บางครั้งชีวิตคู่ อาจจะไม่ได้สวยงาม มีความสุขเหมือนที่เราฝัน หรือหวังเอาไว้
เรากับสามี เป็นเพื่อนกันมา ต่อมาก็เป็นแฟนกัน ตกลงใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จดทะเบียนกัน เพียงแค่ไม่ได้จัดงานแต่งงานเท่านั้น
จนวันนึงตัดสินใจอยากมีลูก จึงซื้อบ้านทาวน์โฮมหลังเล็ก ๆ ...ตอนไปดูบ้าน มีเจ้าตัวเล็กคนแรกอยู่ในท้องแล้ว
มันช่างมีความสุขมากมาย อยากวางโซฟาตรงนั้น อยากวางเตียงตรงนี้ อยากจัดส่วนเล็ก ๆ อย่างโน้นอย่างนี้
เราย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่กันโดยที่ยังไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย ไปอยู่บ้านโล่ง ๆ แม้กระทั่งม่านก็ยังไม่ได้ติด
...แต่ถึงแม้เป็นบ้านโล่ง ๆ ในตอนนั้น เราต่างก็มีความสุขกันมาก ตื่นเช้ามาวันหยุด รดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน
ตอนเย็นก็ขับรถไปกินอาหารนอกบ้านกัน ค่ำมาก็นอนดูละคร ..โอ้โห..การมีบ้านอยู่มันดีอย่างนี้เอง บ้านของเรา ...
จนเราใกล้คลอด แม่สามีใจดี จะมาเลี้ยงหลานให้ที่บ้าน.....แต่ดูเหมือนความสุข จะค่อย ๆ หายไป...
ต่างคน ต่างที่มา ต่างภาษา เมื่อต้องมาอยู่รวมกัน ต้องมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่เราต่างก็ปรับตัวเข้าหากัน
จังหวัดนั้นเลี้ยงมาแบบนี้ จังหวัดนี้เลี้ยงแบบนั้น แต่เราก็เข้าใจ เพราะสามีบอกว่า แม่สามีมีบุญคุณกับพวกเรามากนะ
อุตส่าห์มาช่วยเลี้ยงลูกเราให้ ทั้ง ๆ ที่แม่ควรจะนั่ง ๆ นอน อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ไม่ต้องมาเหนื่อยเลี้ยงหลานแบบนี้
เราผิดเอง ที่ไม่ได้จัดงานแต่งงาน แม่ของเราเองเลยไม่ค่อยปลื้ม เลยไม่ยอมมาเลี้ยงหลานให้
..หลังจากแม่สามีมา ...พ่อสามี ก็มาอยู่ด้วย พ่อสามีทำงานรับเหมาที่ต้องไปตามจังหวัดต่าง ๆ พ่อกับแม่เค้าก่อนหน้านี้
แทบไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย เพราะพ่อทำงานต่างจังหวะตลอด นาน ๆ จะกลับบ้านไปหาแม่ แต่หลัง ๆ นี้
แม่สามีมาอยู่กรุงเทพบ้านเรา พ่อสามีก็เริ่มมารับเหมาในกรุงเทพ เมื่อก่อนก็มาเดือนละครั้งสองครั้ง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะประจำในแถบนี้แล้ว เพราะมาอยู่บ้านเราถาวรแล้ว ...สามีเรามีน้องสาว 1 คน ทำงานอยู่ ตจว.
