น้องชายทำงานบริษัท Software IT แห่งหนึ่งครับ เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัทนี้แปลกคือ
1. แบ่งฝ่ายขายออกเป็น 3 ทีม ไม่แยกลูกค้า เซลล์แต่ละทีมใครดีใครได้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา
2. ทีม Product ของบริษัทก็มี Sale อยู่ในทีมตัวเองด้วย ดังนั้นทีมขายขออะไร ก็ไม่สนับสนุน หรือให้ราคาสูง แต่เวลาขายเองขายถูก
3. มีนโยบายไม่ให้คู่มือการขาย Catalog โบร์ชัวร์ File Presentation กับ Sale โดยให้นัดทีม Product ไปคุยเท่านั้น อ้างรักษาความลับ
4. เวลา Sale เข้าไปขายถ้า Project ค่อนข้างใหญ่ สุดท้ายก็จะโยนให้ฝ่าย Product เป็นคนขายเอง
5. ต้นทุนของโครงการฝ่าย Product จะส่งให้ผู้อำนวยการโดยตรง ทำให้ฝ่ายขายไม่เห็นต้นทุน Sale ไม่รู้ว่าตนขายเท่าไหร่ มีกำไรเท่าไหร่
6. รับ Sale เงินเดือนต่ำ (ไม่เกิน 20,000) ค่าคอมไม่ระบุชัดเจน แต่รับพนักงานฝ่ายProduct หรือ Programmer เงินเดือนเหยียบแสน
Sale เหมือนพลเมืองชั้น3 โดนโขกสับจากทุกแผนก จึงมี Turnover สูงมาก (เซลล์ 5 คน เปลี่ยนหน้าเกือบ 40 คนใน 5 ปี)
และจำนวนพนักงาน 300 คน เป็น Programmer Technical ประมาณ 75% มีฝ่ายขายแค่ 3%
7. อำนาจตัดสินใจอยู่ที่เจ้าของคนเดียว และจะฟังหัวหน้าทีมProductเป็นหลัก
8. เห่อทำ Product ใหม่ๆเป็นพักๆเปลี่ยนไปเรื่อย ทำให้ขาดความชำนาญเฉพาะทาง และชอบทำสิ่งที่บริษัทไม่ถนัด
9. ไม่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับ Supplier รายใดทั้งสิ้น ไม่รวมโปรแกรมใดๆ ตอนยื่นประมูลเปลี่ยน Supplier กลางคันบ่อยๆ
10. ลุกค้าเก่าไม่ค่อยดูแล ไม่เน้น มุ่งเน้นขายโครงการใหม่ๆมากกว่า มีปัญหากับลูกค้าก็เน้นฟ้องร้องทางกฏหมาย
11. ยอดขายไม่แน่นอนบางปีก็ได้ 1,000 กว่าล้าน, บางปี 100 กว่าล้าน แล้วแต่ว่าจะได้โครงการใหญ่ไหม
12. การเมืองภายในค่อนข้างรุนแรง มีผลประโยชน์ การคอรัปชั่น ทั้งองค์กร แต่เจ้าของปล่อย เน้นแมวดำ แมวขาวไม่สนขอให้จับหนูได้ก็พอ
น้องชายอยู่มา 5 ปีกว่าแล้ว แต่เห็นสภาพแย่ลงทุกวัน แต่ปีที่ผ่านมาบริษัท ส่งงานใหญ่ระดับร้อยล้าน พันล้าน 3 งาน กำลังโดยค่าปรับ
และฟ้องร้องกับรัฐ และเอกชนขนาดใหญ่ ลองคำนวณดูว่าค่าใช้จ่ายเงินเดือนทั่วไปตามงบการเงินเดือนละเกือบ 40 ล้าน แตกำไรแต่ละปีบางที
20-30 ล้าน นอกเสียจากได้Project ใหญ่ที กำไรเป็นร้อยล้าน แต่เท่าที่ดู 5 ปีจะได้ครั้ง ดีแต่ว่าเจ้าของเป็นเศรษฐีพันล้าน บริษัทนี้เปิดมา 15 ปีแล้วครับ
อยากให้ช่วยวิเคราะห์ว่าปัญหามันมีทางแก้ไขได้ไหม หรือจะเป็นการเริ่มปรับตัวของธุรกิจ
ตอนนี้ทางทางเลือกบริษัทใหม่ไม่รู้ว่าเป็นไง แต่ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเท่าตัว จะทนไปก่อนรอเศรษฐกิจดี หรือออกไปดีครับ
