ่ๆก็มีคนขึ้นมาเต็มจนค่อนข้างแน่น พอถึง denfert เราก็ลากกระเป๋าเราลงแล้วไปต่อ metro 6 เราก็ถามคุณป้าคนนึงว่าทางไปขึ้น metro 6 ทางไหน ป้าเค้าก็ใจดีบอกทางเราอย่างดี พอถึงสถานีปลายทางที่เราจะลงคือ Duplex กระเป๋าเราใหญ่มากและหนักมากก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเห็นเลยมาขอช่วยเรายก ทีแรกเราก็บอกไม่เป็นไร มีคนเตือนว่าอย่ารับการช่วยเหลือจากใครที่ฝรั่งเศส แต่เค้าเห็นเราหนักๆ เค้าก็ช่วยเรา เค้าบอกเค้าเข้าใจ มิจฉาชีพเยอะคนมาเที่ยวก็ต้องระวังตัว เทอดีมากเลยนะเทอบอกเทอเพิ่งกลับมาจากไทยคงมา fight เดียวกัน เรารู้สึกดีมากที่เจอคนใจดี ทำให้อุ่นใจขึ้นเยอะ มันไม่ได้น่ากลัวมากหรอกม้าง จนสุดท้ายไปถามเจ้าหน้าที่สถานีว่าโรงแรงไปทางไหน ทีแรกบอกชื่อโรงแรมเค้าบอกเค้าไม่ร็ เราก็เอาบุ้คดิ้งออกมาให้เค้าดู เค้าเห็นชื่อถนน ก็เลยถึงบางอ้อ ที่นี่เค้าจะจำชื่อถนนกัน ทางที่ดีมานี่ปริ้น location ของโรงแรมมาด้วยนะค่ะ จะดีมากๆ
การจองโรงแรม
เราจองโรงแรมผ่านทาง booking.com ไปคราวนี้จองตั้งสามโรงแรม ทีแรกอยากเปลี่ยนหลายๆโลเคชั่น กลัวว่าที่แรกไม่ดีบ้าง เปลี่ยนหลายๆที่อาจจะเจอที่ดีๆ แต่ก็ลืมคิดว่ากระเป๋าเวลาแบกย้ายโรงแรมนี่ไม่ใช่เบาๆเลยนะ เอาจริงๆเลือกอยู่ที่เดียวสบายที่สุดค่ะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องย้ายที่พัก
เราคิดว่าการรีวิวที่พักของเราน่าจะเป็นประโยชน์บ้าง หลักการเลือกที่พักของเราก็ ราคา ใกล้เมโทร ใกล้ที่เที่ยว มีฮีตเตอร์ และมีกระติกน้ำร้อนในห้องพัก เพื่อเอาไว้ต้มมาม่าหรือกินโจ๊กในตอนเช้า สรุปเราจองที่พักสามที่ คือ
1. Timhotel Tour Eiffel
2. Timhotel Italie Butte aux Cailles
3. Kyriad Hotel XIII Italie Gobelins
[CR] รีวิว การเดินทางไปเยือนปารีส ฉบับ ผู้หญิงคนเดียวก็ไปได้ ตอนที่ 1
(การรีวิวครั้งแรกเลย และที่จริงเพิ่งจะเป็นสมาชิกพันธ์ทิพย์เพราะ อยากหาข้อมูลก่อนไป เมื่อกลับมาก็เลยมาทำรีวิวดูเผื่อจะเป็นประโยชน์นะค่ะ)
ที่จริงจุดเริ่มต้นการไปปารีสครั้งนี้ เริ่มมาจากเราต้องไปนำเสนองานวิจัยที่ปารีสทีแรกกะจะไปกับเพื่อน
แต่ก็มีเหตุสุดวิสัยทำให้ต้องไปคนเดียว ทีแรกก็ไม่ได้กลัวอะไรเพราะเห็นว่าปารีสมีรถไฟเดินทางคงสะดวก