จะมาบ้านเราประมาณวันหยุดสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ...และแน่นอน คนอยู่เยอะ ปัญหาก็เยอะ ความไม่เข้าใจก็เยอะ
แต่เราก็ปลอบใจตัวเองเสมอ แม่เค้าคงไม่ได้อยู่กับพวกเราตลอดไป วันนึงลูกเข้าโรงเรียน แม่ก็คงกลับไปอยู่บ้าน
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น เราท้องลูกคนที่ 2 ลูก ๆ น่ารักกันมาก ในชีวิตนี้ สิ่งที่เรารักและห่วงใย
มากที่สุดแล้วคือลูก ๆ ทั้งสอง ไม่ว่าปัญหาต่าง ๆ จะรุมเร้าเข้ามา แต่พอเราหันไปหาลูก ๆ เราจะลืมเรื่องเหล่านั้นชั่วคราว
ตอนนี้ลูกคนโตเราใกล้จะเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว คนเล็ก 1 ขวบกว่า ๆ กำลังน่ารักกันทั้งคู่...แต่ดูเหมือนความสุขมันขาด ๆ หาย ๆ
ยังไงไม่รู้ ...สามีเราเป็นคนรักพ่อแม่พี่น้องมาก ไม่ว่ามีเรื่องอะไรที่เราอยากให้เค้าช่วยบอกพ่อแม่ให้หน่อย
แต่เรื่องก็จะหยุดอยู่แค่ที่เค้า เค้าไม่ยอมเอาไปบอกต่อ บางครั้งพ่อและแม่สามี วางมีดไว้ในที่ที่ลูก ๆ จับได้
เราก็หยิบหนี แต่หลังจากนั้น เราก็ยังเห็นวางไว้ในที่ที่อันตรายต่อเด็กเหมือนเดิม เราก็วานสามีบอกให้ทีแม่จะได้ไม่วางอีก
แต่สามีก็ไม่กล้าบอก บางครั้งเรารู้สึกเหมือนว่าเค้าไม่ค่อยพอใจเวลาเราบอกนั่นบอกนี่ เราก็เข้าใจ
เราเป็นเด็ก จะสั่งโน่นสั่งนี้คงไม่ดี ความไม่เข้าใจกันต่าง ๆ สะสม แน่นอน วันนึงมันต้องระเบิด
มีอยู่วันนึง เราเดินลงไปข้างล่างตอน 3 ทุ่มกว่า ๆ เพราะลืมหยิบผ้าอ้อมลูกขึ้นมา ปกติพ่อแม่จะนอนกันข้างล่าง
(ซึ่งจริง ๆ มีห้องนอนมีเตียงนอนของพ่อและแม่อยู่อีกห้องอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ติดแอร์ให้ แต่ชั้นล่างมีแอร์ค่ะ)
ปกติเค้าก็จะนอนแยกกันคนละมุมห้อง หรือเราไม่ค่อยได้ลงชั้นล่างก็ไม่รู้ ...แต่วันนี้เราลงไป เราเห็นเค้านอนกอดกันกลม เราสตั๊นไป 3 วิ
ซึ่งโดยปกติแล้ว สามีเราไม่เคยจับมือเรา ไม่เคยกอดเรา ไม่เคยจูงมือเรา ไม่เคยนั่งใกล้ ๆ เรา ในที่ที่มีหลาย ๆ คนอยู่
หรือในที่ที่ไม่ใช่เราอยู่กัน 2 คน เราเคยถามว่าทำไม อายหรอ เพราะมาหน้าตาไม่สวยใช่มั้ย ...แต่สามีเราบอกว่า มันไม่ดี
นี่เมืองไทย เดี๋ยวคนอื่นเห็นมันไม่เหมาะ เราจึงไมีคิดว่าพ่อกับแม่จะมานอนกอดกันกลมแบบนี้ (ขออ้างอิงปมในใจเรานิดนึงคือ
พี่สาวเราแท้ ๆ อยู่กับสามี และแม่ของเราเอง แต่แม่เรามีสามีใหม่ แม่จะพาสามีใหม่มานอนข้างล่างเหมือนกัน นอนโอบกัน แหย่กัน
