สู้กว่า7ปี! ป.ป.ช.สั่ง"กรมที่ดิน"ถอนเอกสารสิทธิโรงงานถลุงเหล็กเครือสหวิริยาคืนป่าพรุประจวบฯ
สู้กว่า7ปี! ป.ป.ช.สั่ง"กรมที่ดิน"ถอนเอกสารสิทธิโรงงานถลุงเหล็กเครือสหวิริยา คืนป่าพรุให้ชาวประจวบคีรีขันธ์ คดีกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ฟ้อง รัฐออกเอกสารสิทธิไม่ชอบ 200 ไร่
วันนี้(3 ก.พ. 58) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการออกเอกสารสิทธิ น.ส3 และน.ส.3ก. จำนวน 11 แปลง เนื้อที่ 200 ไร่ ในการสร้างโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิริยา จำกัด บริเวณป่าพรุน้ำเค็มป่าคลองแม่รำพึง ต. แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่แก้มลิงแห่งสุดท้ายใน อ.บางสะพาน ไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย
ทั้งนี้ยังมีมติให้ส่งเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณาในการดำเนินการถอนเอกสารสิทธิดังกล่าวตามข้อตกลงหรือเอ็มโอยูที่ทำร่วมกับกรมที่ดินไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งให้ประสานกับงานกรมป่าไม้และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่รำพึง เพื่อดำเนินการกับที่ดินและผู้บุกรุกที่ดินของรัฐตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
เลขาฯป.ป.ช. กล่าวต่อว่า ขณะที่การดำเนินการทางอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารโดยมิชอบนั้น บางคนพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเกิน 10 ปี ก่อนที่จะมีผู้ร้องมายัง ป.ป.ช. และบางคนถึงแก่ความตาย คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่มีอำนาจพิจารณาดำเนินการในส่วนของคดีอาญาต่อไปได้
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสำนวนคดีดังกล่าว ป.ป.ช. ได้พิจารณาตามที่กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ได้ร้องเรียนว่าการสร้างโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิทยาฯ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณป่าพรุที่เป็นแหล่งทำมาหากินของประชาชนในพื้นที่ ในช่วงที่รัฐธรรมนูญปี2550 ประกาศใช้
โดย ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยการลงพื้นที่ และให้ผู้เชี่ยวชาญของศาลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศรวมไปถึงผลการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ อาทิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
และพบว่า ป่าพรุดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าพรุที่มีคุณค่าทางระบบนิเวศ เป็นแหล่งที่มีสัตว์อาศัยอยู่หลายชนิด บางชนิดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ อีกทั้งเป็นที่ดินที่ไม่มีสภาพการทำประโยชน์มาก่อน จึงเป็นที่ดินที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ จำนวน 11 แปลง จากทั้งหมด 22 แปลง
ขณะที่ช่วงนั้น นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรักษาการรมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อ่าน "แกะปมขัดแย้งโรงถลุงเหล็กสหวิริยา บทพิสูจน์น้ำยาสิทธิชุมชนตามรธน.50"
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000011029 
ข่าวแบบนี้ยังมาซ้ำเติม SSI ตอนที่ราคาทำจุดต่ำสุดเรื่อยๆอีก
สู้กว่า7ปี! ป.ป.ช.สั่ง"กรมที่ดิน"ถอนเอกสารสิทธิโรงงานถลุงเหล็กเครือสหวิริยา คืนป่าพรุให้ชาวประจวบคีรีขันธ์ คดีกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ฟ้อง รัฐออกเอกสารสิทธิไม่ชอบ 200 ไร่
วันนี้(3 ก.พ. 58) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการออกเอกสารสิทธิ น.ส3 และน.ส.3ก. จำนวน 11 แปลง เนื้อที่ 200 ไร่ ในการสร้างโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิริยา จำกัด บริเวณป่าพรุน้ำเค็มป่าคลองแม่รำพึง ต. แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่แก้มลิงแห่งสุดท้ายใน อ.บางสะพาน ไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย
ทั้งนี้ยังมีมติให้ส่งเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณาในการดำเนินการถอนเอกสารสิทธิดังกล่าวตามข้อตกลงหรือเอ็มโอยูที่ทำร่วมกับกรมที่ดินไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งให้ประสานกับงานกรมป่าไม้และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่รำพึง เพื่อดำเนินการกับที่ดินและผู้บุกรุกที่ดินของรัฐตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
เลขาฯป.ป.ช. กล่าวต่อว่า ขณะที่การดำเนินการทางอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารโดยมิชอบนั้น บางคนพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเกิน 10 ปี ก่อนที่จะมีผู้ร้องมายัง ป.ป.ช. และบางคนถึงแก่ความตาย คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่มีอำนาจพิจารณาดำเนินการในส่วนของคดีอาญาต่อไปได้
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสำนวนคดีดังกล่าว ป.ป.ช. ได้พิจารณาตามที่กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ได้ร้องเรียนว่าการสร้างโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทเครือสหวิทยาฯ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณป่าพรุที่เป็นแหล่งทำมาหากินของประชาชนในพื้นที่ ในช่วงที่รัฐธรรมนูญปี2550 ประกาศใช้
โดย ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยการลงพื้นที่ และให้ผู้เชี่ยวชาญของศาลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศรวมไปถึงผลการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ อาทิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
และพบว่า ป่าพรุดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าพรุที่มีคุณค่าทางระบบนิเวศ เป็นแหล่งที่มีสัตว์อาศัยอยู่หลายชนิด บางชนิดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ อีกทั้งเป็นที่ดินที่ไม่มีสภาพการทำประโยชน์มาก่อน จึงเป็นที่ดินที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ จำนวน 11 แปลง จากทั้งหมด 22 แปลง
ขณะที่ช่วงนั้น นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรักษาการรมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อ่าน "แกะปมขัดแย้งโรงถลุงเหล็กสหวิริยา บทพิสูจน์น้ำยาสิทธิชุมชนตามรธน.50"
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000011029