ใครมีประสบการณ์วิเคราะห์สถานการณ์บริษัทนี้ รอดไหมครับ เลวร้ายหรือยัง
1. แบ่งฝ่ายขายออกเป็น 3 ทีม ไม่แยกลูกค้า เซลล์แต่ละทีมใครดีใครได้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา
2. ทีม Product ของบริษัทก็มี Sale อยู่ในทีมตัวเองด้วย ดังนั้นทีมขายขออะไร ก็ไม่สนับสนุน หรือให้ราคาสูง แต่เวลาขายเองขายถูก
3. มีนโยบายไม่ให้คู่มือการขาย Catalog โบร์ชัวร์ File Presentation กับ Sale โดยให้นัดทีม Product ไปคุยเท่านั้น อ้างรักษาความลับ
4. เวลา Sale เข้าไปขายถ้า Project ค่อนข้างใหญ่ สุดท้ายก็จะโยนให้ฝ่าย Product เป็นคนขายเอง
5. ต้นทุนของโครงการฝ่าย Product จะส่งให้ผู้อำนวยการโดยตรง ทำให้ฝ่ายขายไม่เห็นต้นทุน Sale ไม่รู้ว่าตนขายเท่าไหร่ มีกำไรเท่าไหร่
6. รับ Sale เงินเดือนต่ำ (ไม่เกิน 20,000) ค่าคอมไม่ระบุชัดเจน แต่รับพนักงานฝ่ายProduct หรือ Programmer เงินเดือนเหยียบแสน
Sale เหมือนพลเมืองชั้น3 โดนโขกสับจากทุกแผนก จึงมี Turnover สูงมาก (เซลล์ 5 คน เปลี่ยนหน้าเกือบ 40 คนใน 5 ปี)
และจำนวนพนักงาน 300 คน เป็น Programmer Technical ประมาณ 75% มีฝ่ายขายแค่ 3%
7. อำนาจตัดสินใจอยู่ที่เจ้าของคนเดียว และจะฟังหัวหน้าทีมProductเป็นหลัก
8. เห่อทำ Product ใหม่ๆเป็นพักๆเปลี่ยนไปเรื่อย ทำให้ขาดความชำนาญเฉพาะทาง และชอบทำสิ่งที่บริษัทไม่ถนัด
9. ไม่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับ Supplier รายใดทั้งสิ้น ไม่รวมโปรแกรมใดๆ ตอนยื่นประมูลเปลี่ยน Supplier กลางคันบ่อยๆ
10. ลุกค้าเก่าไม่ค่อยดูแล ไม่เน้น มุ่งเน้นขายโครงการใหม่ๆมากกว่า มีปัญหากับลูกค้าก็เน้นฟ้องร้องทางกฏหมาย
11. ยอดขายไม่แน่นอนบางปีก็ได้ 1,000 กว่าล้าน, บางปี 100 กว่าล้าน แล้วแต่ว่าจะได้โครงการใหญ่ไหม
12. การเมืองภายในค่อนข้างรุนแรง มีผลประโยชน์ การคอรัปชั่น ทั้งองค์กร แต่เจ้าของปล่อย เน้นแมวดำ แมวขาวไม่สนขอให้จับหนูได้ก็พอ
น้องชายอยู่มา 5 ปีกว่าแล้ว แต่เห็นสภาพแย่ลงทุกวัน แต่ปีที่ผ่านมาบริษัท ส่งงานใหญ่ระดับร้อยล้าน พันล้าน 3 งาน กำลังโดยค่าปรับ
และฟ้องร้องกับรัฐ และเอกชนขนาดใหญ่ ลองคำนวณดูว่าค่าใช้จ่ายเงินเดือนทั่วไปตามงบการเงินเดือนละเกือบ 40 ล้าน แตกำไรแต่ละปีบางที
20-30 ล้าน นอกเสียจากได้Project ใหญ่ที กำไรเป็นร้อยล้าน แต่เท่าที่ดู 5 ปีจะได้ครั้ง ดีแต่ว่าเจ้าของเป็นเศรษฐีพันล้าน บริษัทนี้เปิดมา 15 ปีแล้วครับ
อยากให้ช่วยวิเคราะห์ว่าปัญหามันมีทางแก้ไขได้ไหม หรือจะเป็นการเริ่มปรับตัวของธุรกิจ
ตอนนี้ทางทางเลือกบริษัทใหม่ไม่รู้ว่าเป็นไง แต่ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเท่าตัว จะทนไปก่อนรอเศรษฐกิจดี หรือออกไปดีครับ