แต่พอได้ฟังคนรอบข้างและรีวิวเตือนอันตรายที่ปารีสเริ่มคิดแล้ว มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ
ไม่ว่าจะเป็นแก็งเด็กโรมาเนียฉกกระเป๋าที่รถไฟใต้ดิน พวกยิปซีคอยให้ตอบแบบสอบถามหรือขอลายเซ็นต์และรีดไถเงินตามสถานที่ท่องเที่ยว โจรฉกมือถือในรถไฟ กลุ่มคนดำที่มาผูกข้อมือแถวมงมารต์.....เริ่มกลัวขึ้นมานิดๆทันที
แถมช่วงที่ไปเพิ่งมีเหตุก่อการร้ายที่ปารีสไปหมาดหมาด แวบแรกคิดจะจ้างไกด์คนไทยในฝรั่งเศส เลยลองสอบถามราคาก็มีตั้งแต่ราคา 30000-70000 บาท เราคงสู้เงินค่าไกด์ไม่ไหว เลยหันมาเตรียมข้อมูลหาทางป้องกันตัวเองดีกว่า
เริ่มต้นขอวีซ่า
ยื่นขอวีซ่าที่ TLS ก็เรียบร้อยดีเตรียมเอกสารให้พร้อม ไม่มีปัญหาอะไร เราขาดเอกสารรับรองการเป็นนิสิต เจ้าหน้าที่ก็โทรมาให้เอาไปให้เพิ่มภานในวันอังคาร ซึ่งเค้าโทรมาหาเราวันศุกร์ตอนบ่ายสี่โมงกว่าๆ แบบว่าเราจะไปทำอะไรทันเกินเวลาราชการแล้ว แต่ก็นะเราโชคดีที่เจ้าหน้าที่ที่คณะทำให้ทัน ก็เลยไปยื่นทัน อีกไม่กี่วันเค้าก็แจ้งว่าวีซ่าเราอนุมัติ โล่งไปเปราะหนึ่ง
จองสายการบิน
เมื่อวีซ่าอนุมัติเราก็จะจองสายการบิน เราก็เลือกอยู่นานเหมือนกันว่าจะไปกับสายการบินไหนดี Emirate Etihad หรือ Air France ดูจากรีวิวหลายๆอันก็มีทั้งดีและไม่ดีแตกต่างกัน แต่สุดท้ายเราเลือกไปกับ Air France เพื่อลดปัญหาเวลาในการต่อเครื่องบิน
การเตรียมตัว
ช่วงที่เราไป อากาศค่อนข้างหนาวอุณหภูมิอยู่ที่ 4 องศา - -4 องศา ก็ต้องเตรียมเสื้อโค้ชไปเยอะหน่อย โชคดีแมาเราเตรียมให้หมดเลยสบายไม่ต้องวุ่นหา เอาเวลามาเตรียมการเดินทางของตัวเอง สิ่งสำคัญ เราไปหาซื้อกระเป๋าคาดเอว กระเป๋าห้อยคอไว้เตรียมใส่เงินใส่พลาสปอร์ต กระเป๋าเราใช้แบบสะพายข้างลำตัวและสะพายหน้าได้ พวกกระเป๋าถือไม่เอาไปเลยทิ้งมันไว้ที่เมืองไทย เรามีหนังสือติดตัวไปเล่มนึง "ใครๆก็ไปเที่ยวฝรั่งเศส"
เล่มนี้เล่มเดียวก็เอาอยู๋ มีแผนที่ให้ดูด้วย ส่วนเรื่องราคาอาจจะต้องหาอัพเดทเอง ค่าเข้าสถานที่ต่างๆก็อัพราคาเพิ่ม
แลกเงิน
ทั้งทริปเราแลกเงินยูไรไปประมาณ 800 ยุโร ประมาณ 30000 บาท
1 ยูโร=37.35 แลกที่สยามเอ็กเช้น เราว่าถูกที่สุดนะ
800 ยูโรสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ 5 คืน 7 วัน (ค่าโรงแรม ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าเที่ยว ค่าของฝาก)
