ขอความรู้เกี่ยวกับกรณีนี้ด้วยครับ
เหตุการณ์มีอยู่ว่า
- สี่ทุ่ม เจ็บหน้าอกใต้ราวนม เจ็บร้าวไปที่บริเวณกล้ามแขนซ้าย
ขึ้นแท็กซี่ ถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ใกล้ที่สุดเพื่อนจ่ายค่าแท็กซี่สี่สิบบาท
- ยื่นบัตรประชาชนพร้อมบัตรประกันสุขภาพกลุ่มของที่ทำงาน คิดว่าจะแค่ขอยาทานแต่แผนกฉุกเฉินจับขึ้นเตียง
- หมอเวรสอบถามอาการเบื้องต้น แล้วให้ผมนอนลงแล้วเอาเครื่องวัดคลื่นหัวใจมาแปะหนีบ สักครู่ เครื่องก็พิมพ์แผ่นนึงออกมา
แล้วหมอเวรก็สั่งเจ้าหน้าที่จัดชุดใหญ่ เอาน้ำเกลือมาเสียบ ซึ่งผมกลัวเข็มมากจึงปฏิเสธบอกไปว่าไม่ต้องก็ได้มั้งผมไม่เป็นไร
- หมอเวรบอกไม่ได้ หัวใจคุณขาดเลือดเฉียบพลัน ต้องทำการฉีดสีและบอลลูนโดยด่วน
ระหว่างนั้นมีคนยื่นเอกสารมาให้ผมเซ็นต์สองสามใบ วินาทีนั้น คงไม่มีใครคิดจะอ่านอย่างละเอียดและไม่ยอมเซ็นต์ คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเบื้องต้น
และประโยคสำคัญก็เริ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายประมาณสองถึงสามแสนบาท
- ผมบอกไม่มี ติดต่อสถานพยาบาลที่ประกันสังคมได้มั๊ย ไว้ซึ่งอยู่ไกลมาก หมอบอกอาจไม่ทันการให้ตามญาตโดยตรงมา เพื่อนไม่สามารถตัดสินใจแทนได้
- ระหว่างนั้นเพื่อนบอกความดันผมตกฮวบ สีหน้าไม่ดี
พี่สาวผมอยู่สมุทรปราการ รีบมาใช้เวลาเดินทางกว่าจะถึง รพ. ชั่วโมงกว่า
ในระหว่างนั้นโทรคุยกับ รพ. ตลอด ถึงจะบอกให้ดำเนินการเลยก็ตาม รพ. มิอาจทำได้ คิดในแง่ดีผมคงยังไม่ตาย
- พี่สาวมาถึงโดนจับเซ็นต์เอกสารอีกเพียบ ขณะนั้นพี่สาวผมคงไม่มีเวลาอ่านแม้แต่บรรทัดเดียว ได้แต่ตะโกนออกไปว่าทำไมยังไม่รักษาหรือต้องให้น้องชายตายก่อน นาทีนั้นคือพี่ผมยอมทุกอย่างจะกี่บาทยอมหมดแล้วขอให้ชีวิตน้องยังอยู่
- สิ้นเสียงและลายเซ็นต์ เจ้าหน้าที่ก็เข็นผมอย่างเร็วมากถึงมากที่สุด เพื่อนผมบอกว่าเหมือนในหนังเลย
แล้วผมก็เข้ารับการฉีดสีและทำบอลลูน เจาะที่ข้อมือ หมอบอกเป็นเส้นหลักด้านหน้าเลย
หลังจากรอดตายออกมานอนต่อห้องฉุกเฉินที่ขึ้นชื่อว่าแพงมากต่อคืนประมาณตีสอง
- อาการผมปกติมาก เหมือนเกิดใหม่ไม่เจ็บแต่กลัวสายน้ำเกลือสองรู และพยาบาลแวะเวียนกันมาจิ้มเอาเลือดไปตรวจ เหมือนแกล้งกัน จิ้มสามสี่ทีกว่าจะได้เลือด สงใสหนังเหนียว เจ็บซะ
- หมอบอกต้องรอดูอาการสองวันแล้วค่อยย้ายออกจากฉุกเฉินไปอยู่ห้องต่ออีกสองวัน
วันที่สามมียอดค่าใช้จ่ายมาให้ดูสามแสนเก้า
ผมอยากกลับบ้านคิดถึงแม่สุดๆ
- สรุป สี่วัน หลังจากพี่สาวคนโตมาโวยวายเรื่องค่าใช้จ่ายห้องฉุกเฉินที่คิดสองวันเต็มๆ พี่ผมบอกเข้าตอนตีสองคิดงี้ได้ไง เลยได้ลดไปอีกหลายหมื่น
ยอดรวมสามแสนแปด ประกันสุขภาพกลุ่มที่ทำงานช่วยลดไปได้อีกพอสมควร.