จนพี่สาวเราอึดอัด และบอกว่าไม่เคยกล้าเดินลงชั้นล่างเลย พี่เราอึดอัดมาก จะทำอะไรก็ไม่สะดวก ไม่กล้าลงมาข้างล่างเลย)
...สำหรับบ้านเรา เราไม่เคยคิดเลยว่าจะเห็นภาพนี้ เพราะพ่อกับแม่สามีก็อายุเกือบ ๆ 60 แล้ว และถ้าจะนอนกอดกัน น่าจะไปนอนในห้อง
เพราะบ้านเรามีเด็กเล็ก ๆ อยู่
เราจึงคุยกับสามี ว่าเราเห็นภาพนั้น เราขอได้มั้ย ขอให้พ่อกับแม่ขึ้นมานอนข้างบน ถ้าจะติดแอร์ จะกลายเป็นแอร์
ในบ้านจะเป็น 3 ตัว ค่าไฟจะเยอะเกินไป ตอนนี้ 2 ตัวก็ เกือบ ๆ 3000 ทุกเดือน ..เราเสนอให้ย้ายแอร์ชั้นล่างไปห้องพ่อกับแม่ได้
แต่สามีเรากลับย้อนว่า เราจะกังวลอะไร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าบ้านค่ารถ เราก็ไม่ได้จ่าย ....เราอึ้งเลย..(ปกติ ค่าของใช้ในบ้าน ค่าสินเชื่อ
ค่าเติมน้ำมันรูดบัตร รวมแล้วเกือบ 2 หมื่น เราจ่ายเองหมด ...เพียงแค่ ค่าบ้าน ค่างวดรถ ค่าน้ำค่าไฟ สามีเราเป็นคนไปจ่าย)
แต่เราไม่เคยคิดเลยว่า อ้าว..ใช้บัตรซื้อของเข้าบ้าน ใช้บัตรรูดน้ำมัน ซึ่งรูดใช้ด้วยกัน แต่พวกเค้ากลับมองเหมือนว่า ใครจ่ายอะไร
สิ่ง ๆ นั้นคือของคนที่จ่าย ที่เราไม่ได้รับหน้าที่จ่ายค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำไฟ เป็นเพราะเราแบ่งหน้าที่กัน เพราะที่ทำงานเราไม่สะดวกจ่าย
แต่เราสะดวกจ่ายค่าบัตรเพราะหักบัญชี และจ่ายผ่านอินเตอร์เน็ต ...ปรากฎว่าในระหว่างที่คุยกันอยู่ แม่สามีเปิดประตูเข้ามาทันที
(คงแอบฟังนานแล้ว) แม่สามีพูดแบบโมโหมากว่า อ๋อ..การที่มาเลี้ยงลูกให้เนี่ย มันเปลืองค่าน้ำไฟมากใช่มั้ย แล้วก็ บลา ๆๆๆ...
หลังจากนั้นแม่เค้าก็กลับห้องปิดประตู แล้วก็กรี้ด ๆๆ กรี้ดแบบในละคร ร้องเสียงดังโหยหวน มาก เช้ามาก็ไม่พูด เราก็ไม่พูด
เราไม่กล้าด้วย และอีกอย่างเราก็งง ว่านี่เราผิดใช่มั้ย
หลังจากวันนั้นก็ยังมีเรื่องอีกเมื่อวันก่อน แม่สามีนอนหลับ น้องสาวสามีนอนหลับกลางวันกันอยู่ เราทำงานบ้านอยู่
แต่ลูก ๆ ซน เดินไปเรียก ยาย ๆ (จริง ๆ เป็นย่า กับปู่ แต่แม่และพ่อสามีบอกว่าให้เรียก ตา กับ ยาย ด้วยเหตุผลว่ามีศักดิ์ใหญ่กว่า
เอิ่ม..เราก็ยอม ลูกเราเลยเรียกแบบนั้นมาตลอด) ลูกเราก็เรียกกวนไม่ยอมหยุด เราจึงพูดห้ามว่า "ไม่เอาลูก มาเล่นกันตรงนี้ เค้านอนกันอยู่"
...เชื่อมั๊ยคะ คำพูดเพียงแค่นี้ เพียงแค่นี้จริง ๆ กับคำว่า "ไม่เอาลูก มาเล่นกันตรงนี้ เค้านอนกันอยู่" แม่เค้าโกรธเรามาก