เริ่มการเดินทาง
เราไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 7.45 น. เช็คอินก่อน 9.00น. เครื่องออก 10.00น. เราไปเช็คอินที่เคาเตอร์ air france อยู่โซน P ท้ายๆนู้นเลย
เช็คอินเสร็จก็นั่งรอเพื่อนๆ เพื่อนๆบอกจะมาส่ง แอบดีใจ
จากภาพ เมืองไทยประกันชีวิตนั้นไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนแต่อย่างใดนะค่ะ 5555
ภาพกับเดอะแกงค์สักหน่อย เห็นเวลาเค้าลงรูปต้องปิดหน้าปิดตา มันอาจจะเป็นเพื่อความปลอดภัยของเรารึป่าว อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ก็ทำตามเค้าละกัน แต่ความสามารถทำได้แค่นี้นะค่ะ เลยไม่มีหน้าการ์ตูน หมา แมว มาปิดหน้าไม่รู้ทำยังไง
จากนั้นก็เดินทางไปเข้าเกท แต่ปรากฎว่าคนแน่นมากค่ะตรงทางตรวจในใจคิดว่างานนี้ต้องวิ่งอีกแน่ ต้องรีบไปขึ้นเครื่องก่อนเครื่องออก 20 นาที
ตอนตรวจเค้าให้ถอดเสื้อคลุม ถอดรองเท้า ดีที่รองเท้าเราไม่ได้เป็นแบบสายผูก รูดซิปเลยสะดวกหน่อย เสร็จแล้วก็บึ่งๆๆๆๆๆๆไปทางออก ต้องตกใจอีกครั้งทางเข้าแถวตรวจพลาสปอร์ตคือมันยาวมาก ดีนะที่เราเป็นคนไทย ทางพลาสปอร์ตฝั่งไทยเดินผ่านสบาย ในใจตอนแรกอึ้งคิดว่าไม่ทันแน่ สุดท้ายก็รีบวิ่งๆๆๆๆๆๆๆหน้าตั้งเลยค่ะงานนี้ ผิดที่เราเองที่ไม่เผื่อเวลาเข้าแถว คิดว่าชั่วโมงนึงจะทัน โชคดีที่คราวนี้ทัน
ต่อไปเป็นรูปบนเครื่อง
ทุกที่นั่งจะมีจอให้ดูหนัง ฟังเพลง เหมือนกับสายการบินอื่นๆ ภาพนี้ดูตอนเครื่องบินขึ้นค่ะ
หูฟังบนเครื่อง มีที่เสียบสองข้าง เราก็มองๆดูว่าอันไหนคือช่องเสียบแต่ก็ไม่เห็น เห็นมีรูเดียว เลยลองขยับดู อ้อมันหักได้ แอบโง่แปป 555
ภาพอาหารบนเครื่อง
มื้อบ่ายถึงเย็น
เบรคที่นี่เค้าให้เราเดินหยิบเอง ก็ใครอยากหยิบเท่าไหร่ตามใจเลยค่ะ
เรากินไอติมสักอัน
อีกเซทก่อนเครื่องลง ที่ปารีสเวลาประมาณ 17.00 ส่วนบ้านเราก็จะสี่ทุ่มได้ม้าง
เครื่องลงที่สนามบิน CDG พอถึงก็เดินออกจากตัวเครื่องจะมีตำรวจมายืนตรวจขอดูพลาสปอร์ต
เราเจอตำรวจใจดี ทักทายว่า สวัสดีครับ แล้วก็ให้ผ่านง่ายๆ สงสัยคิดว่าเรามากับกรุ๊ปทัวร์ข้างหน้า
