เรารู้จักกันเมื่อ ปี 48 ผ่านแชทไลน์เว็ปหนึ่ง
ตอนนั้น เราเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เพิ่งหัดเล่นเน็ต เพิ่งรู้จัก MSN และเขาเป็นคนแนะนำให้เรารู้จัก "Pantip"
เราอยู่ ปี 1 พี่เค้าอยู่ ปี 2 (คนละมหาวิทยาลัย) เป็นช่วงที่มีความสุขมาก ชีวิตโลดแล่นอยู่ในห้วงจินตนาการสุด ๆ
เราอยู่ ปี 2 เราเริ่มมีชีวิตในโลกของความจริง มีเพื่อน มีกิจกรรม และมีคนจริง ๆ มาคุยด้วย
ในมโนของเราจึงเป็น"พี่ชายที่แสนดี กับน้องสาวคนเก่ง" ของกันและกัน
เราอยู่ ปี 3 พี่เค้าอยู่ ปี 4 เรามั่นใจว่าเค้ามีแฟน แต่เค้าไม่เคยเปลี่ยนเบอร์ และมักโทรมาตรงกับช่วงเวลาที่เราต้องตัดสินอะไรบางอย่าง
หรือช่วงเครียด ๆ อยู่เสมอ
เราอยู่ ปี 3 ฝึกงาน พี่เค้าเรียนจบแล้ว เราก็ห่างหายกันไป เราก็เริ่มคบ ผช. และ วันดีคืนดี พี่เค้าก็โทรมาเล่าเรื่องราวตลอดระยะเวลาที่เขาหายไป
เพราะเค้าไปทำงานที่สิงคโปร์
ปี 51 เราเป็นเด็กบ้านนอกเข้ามาทำงาน กทม. เป็นช่วงที่ซึมเศร้ามาก เราอยู่ กทม. ตัวคนเดียว เลิกงานมานั่งร้องไห้
....ในวันที่เจอคนดัดจริต วันที่เจองานหนัก ๆ วันที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ กทม.ต่อดีไหม พี่เค้าก็โทรเข้ามา เพียงครั้งเดียว...แล้วก็หายไป
ปี 52 -53 เรายังอยู่ กทม. อยู่ใกล้กันขนาดไหน เราก็ไม่กล้าเจอกัน
ปี 54 -55 เรากลับมาบ้านต่างจังหวัด เราเก็บของที่เป็นความทรงจำทิ้งหมดเลย ทั้งรูปที่แอบแคปจอไว้ช่วงที่คุย Msn กัน
รูปใบแรกที่ส่งมาให้ทาง จม. เราเผาทิ้งหมด
ปี 56 เรายังเข้าไปในเฟสเขา (ทั้ง ๆ ที่ Unfriend ไปนานแล้ว แต่ก็ยังแอบดูเป็นประจำ จนถึงวันนี้) มีรูปที่เพื่อนเค้าแท็กมา ช่วงเดือน เม.ย.
เป็น "รูปแต่งงาน" เพียงรูปเดียว รูปเดียว เท่านั้น เค้าไม่โพสต์รูปอื่น ๆ เลย หรือเขาอาจจะซ่อนเฉพาะเพื่อนเท่านั้น
หลังจากนั้น เราจำไม่ได้ว่าเราติดต่อพี่เค้าช่องทางไหน คุยกันเพียงว่า ยินดีกับพี่ และพี่ก็แต่งแล้ว คงถึงเวลาที่น้องต้องตัดสินใจด้วย เช่นกัน
เดือน พ.ย. 56 เราตัดสินใจหมั้น....เพราะเราตัดสิ่งเดียวที่ยึดติด ยึดมั่น ตลอดมา นั่นก็คือ "รักครั้งแรก" ได้แล้ว
....ไม่กี่วัน มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา เราไม่แปลกใจ เพราเราใช้เบอร์ส่วนตัวติดต่องานอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ ....พูดค่ะ” ปลายสาย คือ เสียงหัวเราะที่ไม่ขำ ที่คุ้นเคยเมื่อ 5 ปีก่อน สมองเราชาไปหมด
จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง คร่าว ๆ ว่า..แต่งจริง ๆ หรอ พูดจริง ๆ หรอ ที่ว่าพี่แต่งแล้วเราจะแต่งตาม..