ทั้งหมดที่ต้องจ่าย สามแสนห้าหมื่นสามพันห้าบาท
เหตุการณ์รวมใจจากเพื่อนที่ทำงาน ติดต่อประกันสังคมถามถึงสิทธิ์ที่พึงได้และดำเนินการให้ในระหว่างที่ผมไปพักฟื้นบ้านแม่
สรุปประเด็นที่อยากถามความเห็นทุกท่านเกี่ยวกับประกันสังคม
- ประกันสังคมแจ้งว่า : ทำไมคุณไม่ยื่นคำร้องภายใน 72 ชั่วโมง (จะรู้มั๊ย) แต่ตอนเข้าห้องฉุกเฉินผมได้ติดต่อไปรพ.ที่ทำประกันสังคมทันทีนะ แต่มันไม่ทันแล้ว ส่งไปส่งมาตายแน่
- ประกันสังคมแจ้งว่า : แถมคุณยังเซ็นต์ยินยอมที่จะรับค่าใช้จ่ายเองไปแล้ว (ตอนนั้นอย่าว่าแต่อ่านเอกสารเลยลายเซ็นต์ยังแทบเซ็นต์ไม่ถูก).
ประกันสังคมยังบอกอีกว่า : หลังจากออกจากห้องผ่าตัดทำไมไม่ย้ายไปรพ. ที่ประกันสังคมไว้ (ถ้ารู้ผมย้ายแล้วครับ)
- ประกันสังคมให้คำตอบเรื่องเงินว่า : อาจไม่ได้นะคะในกรณีนี้ แต่กรอกใบรับสิทธิ์พรัอมเอกสารแล้วรอนะคะว่าจะได้เท่าไหร่. จบ.
เร็วๆ นี้ได้ศึกษาข้อมูลโรคนี้จากเน็ต มีคลิปวีดีโอ
ศิริราช360° : เรื่องของหัวใจ (4/4) - ข่าวดีของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (ST ยก) รักษาฟรี!!!
ท่านใดมีรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาฟรีนี้บ้างครับ ในกรณีแบบผมต้องดำเนินการยังไง. เพราะหมดหวังกับประกันสังคม และหนี้สินที่หยิบยืมมา.
สถานพยาบาล ประกันสังคมและผมกับโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
เหตุการณ์มีอยู่ว่า
- สี่ทุ่ม เจ็บหน้าอกใต้ราวนม เจ็บร้าวไปที่บริเวณกล้ามแขนซ้าย
ขึ้นแท็กซี่ ถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ใกล้ที่สุดเพื่อนจ่ายค่าแท็กซี่สี่สิบบาท
- ยื่นบัตรประชาชนพร้อมบัตรประกันสุขภาพกลุ่มของที่ทำงาน คิดว่าจะแค่ขอยาทานแต่แผนกฉุกเฉินจับขึ้นเตียง
- หมอเวรสอบถามอาการเบื้องต้น แล้วให้ผมนอนลงแล้วเอาเครื่องวัดคลื่นหัวใจมาแปะหนีบ สักครู่ เครื่องก็พิมพ์แผ่นนึงออกมา
แล้วหมอเวรก็สั่งเจ้าหน้าที่จัดชุดใหญ่ เอาน้ำเกลือมาเสียบ ซึ่งผมกลัวเข็มมากจึงปฏิเสธบอกไปว่าไม่ต้องก็ได้มั้งผมไม่เป็นไร
- หมอเวรบอกไม่ได้ หัวใจคุณขาดเลือดเฉียบพลัน ต้องทำการฉีดสีและบอลลูนโดยด่วน
ระหว่างนั้นมีคนยื่นเอกสารมาให้ผมเซ็นต์สองสามใบ วินาทีนั้น คงไม่มีใครคิดจะอ่านอย่างละเอียดและไม่ยอมเซ็นต์ คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเบื้องต้น
และประโยคสำคัญก็เริ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายประมาณสองถึงสามแสนบาท
- ผมบอกไม่มี ติดต่อสถานพยาบาลที่ประกันสังคมได้มั๊ย ไว้ซึ่งอยู่ไกลมาก หมอบอกอาจไม่ทันการให้ตามญาตโดยตรงมา เพื่อนไม่สามารถตัดสินใจแทนได้
- ระหว่างนั้นเพื่อนบอกความดันผมตกฮวบ สีหน้าไม่ดี