จากนั้นก็เดินๆตามเค้าไปค่ะ เครื่องจอดที่ terminal 1 แต่เราต้องไปเอากระเป๋าที่ terminal 2 ทีแรกก็เดินๆตามเค้าไปพอถามเจ้าหน้าที่อีกทีทางที่เราเดินจะไปต่อเครื่องไปอิตาลี ถอยกลับแทบไม่ทัน เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเส้นทางเดินลงบันไดเลื่อนตามป้ายที่บอกให้ไปรับ baggage ลงไปจะเจอทางขึ้นรถไฟ คือเราต้องนั่งรถไฟต่อไปเอากระเป๋าที่terminal 2 พอถึง terminal 2 ให้เดินตามป้ายทางไปรับ baggage เราก็ไม่แน่ใจค่ะ เห็นเดินไกลจังเลยถามคุณป้าชาวฝรั่งเศส เค้าบอกเค้ามาจาก fight เดียวกัน เค้าก็บอกเดินมาทางนี้แหละไปด้วยกัน เอาจริงคนฝรั่งเศสใจดีนะค่ะ ไม่ได้แล้งน้ำใจเหมือนในหลายๆกระทู้กล่าว พอถึงตม. ก็ถามมากหน่อย สงสัยเห็นเรามาคนเดียว ก็ถามว่าเรามาทำไร จะไปไหน พอเราตอบแล้วเค้าก็หันไปคุยกับตำรวจข้างหลังแล้วก็หัวเราะ เราไม่เข้าใจหรอกว่าเค้าพูดไร เค้าพูดภาษาฝรั่งเศส เราก็เลยเอาเอกสารงานประชุมให้เค้าดู เค้าก็ดูไปดูมา เสร็จแล้วก็ถามว่าพกเงินมาเท่าไหร่ ขอดูเงินเรา เราก็ต้องล้วงออกมาให้ดูซึ่งมันยากมากเพราะเราเก็บไว้หลายชั้น 555 เสร็จยังไม่ทันจะหยิบมาเลยเค้าก็ให้ผ่านแระ เราว่าที่ยาก ถามมาก ตม.ทำหน้าบึ้ง อาจเป็นเพราะเราเดินทางคนเดียวและในพลาสปอร์ตเรายังไม่เคยเดินทางมาในเขตเชงเก้นด้วย ก็เลยทำท่าให้ดูยากๆหน่อยม้าง แต่พอเราผ่านมาเจอพี่คนไทยที่มากับกร็ปทัวร์ ถามพี่เค้า พี่เค้าก็บอกว่าตม.ไม่ถามอะไรมากเลย ดูเงินก็ไม่ขอดู มากับทัวร์ก็คงดูน่าเชื่อถือกว่าม้าง โอเคผ่านมาได้ ตอนนี้ก็เกือยๆจะหกโมงเย็นแล้ว ฟ้าเริ่มมืดแล้วตอนนี้
ได้กระเป๋าเสร็จก็จะเดินไปสถานีรถไฟ เพื่อไปขึ้น RER ระหว่างทางก็แวะซื้อตั๋วรถไฟRER ฺB 10.45 EUR, carnet ticket 14.70 EUR, Paris visit 2 วัน 20 EUR, Parie museum pass 56 EUR รวมประมาณ 101.15 EUR
เอาจริงๆเราว่า paris visit ไม่คุ้ม ซื้อ carnet ก็พอ
ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินลากกระเป๋าไปหาทางขึ้นรถไฟ เดินไกลประมาณนึง เดินไปทางซ้ายมือถ้าหันหน้าเข้า Tourist information เดินตรงไปสังเกตุป้าย train ขึ้นบันไดเลื่อนบนบันไดเลื่อนก็จะเขียนลูกศรชี้บอกทาง เดินไปอีกก็ลงบันไดเลื่อนอีกก็จะเจอสถานีรถไฟซึ่งก็มืดๆมีสองทาง เราก็งงๆแปปว่าจะขึ้นขบวนไหนดี ดูๆป้ายเราตัดสินใจขึ้นฝั่งขวามือเพราะเห็นสถานีที่เราจะไปลงคือ denfert เดินขึ้นไปก็แอบวังเวงนิดๆ มีผู้ชายเดินตามมาเราก็เลยเลือกนั่งข้างผู้หญิงผิวดำคนหนึ่ง