ถามแต่เรื่องงานแต่งเรา พอเราถามเรื่องการแต่งงานของเขา ก็ได้รับคำตอบเพียงเสียงหัวเราะแห้ง ๆ
....ถ้าหากเรายังมโนได้อย่างเมื่อ 8-9 ปีก่อน เรามโนว่า เสียงปลายสายของเรากำลังหัวเราะกลบเกลื่อน ความรู้สึก
แต่ก็ยังยังมีน้ำเสียงสั่นเครือให้เราระคาย เราก็เช่นกัน เราสนทนาได้ไม่กี่คำ เพราะน้ำตามันกลั้นไม่อยู่
...วันนี้เราแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนไปดูรูปงานแต่รูปเดียวที่มีในเฟสพี่เค้า และเจ้าตัวน้อยของเค้า
...และก็หวังว่าพี่เค้า คงมีโอกาสแวะมาดูรูปแต่งงานในเฟสเราเช่นกัน
“หนูได้แต่งงานดอนอายุ 27 ตามที่เราคุยกันไว้แล้วนะ และเจ้าบ่าวหนูก็ดี เหมือนกับที่จินตนาการไว้เช่นกัน”
แม้ระยะเวลาเกือบ 10 ปี ที่เรารู้จักกัน มีความรู้สึกดีดีให้กัน เราจะไม่เคยพบเจอกันเลย ...แต่น้องขอมโนต่อ ขอให้ลูก ๆ ของเราได้เจอกัน เหมือน
The Classic คิคิ อิอิ ....
................................................................................
ขออภัยนะคะ ร่ายยาวเชียว อินกับละครเกินไป โพสต์ในเฟสก็ไม่ได้ เดี๋ยวสามีรู้ความหลังหมด
"แอบรักออนไลน์" ในชีวิตจริง
ตอนนั้น เราเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เพิ่งหัดเล่นเน็ต เพิ่งรู้จัก MSN และเขาเป็นคนแนะนำให้เรารู้จัก "Pantip"
เราอยู่ ปี 1 พี่เค้าอยู่ ปี 2 (คนละมหาวิทยาลัย) เป็นช่วงที่มีความสุขมาก ชีวิตโลดแล่นอยู่ในห้วงจินตนาการสุด ๆ
เราอยู่ ปี 2 เราเริ่มมีชีวิตในโลกของความจริง มีเพื่อน มีกิจกรรม และมีคนจริง ๆ มาคุยด้วย
ในมโนของเราจึงเป็น"พี่ชายที่แสนดี กับน้องสาวคนเก่ง" ของกันและกัน
เราอยู่ ปี 3 พี่เค้าอยู่ ปี 4 เรามั่นใจว่าเค้ามีแฟน แต่เค้าไม่เคยเปลี่ยนเบอร์ และมักโทรมาตรงกับช่วงเวลาที่เราต้องตัดสินอะไรบางอย่าง
หรือช่วงเครียด ๆ อยู่เสมอ
เราอยู่ ปี 3 ฝึกงาน พี่เค้าเรียนจบแล้ว เราก็ห่างหายกันไป เราก็เริ่มคบ ผช. และ วันดีคืนดี พี่เค้าก็โทรมาเล่าเรื่องราวตลอดระยะเวลาที่เขาหายไป
เพราะเค้าไปทำงานที่สิงคโปร์
ปี 51 เราเป็นเด็กบ้านนอกเข้ามาทำงาน กทม. เป็นช่วงที่ซึมเศร้ามาก เราอยู่ กทม. ตัวคนเดียว เลิกงานมานั่งร้องไห้
....ในวันที่เจอคนดัดจริต วันที่เจองานหนัก ๆ วันที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ กทม.ต่อดีไหม พี่เค้าก็โทรเข้ามา เพียงครั้งเดียว...แล้วก็หายไป
ปี 52 -53 เรายังอยู่ กทม. อยู่ใกล้กันขนาดไหน เราก็ไม่กล้าเจอกัน
ปี 54 -55 เรากลับมาบ้านต่างจังหวัด เราเก็บของที่เป็นความทรงจำทิ้งหมดเลย ทั้งรูปที่แอบแคปจอไว้ช่วงที่คุย Msn กัน
รูปใบแรกที่ส่งมาให้ทาง จม. เราเผาทิ้งหมด
ปี 56 เรายังเข้าไปในเฟสเขา (ทั้ง ๆ ที่ Unfriend ไปนานแล้ว แต่ก็ยังแอบดูเป็นประจำ จนถึงวันนี้) มีรูปที่เพื่อนเค้าแท็กมา ช่วงเดือน เม.ย.