ลุกขึ้นมาทันที แล้วตะโกนว่า "เขาวัวหรือเขาควาย ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องมาพูด" เราอึ้งและงงมาก นี่เราพูดอะไรผิดไป
เราโทรหาพี่สาวเรา ว่าคำนี้เราพูดอะไรผิด พี่เราบอกไม่มีนี่นา ...เราเลยโทรไปถามสามีเรา ว่าเราพูดอะไรผิดไป
สามีเราบอกว่า "คำว่า เค้านอนกันอยู่" สำหรับภาษาภาคเค้าถือว่าหยาบมาก แปลว่ามัน หรือ คนอื่น ที่ไม่ใช่ญาติ
แม่เลยโกรธมาก พอดีพี่สาวเรามา แม่เลยมาขอคุยกับพี่สาวเรา บอกว่า "สั่งสอนน้องสาวซะบ้าง ไม่ใช่มัวแต่ส่งเสริมกัน
มาเลี่ยงหลานให้ ไม่มีอะไรดีเลยใช่มั้ย แค่เมียคนเดียว ฉันสั่งให้ลูกชายหาใหม่ได้นะ และหลานน่ะสั่งให้ลูกปั๊มใหม่เมื่อไรก็ได้"
พี่สาวเราเล่าว่า แม่สามีเราคุยกับพี่สาวเราหน้าบ้าน ร้องไห้ไปด้วย และตะโกนเสียงดังมาก จนข้าง ๆ บ้านเดินออกมาดูกันเยอะมาก
เราอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าเค้าจะพูดขนาดนี้ และพูดด้วยว่า "ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำไฟ พวกเค้าออกกันทั้งนั้น เราไม่เคยออกค่าอะไรเลยซักอย่าง"
สามีเราทำงานกึ่งราชการ แต่ไม่ได้บรรจุ เงินเดือนน้อย ไม่มีสวัสดิการอะไร จึงช่วยพ่อเค้าทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปด้วย
สามีเราก็ผิด ที่เวลาเงินไม่พอก็ไปเอาเงินพ่อเงินแม่มาใช้ เค้าจึงพูดแบบนี้ เราเคยบอกนะ ให้สามีหางานใหม่เถอะ ถ้าหางานใหม่ได้
ใช้อย่างประหยัด เราก็พอกินพอใช้กัน แต่เค้าไม่ยอมออกจากงาน ไม่ยอมหางานใหม่ เงินเดือนยังน้อยกว่าเด็กจบใหม่เลย
เราเหนื่อยเหลือเกิน...แต่เราไม่รู้จะทำยังไง ถ้าเลิกกัน เราคงต้องกระเตงลูกเป็นฝ่ายย้ายออกไปเอง
เค้าคิดกันว่าบ้านเป็นของพวกเค้า ชีวิตคู่ ไม่ได้มีความสุขเหมือนที่เราหวังไว้เลย นอกจากลูก ๆ ของเราที่รออยู่ที่บ้านแล้ว
เราไม่อยากกลับบ้านเลย ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน สามีเราเป็นฝ่ายขอเลิกตลอด แต่ไม่ยอมย้ายออก เราไม่มีที่อยู่อื่น นอกจากบ้านพี่สาว
แต่บ้านนั้นคนเต็มแล้ว เราถามสามีเรา ว่าจะมีวันที่เราได้อยู่กันตามลำพังพ่อแม่ลูก ๆ มั้ย จะมีวันนั้นมั้ย ...สามีเราบอกว่า
เค้าคงต้องดูแลพ่อแม่ตลอดไป จะทิ้งได้ยังไง ...เราคงต้องทน ทน เราเหนื่อย ท้อ เหลือเกิน
***ขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอบคุณที่รับฟังเรื่องราว เราเพียงแค่อยากระบาย ขอบคุณค่ะ***
ขอบคุณเทวดาและนางฟ้าตัวน้อย ๆ ของแม่ ...แม่เหนื่อยตอนไหนแค่มองหน้าลูก แม่ก็ยิ้มได้แล้ว ..แม่รักลูก ๆ จ้ะ
เหนื่อยเหลือเกินแล้วกับชีวิตคู่ (ที่ไม่ได้มีแค่เรา)
เรากับสามี เป็นเพื่อนกันมา ต่อมาก็เป็นแฟนกัน ตกลงใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จดทะเบียนกัน เพียงแค่ไม่ได้จัดงานแต่งงานเท่านั้น
จนวันนึงตัดสินใจอยากมีลูก จึงซื้อบ้านทาวน์โฮมหลังเล็ก ๆ ...ตอนไปดูบ้าน มีเจ้าตัวเล็กคนแรกอยู่ในท้องแล้ว
มันช่างมีความสุขมากมาย อยากวางโซฟาตรงนั้น อยากวางเตียงตรงนี้ อยากจัดส่วนเล็ก ๆ อย่างโน้นอย่างนี้
เราย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่กันโดยที่ยังไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย ไปอยู่บ้านโล่ง ๆ แม้กระทั่งม่านก็ยังไม่ได้ติด
...แต่ถึงแม้เป็นบ้านโล่ง ๆ ในตอนนั้น เราต่างก็มีความสุขกันมาก ตื่นเช้ามาวันหยุด รดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน
ตอนเย็นก็ขับรถไปกินอาหารนอกบ้านกัน ค่ำมาก็นอนดูละคร ..โอ้โห..การมีบ้านอยู่มันดีอย่างนี้เอง บ้านของเรา ...
จนเราใกล้คลอด แม่สามีใจดี จะมาเลี้ยงหลานให้ที่บ้าน.....แต่ดูเหมือนความสุข จะค่อย ๆ หายไป...
ต่างคน ต่างที่มา ต่างภาษา เมื่อต้องมาอยู่รวมกัน ต้องมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่เราต่างก็ปรับตัวเข้าหากัน
จังหวัดนั้นเลี้ยงมาแบบนี้ จังหวัดนี้เลี้ยงแบบนั้น แต่เราก็เข้าใจ เพราะสามีบอกว่า แม่สามีมีบุญคุณกับพวกเรามากนะ
อุตส่าห์มาช่วยเลี้ยงลูกเราให้ ทั้ง ๆ ที่แม่ควรจะนั่ง ๆ นอน อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ไม่ต้องมาเหนื่อยเลี้ยงหลานแบบนี้
เราผิดเอง ที่ไม่ได้จัดงานแต่งงาน แม่ของเราเองเลยไม่ค่อยปลื้ม เลยไม่ยอมมาเลี้ยงหลานให้
..หลังจากแม่สามีมา ...พ่อสามี ก็มาอยู่ด้วย พ่อสามีทำงานรับเหมาที่ต้องไปตามจังหวัดต่าง ๆ พ่อกับแม่เค้าก่อนหน้านี้
แทบไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย เพราะพ่อทำงานต่างจังหวะตลอด นาน ๆ จะกลับบ้านไปหาแม่ แต่หลัง ๆ นี้
แม่สามีมาอยู่กรุงเทพบ้านเรา พ่อสามีก็เริ่มมารับเหมาในกรุงเทพ เมื่อก่อนก็มาเดือนละครั้งสองครั้ง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะประจำในแถบนี้แล้ว เพราะมาอยู่บ้านเราถาวรแล้ว ...สามีเรามีน้องสาว 1 คน ทำงานอยู่ ตจว.