พี่สาวผมอยู่สมุทรปราการ รีบมาใช้เวลาเดินทางกว่าจะถึง รพ. ชั่วโมงกว่า
ในระหว่างนั้นโทรคุยกับ รพ. ตลอด ถึงจะบอกให้ดำเนินการเลยก็ตาม รพ. มิอาจทำได้ คิดในแง่ดีผมคงยังไม่ตาย
- พี่สาวมาถึงโดนจับเซ็นต์เอกสารอีกเพียบ ขณะนั้นพี่สาวผมคงไม่มีเวลาอ่านแม้แต่บรรทัดเดียว ได้แต่ตะโกนออกไปว่าทำไมยังไม่รักษาหรือต้องให้น้องชายตายก่อน นาทีนั้นคือพี่ผมยอมทุกอย่างจะกี่บาทยอมหมดแล้วขอให้ชีวิตน้องยังอยู่
- สิ้นเสียงและลายเซ็นต์ เจ้าหน้าที่ก็เข็นผมอย่างเร็วมากถึงมากที่สุด เพื่อนผมบอกว่าเหมือนในหนังเลย
แล้วผมก็เข้ารับการฉีดสีและทำบอลลูน เจาะที่ข้อมือ หมอบอกเป็นเส้นหลักด้านหน้าเลย
หลังจากรอดตายออกมานอนต่อห้องฉุกเฉินที่ขึ้นชื่อว่าแพงมากต่อคืนประมาณตีสอง
- อาการผมปกติมาก เหมือนเกิดใหม่ไม่เจ็บแต่กลัวสายน้ำเกลือสองรู และพยาบาลแวะเวียนกันมาจิ้มเอาเลือดไปตรวจ เหมือนแกล้งกัน จิ้มสามสี่ทีกว่าจะได้เลือด สงใสหนังเหนียว เจ็บซะ
- หมอบอกต้องรอดูอาการสองวันแล้วค่อยย้ายออกจากฉุกเฉินไปอยู่ห้องต่ออีกสองวัน
วันที่สามมียอดค่าใช้จ่ายมาให้ดูสามแสนเก้า
ผมอยากกลับบ้านคิดถึงแม่สุดๆ
- สรุป สี่วัน หลังจากพี่สาวคนโตมาโวยวายเรื่องค่าใช้จ่ายห้องฉุกเฉินที่คิดสองวันเต็มๆ พี่ผมบอกเข้าตอนตีสองคิดงี้ได้ไง เลยได้ลดไปอีกหลายหมื่น
ยอดรวมสามแสนแปด ประกันสุขภาพกลุ่มที่ทำงานช่วยลดไปได้อีกพอสมควร.
ทั้งหมดที่ต้องจ่าย สามแสนห้าหมื่นสามพันห้าบาท
เหตุการณ์รวมใจจากเพื่อนที่ทำงาน ติดต่อประกันสังคมถามถึงสิทธิ์ที่พึงได้และดำเนินการให้ในระหว่างที่ผมไปพักฟื้นบ้านแม่
สรุปประเด็นที่อยากถามความเห็นทุกท่านเกี่ยวกับประกันสังคม
- ประกันสังคมแจ้งว่า : ทำไมคุณไม่ยื่นคำร้องภายใน 72 ชั่วโมง (จะรู้มั๊ย) แต่ตอนเข้าห้องฉุกเฉินผมได้ติดต่อไปรพ.ที่ทำประกันสังคมทันทีนะ แต่มันไม่ทันแล้ว ส่งไปส่งมาตายแน่
- ประกันสังคมแจ้งว่า : แถมคุณยังเซ็นต์ยินยอมที่จะรับค่าใช้จ่ายเองไปแล้ว (ตอนนั้นอย่าว่าแต่อ่านเอกสารเลยลายเซ็นต์ยังแทบเซ็นต์ไม่ถูก).
ประกันสังคมยังบอกอีกว่า : หลังจากออกจากห้องผ่าตัดทำไมไม่ย้ายไปรพ. ที่ประกันสังคมไว้ (ถ้ารู้ผมย้ายแล้วครับ)
- ประกันสังคมให้คำตอบเรื่องเงินว่า : อาจไม่ได้นะคะในกรณีนี้ แต่กรอกใบรับสิทธิ์พรัอมเอกสารแล้วรอนะคะว่าจะได้เท่าไหร่. จบ.
เร็วๆ นี้ได้ศึกษาข้อมูลโรคนี้จากเน็ต มีคลิปวีดีโอ
ศิริราช360° : เรื่องของหัวใจ (4/4) - ข่าวดีของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (ST ยก) รักษาฟรี!!!
ท่านใดมีรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาฟรีนี้บ้างครับ ในกรณีแบบผมต้องดำเนินการยังไง. เพราะหมดหวังกับประกันสังคม และหนี้สินที่หยิบยืมมา.