เป็น "รูปแต่งงาน" เพียงรูปเดียว รูปเดียว เท่านั้น เค้าไม่โพสต์รูปอื่น ๆ เลย หรือเขาอาจจะซ่อนเฉพาะเพื่อนเท่านั้น
หลังจากนั้น เราจำไม่ได้ว่าเราติดต่อพี่เค้าช่องทางไหน คุยกันเพียงว่า ยินดีกับพี่ และพี่ก็แต่งแล้ว คงถึงเวลาที่น้องต้องตัดสินใจด้วย เช่นกัน
เดือน พ.ย. 56 เราตัดสินใจหมั้น....เพราะเราตัดสิ่งเดียวที่ยึดติด ยึดมั่น ตลอดมา นั่นก็คือ "รักครั้งแรก" ได้แล้ว
....ไม่กี่วัน มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา เราไม่แปลกใจ เพราเราใช้เบอร์ส่วนตัวติดต่องานอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ ....พูดค่ะ” ปลายสาย คือ เสียงหัวเราะที่ไม่ขำ ที่คุ้นเคยเมื่อ 5 ปีก่อน สมองเราชาไปหมด
จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง คร่าว ๆ ว่า..แต่งจริง ๆ หรอ พูดจริง ๆ หรอ ที่ว่าพี่แต่งแล้วเราจะแต่งตาม..
ถามแต่เรื่องงานแต่งเรา พอเราถามเรื่องการแต่งงานของเขา ก็ได้รับคำตอบเพียงเสียงหัวเราะแห้ง ๆ
....ถ้าหากเรายังมโนได้อย่างเมื่อ 8-9 ปีก่อน เรามโนว่า เสียงปลายสายของเรากำลังหัวเราะกลบเกลื่อน ความรู้สึก
แต่ก็ยังยังมีน้ำเสียงสั่นเครือให้เราระคาย เราก็เช่นกัน เราสนทนาได้ไม่กี่คำ เพราะน้ำตามันกลั้นไม่อยู่
...วันนี้เราแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนไปดูรูปงานแต่รูปเดียวที่มีในเฟสพี่เค้า และเจ้าตัวน้อยของเค้า
...และก็หวังว่าพี่เค้า คงมีโอกาสแวะมาดูรูปแต่งงานในเฟสเราเช่นกัน
“หนูได้แต่งงานดอนอายุ 27 ตามที่เราคุยกันไว้แล้วนะ และเจ้าบ่าวหนูก็ดี เหมือนกับที่จินตนาการไว้เช่นกัน”
แม้ระยะเวลาเกือบ 10 ปี ที่เรารู้จักกัน มีความรู้สึกดีดีให้กัน เราจะไม่เคยพบเจอกันเลย ...แต่น้องขอมโนต่อ ขอให้ลูก ๆ ของเราได้เจอกัน เหมือน
The Classic คิคิ อิอิ ....
................................................................................
ขออภัยนะคะ ร่ายยาวเชียว อินกับละครเกินไป โพสต์ในเฟสก็ไม่ได้ เดี๋ยวสามีรู้ความหลังหมด