จะมาบ้านเราประมาณวันหยุดสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ...และแน่นอน คนอยู่เยอะ ปัญหาก็เยอะ ความไม่เข้าใจก็เยอะ
แต่เราก็ปลอบใจตัวเองเสมอ แม่เค้าคงไม่ได้อยู่กับพวกเราตลอดไป วันนึงลูกเข้าโรงเรียน แม่ก็คงกลับไปอยู่บ้าน
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น เราท้องลูกคนที่ 2 ลูก ๆ น่ารักกันมาก ในชีวิตนี้ สิ่งที่เรารักและห่วงใย
มากที่สุดแล้วคือลูก ๆ ทั้งสอง ไม่ว่าปัญหาต่าง ๆ จะรุมเร้าเข้ามา แต่พอเราหันไปหาลูก ๆ เราจะลืมเรื่องเหล่านั้นชั่วคราว
ตอนนี้ลูกคนโตเราใกล้จะเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว คนเล็ก 1 ขวบกว่า ๆ กำลังน่ารักกันทั้งคู่...แต่ดูเหมือนความสุขมันขาด ๆ หาย ๆ
ยังไงไม่รู้ ...สามีเราเป็นคนรักพ่อแม่พี่น้องมาก ไม่ว่ามีเรื่องอะไรที่เราอยากให้เค้าช่วยบอกพ่อแม่ให้หน่อย
แต่เรื่องก็จะหยุดอยู่แค่ที่เค้า เค้าไม่ยอมเอาไปบอกต่อ บางครั้งพ่อและแม่สามี วางมีดไว้ในที่ที่ลูก ๆ จับได้
เราก็หยิบหนี แต่หลังจากนั้น เราก็ยังเห็นวางไว้ในที่ที่อันตรายต่อเด็กเหมือนเดิม เราก็วานสามีบอกให้ทีแม่จะได้ไม่วางอีก
แต่สามีก็ไม่กล้าบอก บางครั้งเรารู้สึกเหมือนว่าเค้าไม่ค่อยพอใจเวลาเราบอกนั่นบอกนี่ เราก็เข้าใจ
เราเป็นเด็ก จะสั่งโน่นสั่งนี้คงไม่ดี ความไม่เข้าใจกันต่าง ๆ สะสม แน่นอน วันนึงมันต้องระเบิด
มีอยู่วันนึง เราเดินลงไปข้างล่างตอน 3 ทุ่มกว่า ๆ เพราะลืมหยิบผ้าอ้อมลูกขึ้นมา ปกติพ่อแม่จะนอนกันข้างล่าง
(ซึ่งจริง ๆ มีห้องนอนมีเตียงนอนของพ่อและแม่อยู่อีกห้องอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ติดแอร์ให้ แต่ชั้นล่างมีแอร์ค่ะ)
ปกติเค้าก็จะนอนแยกกันคนละมุมห้อง หรือเราไม่ค่อยได้ลงชั้นล่างก็ไม่รู้ ...แต่วันนี้เราลงไป เราเห็นเค้านอนกอดกันกลม เราสตั๊นไป 3 วิ
ซึ่งโดยปกติแล้ว สามีเราไม่เคยจับมือเรา ไม่เคยกอดเรา ไม่เคยจูงมือเรา ไม่เคยนั่งใกล้ ๆ เรา ในที่ที่มีหลาย ๆ คนอยู่
หรือในที่ที่ไม่ใช่เราอยู่กัน 2 คน เราเคยถามว่าทำไม อายหรอ เพราะมาหน้าตาไม่สวยใช่มั้ย ...แต่สามีเราบอกว่า มันไม่ดี
นี่เมืองไทย เดี๋ยวคนอื่นเห็นมันไม่เหมาะ เราจึงไมีคิดว่าพ่อกับแม่จะมานอนกอดกันกลมแบบนี้ (ขออ้างอิงปมในใจเรานิดนึงคือ
พี่สาวเราแท้ ๆ อยู่กับสามี และแม่ของเราเอง แต่แม่เรามีสามีใหม่ แม่จะพาสามีใหม่มานอนข้างล่างเหมือนกัน นอนโอบกัน แหย่กัน