เสร็จแล้วเราก็เห็นผู้ชายคนที่เดินตามเราเค้าก็เดินออกไป เราไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่า แต่ตอนนั้นเราเริ่มกลัวๆ ในใจก็คิดว่าเราจะขึ้นถูกขบวนไหม เราก็พยายามนั่งทำเหมือนรู้ กลัวมิจฉาชีพมองแล้วจะคิดว่าเราไม่รู้ทาง พอผ่านแต่ละสถานีเราก็รีบดูป้าย สรุปเราขึ้นถูกขบวน โล่งใจหน่อย ตอนนั้นในใจอยากกลับบ้าน ฟ้าก็มืดแล้ว แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือ บอกตัวเองว่าร้องไห้ไม่ได้ พอผ่านสถานีใหญ่ๆก็มีคนขึ้นมาเต็มจนค่อนข้างแน่น พอถึง denfert เราก็ลากกระเป๋าเราลงแล้วไปต่อ metro 6 เราก็ถามคุณป้าคนนึงว่าทางไปขึ้น metro 6 ทางไหน ป้าเค้าก็ใจดีบอกทางเราอย่างดี พอถึงสถานีปลายทางที่เราจะลงคือ Duplex กระเป๋าเราใหญ่มากและหนักมากก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเห็นเลยมาขอช่วยเรายก ทีแรกเราก็บอกไม่เป็นไร มีคนเตือนว่าอย่ารับการช่วยเหลือจากใครที่ฝรั่งเศส แต่เค้าเห็นเราหนักๆ เค้าก็ช่วยเรา เค้าบอกเค้าเข้าใจ มิจฉาชีพเยอะคนมาเที่ยวก็ต้องระวังตัว เทอดีมากเลยนะเทอบอกเทอเพิ่งกลับมาจากไทยคงมา fight เดียวกัน เรารู้สึกดีมากที่เจอคนใจดี ทำให้อุ่นใจขึ้นเยอะ มันไม่ได้น่ากลัวมากหรอกม้าง จนสุดท้ายไปถามเจ้าหน้าที่สถานีว่าโรงแรงไปทางไหน ทีแรกบอกชื่อโรงแรมเค้าบอกเค้าไม่ร็ เราก็เอาบุ้คดิ้งออกมาให้เค้าดู เค้าเห็นชื่อถนน ก็เลยถึงบางอ้อ ที่นี่เค้าจะจำชื่อถนนกัน ทางที่ดีมานี่ปริ้น location ของโรงแรมมาด้วยนะค่ะ จะดีมากๆ
การจองโรงแรม
เราจองโรงแรมผ่านทาง booking.com ไปคราวนี้จองตั้งสามโรงแรม ทีแรกอยากเปลี่ยนหลายๆโลเคชั่น กลัวว่าที่แรกไม่ดีบ้าง เปลี่ยนหลายๆที่อาจจะเจอที่ดีๆ แต่ก็ลืมคิดว่ากระเป๋าเวลาแบกย้ายโรงแรมนี่ไม่ใช่เบาๆเลยนะ เอาจริงๆเลือกอยู่ที่เดียวสบายที่สุดค่ะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องย้ายที่พัก
เราคิดว่าการรีวิวที่พักของเราน่าจะเป็นประโยชน์บ้าง หลักการเลือกที่พักของเราก็ ราคา ใกล้เมโทร ใกล้ที่เที่ยว มีฮีตเตอร์ และมีกระติกน้ำร้อนในห้องพัก เพื่อเอาไว้ต้มมาม่าหรือกินโจ๊กในตอนเช้า สรุปเราจองที่พักสามที่ คือ
1. Timhotel Tour Eiffel
2. Timhotel Italie Butte aux Cailles
3. Kyriad Hotel XIII Italie Gobelins