ปรัชญา การทำงานของ Warren Buffet

นักปราชญ์บอกพวกเราไว้ว่า  ให้ทำอะไรก็ได้ที่เรามีใจรัก  แล้วความสำเร็จจะติดตามมา  ชีวิตของวอร์เรน บัฟเฟทท์ เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าคำกล่าวนั้นเป็นความจริง  

" ทำงานเพื่อสนุกกับมัน "
วอร์เรน บัฟเฟทท์ได้ทำบันทึกเมื่อครั้งเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียว่า

      "วอลล์  สตรีท (ในปี 1951) ไม่ได้เป็นที่ทำงานที่น่าตื่นเต้นอะไรเลย ดัชนีดาวโจนส์อยู่ที่ 200 จุด และตลาดในช่วงปี 1945 ถึง 1949 ก็แทบจะตกขอบทาง  มันขึ้นถึงจุดสูงสุดที่ 190 และต่ำสุดที่ 160 หลังจากนั้นจึงเริ่มขยับตัวสูงขึ้น  โดยในปี 1950 นั้นนับเป็นปีแรกที่ดัชนีดาวโจนส์ไม่เคยต่ำกว่า 200 จุดเลย ในปี 1929 มันเคยอยู่ที่ 381 แต่ในช่วงระหว่างปีนั้นเองมันตกลงมาต่ำกว่า 200 จุด  ทำให้ผู้คนเริ่มไม่แน่ใจในยุดหลังสงคราม  และต่างคิดไปว่าพวกเราจะตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่นี่ (วอลล์ สตรีท) จึงไม่ใช่ที่ทำงานซึ่งจะทำเงินได้มากๆ ...  มันช่างเป็นโลกที่แตกต่างจากสมัยนี้จริงๆ "

บัพเฟทท์ กล่าวว่าการทำงานกับคนที่คุณไม่ชอบนั้นเหมือนกับ "การแต่งงานเพื่อเงิน"

"ผมคิดว่ามันเป็นการใช้ชีวิตแบบไร้สติ  เป็นความคิดที่แย่มากทีเดียวไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ และคงเป็นความบ้าอย่างมหันต์ทีเดียวหากคุณเป็นคนรวยอยู่แล้ว  "

"ผมเป็นคนที่สมจริงสมจัง  ผมรู้อยู่ตลอดเวลาว่าผมชอบในสิ่งที่ผมทำอยู่ โอ้!! บางทีมันคงจะดีนะ  ถ้าผมได้เป็นนักเบสบอลในเมเจอร์ลีก  แต่มันก็ต้องสมจริงสมจังนะ"

"มันไม่ใช่เพราะผมต้องการเงิน  แต่มันเป็นความสนุกสนานในการได้ทำเงิน  และเฝ้าดูมันเพิ่มพูนขึ้น"

"ผมเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก  หากนับกันในแง่ของการทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพนะ  ไม่มีใครสามารถบอกให้ผมทำอะไรที่ผมไม่เชื่อ  หรือทำเรื่องที่ผมคิดว่าโง่เขลาได้"

บ่อยครั้งที่มีคนบอกบัฟเฟทท์ว่าเขาควรเล่นการเมือง
และได้รับคำตอบว่า "ผมคงจะไม่แลกงานของผมกับงานอื่น  ซึ่งหมายถึงงานการเมืองด้วย"

บัฟเฟทท์เปรียบเทียบเบอร์กไซร์ ฮาธาเวย์  ว่าเป็น "ผ้าใบวาดรูปของผม"

"ผมมีผ้าใบว่างเปล่าอยู่ผืนหนึ่ง  และมีสีอยู่มากมายซึ่งผมจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ  ตอนนี้มีเงินมากกว่าเดิม และทุกอย่างมีขนาดใหญ่โตขึ้น แต่ผมยังคงมีความสนุกสนานกับมันเช่นเมื่อสมัยก่อน  ตอนที่มันยังมีขนาดเล็กกว่านี้"

"ผมชอบที่ได้หาเงิน  มากกว่าเงินรายได้ที่ได้รับ  ถึงแม้ว่าผมได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเงินของผมด้วย"

    คุณตาของบัฟเฟทท์เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ และวอร์เรนสามารถทำรายได้ในระยะเริ่มแรกจากการเป็นผู้จัดส่งหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตัน โพสท์ และเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เดอะลินคอล์น เจอร์นัล ด้วยเหตุนี้หนังสือพิมพจึงอยู่ในสายเลือดของเขา

       " เราต้องยอมรับว่า หนังสือพิมพ์เป็นธุรกิจที่น่าสนใจเป็นบ้าเลย   มันน่าสนใจกว่าธุรกิจอื่นๆ  อย่างเช่นการผลิตตู้รถไฟ  เพราะถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ลงไปยุ่งเกี่ยวกับงานบรรณาธิการในกิจการหนังสือพิมพ์ของผม  แต่ผมก็ชอบจริงๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในสถาบันที่ช่วยกำหนดความเป็นไปของสังคม"
"ผมเดาว่าหาก เทดวิลเลียมส์ ซึ่งเป็นนักเบสบอลที่ได้รับเงินเดือนมากสุด  เมื่อเขาตีลูกได้เพียง .220 เขาคงจะไม่มีความสุข  แต่หากเขาได้รับเงินเดือนน้อยที่สุดในบรรดานักเบสบอล  แต่ตีได้ถึง .400  เขาคงจะมีความสุขมากซึ่งนั่นเป็นความรู้สึกของผมต่องานที่ผมทำ  เงินเป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำสิ่งที่ผมชอบและทำมันอย่างดีเยี่ยม"

"ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังเต้นจังหวะแท็ปอยู่ตลอดเวลา"

นี่เป็นตัวอย่างการทำงานของบุคคลซึ่งถือเป็นนักลงทุนระดับโลกคับ


ที่มา http://goo.gl/Mrbf7I

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่