จนพี่สาวเราอึดอัด และบอกว่าไม่เคยกล้าเดินลงชั้นล่างเลย พี่เราอึดอัดมาก จะทำอะไรก็ไม่สะดวก ไม่กล้าลงมาข้างล่างเลย)
...สำหรับบ้านเรา เราไม่เคยคิดเลยว่าจะเห็นภาพนี้ เพราะพ่อกับแม่สามีก็อายุเกือบ ๆ 60 แล้ว และถ้าจะนอนกอดกัน น่าจะไปนอนในห้อง
เพราะบ้านเรามีเด็กเล็ก ๆ อยู่
เราจึงคุยกับสามี ว่าเราเห็นภาพนั้น เราขอได้มั้ย ขอให้พ่อกับแม่ขึ้นมานอนข้างบน ถ้าจะติดแอร์ จะกลายเป็นแอร์
ในบ้านจะเป็น 3 ตัว ค่าไฟจะเยอะเกินไป ตอนนี้ 2 ตัวก็ เกือบ ๆ 3000 ทุกเดือน ..เราเสนอให้ย้ายแอร์ชั้นล่างไปห้องพ่อกับแม่ได้
แต่สามีเรากลับย้อนว่า เราจะกังวลอะไร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าบ้านค่ารถ เราก็ไม่ได้จ่าย ....เราอึ้งเลย..(ปกติ ค่าของใช้ในบ้าน ค่าสินเชื่อ
ค่าเติมน้ำมันรูดบัตร รวมแล้วเกือบ 2 หมื่น เราจ่ายเองหมด ...เพียงแค่ ค่าบ้าน ค่างวดรถ ค่าน้ำค่าไฟ สามีเราเป็นคนไปจ่าย)
แต่เราไม่เคยคิดเลยว่า อ้าว..ใช้บัตรซื้อของเข้าบ้าน ใช้บัตรรูดน้ำมัน ซึ่งรูดใช้ด้วยกัน แต่พวกเค้ากลับมองเหมือนว่า ใครจ่ายอะไร
สิ่ง ๆ นั้นคือของคนที่จ่าย ที่เราไม่ได้รับหน้าที่จ่ายค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำไฟ เป็นเพราะเราแบ่งหน้าที่กัน เพราะที่ทำงานเราไม่สะดวกจ่าย
แต่เราสะดวกจ่ายค่าบัตรเพราะหักบัญชี และจ่ายผ่านอินเตอร์เน็ต ...ปรากฎว่าในระหว่างที่คุยกันอยู่ แม่สามีเปิดประตูเข้ามาทันที
(คงแอบฟังนานแล้ว) แม่สามีพูดแบบโมโหมากว่า อ๋อ..การที่มาเลี้ยงลูกให้เนี่ย มันเปลืองค่าน้ำไฟมากใช่มั้ย แล้วก็ บลา ๆๆๆ...
หลังจากนั้นแม่เค้าก็กลับห้องปิดประตู แล้วก็กรี้ด ๆๆ กรี้ดแบบในละคร ร้องเสียงดังโหยหวน มาก เช้ามาก็ไม่พูด เราก็ไม่พูด
เราไม่กล้าด้วย และอีกอย่างเราก็งง ว่านี่เราผิดใช่มั้ย
หลังจากวันนั้นก็ยังมีเรื่องอีกเมื่อวันก่อน แม่สามีนอนหลับ น้องสาวสามีนอนหลับกลางวันกันอยู่ เราทำงานบ้านอยู่
แต่ลูก ๆ ซน เดินไปเรียก ยาย ๆ (จริง ๆ เป็นย่า กับปู่ แต่แม่และพ่อสามีบอกว่าให้เรียก ตา กับ ยาย ด้วยเหตุผลว่ามีศักดิ์ใหญ่กว่า
เอิ่ม..เราก็ยอม ลูกเราเลยเรียกแบบนั้นมาตลอด) ลูกเราก็เรียกกวนไม่ยอมหยุด เราจึงพูดห้ามว่า "ไม่เอาลูก มาเล่นกันตรงนี้ เค้านอนกันอยู่"
...เชื่อมั๊ยคะ คำพูดเพียงแค่นี้ เพียงแค่นี้จริง ๆ กับคำว่า "ไม่เอาลูก มาเล่นกันตรงนี้ เค้านอนกันอยู่" แม่เค้าโกรธเรามาก
ลุกขึ้นมาทันที แล้วตะโกนว่า "เขาวัวหรือเขาควาย ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องมาพูด" เราอึ้งและงงมาก นี่เราพูดอะไรผิดไป
เราโทรหาพี่สาวเรา ว่าคำนี้เราพูดอะไรผิด พี่เราบอกไม่มีนี่นา ...เราเลยโทรไปถามสามีเรา ว่าเราพูดอะไรผิดไป
สามีเราบอกว่า "คำว่า เค้านอนกันอยู่" สำหรับภาษาภาคเค้าถือว่าหยาบมาก แปลว่ามัน หรือ คนอื่น ที่ไม่ใช่ญาติ
แม่เลยโกรธมาก พอดีพี่สาวเรามา แม่เลยมาขอคุยกับพี่สาวเรา บอกว่า "สั่งสอนน้องสาวซะบ้าง ไม่ใช่มัวแต่ส่งเสริมกัน
มาเลี่ยงหลานให้ ไม่มีอะไรดีเลยใช่มั้ย แค่เมียคนเดียว ฉันสั่งให้ลูกชายหาใหม่ได้นะ และหลานน่ะสั่งให้ลูกปั๊มใหม่เมื่อไรก็ได้"
พี่สาวเราเล่าว่า แม่สามีเราคุยกับพี่สาวเราหน้าบ้าน ร้องไห้ไปด้วย และตะโกนเสียงดังมาก จนข้าง ๆ บ้านเดินออกมาดูกันเยอะมาก
เราอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าเค้าจะพูดขนาดนี้ และพูดด้วยว่า "ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำไฟ พวกเค้าออกกันทั้งนั้น เราไม่เคยออกค่าอะไรเลยซักอย่าง"
สามีเราทำงานกึ่งราชการ แต่ไม่ได้บรรจุ เงินเดือนน้อย ไม่มีสวัสดิการอะไร จึงช่วยพ่อเค้าทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปด้วย
สามีเราก็ผิด ที่เวลาเงินไม่พอก็ไปเอาเงินพ่อเงินแม่มาใช้ เค้าจึงพูดแบบนี้ เราเคยบอกนะ ให้สามีหางานใหม่เถอะ ถ้าหางานใหม่ได้
ใช้อย่างประหยัด เราก็พอกินพอใช้กัน แต่เค้าไม่ยอมออกจากงาน ไม่ยอมหางานใหม่ เงินเดือนยังน้อยกว่าเด็กจบใหม่เลย
เราเหนื่อยเหลือเกิน...แต่เราไม่รู้จะทำยังไง ถ้าเลิกกัน เราคงต้องกระเตงลูกเป็นฝ่ายย้ายออกไปเอง
เค้าคิดกันว่าบ้านเป็นของพวกเค้า ชีวิตคู่ ไม่ได้มีความสุขเหมือนที่เราหวังไว้เลย นอกจากลูก ๆ ของเราที่รออยู่ที่บ้านแล้ว
เราไม่อยากกลับบ้านเลย ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน สามีเราเป็นฝ่ายขอเลิกตลอด แต่ไม่ยอมย้ายออก เราไม่มีที่อยู่อื่น นอกจากบ้านพี่สาว
แต่บ้านนั้นคนเต็มแล้ว เราถามสามีเรา ว่าจะมีวันที่เราได้อยู่กันตามลำพังพ่อแม่ลูก ๆ มั้ย จะมีวันนั้นมั้ย ...สามีเราบอกว่า
เค้าคงต้องดูแลพ่อแม่ตลอดไป จะทิ้งได้ยังไง ...เราคงต้องทน ทน เราเหนื่อย ท้อ เหลือเกิน
***ขอบคุณที่อ่านจนจบ ขอบคุณที่รับฟังเรื่องราว เราเพียงแค่อยากระบาย ขอบคุณค่ะ***
ขอบคุณเทวดาและนางฟ้าตัวน้อย ๆ ของแม่ ...แม่เหนื่อยตอนไหนแค่มองหน้าลูก แม่ก็ยิ้มได้แล้ว ..แม่รักลูก ๆ จ้ะ