อุทาหรณ์ สำหรับคนเล่นกล้องไม่ดูตาม้าตาเรืออ

หลังจากที่ จขกท. ได้ตั้งกระทู้อ้อนแข้งไปเมื่อวันก่อน (ไม่โดนแข้งตบเกรียนกลับมาก็ดีแค่ไหนแล้ว ...อ้อ อย่าตามไปดูนะคะ ว่าจะลบละ) วันนี้เลยจะมาเล่าประสบการณ์ที่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ทำอะไรแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเลย เรื่องบางเรื่องที่คนอื่นเตือน อาจจะดูเป็นเรื่องที่ดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่ทุกคำเตือน เชื่อเถอะค่ะ ว่ามันมีความหวังดีเป็นที่ตั้ง

ช่วงปลายมกรา ปี 2556 หากใครจำได้ จะนึกออกว่าที่เชียงใหม่ช่วงนั้นมีการเปิดทัณฑสถานหญิงเก่าให้บุคคลภายนอกได้รับชม (ปัจจุบันมีแพลนว่าจะทำข่วงหลวงเวียงแก้ว ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง เพราะต่อให้ขับรถผ่านก็ไม่กล้ามอง) ตอนแรกก็ว่าเฉยๆอยู่ ไม่ได้อยากไปมากมาย จนกระทั่งมีรุ่นน้องชมรมคนหนึ่งไปถ่ายรูปบรรยากาศภายในแล้วเอามาให้ดู ...คือ เฮ้ยยยย ชอบว่ะ ภาพมันได้ฟีลดาร์คมาก  เอาละ เริ่มอยากไปละทีนี้
  ช่วงนั้น เป็นช่วงที่มีวันงดการเรียนการสอนพอดี ก็เลยตัดสินใจว่า ไปดูในวันที่เขางดการเรียนการสอนเนี่ยแหละ ชีวิตช่วงนี้กำลังขาลง ไปเที่ยวถ่ายรูป พ่วงไปทำบุญซักหน่อย ชีวิตจะได้ดีขึ้น (มโน) จัดการเตรียมกล้องคู่ใจไปให้พร้อมตั้งแต่กลางคืน  ตอนกลางวันขี่รถมา ถนนหนทางก็ดูเป็นใจให้เหลือเกิน โล่ง บิดจากมหาวิทยาลัย แป๊บเดียวก็ไปถึง  ณ วินาทีนั้นคือ อารมณ์ตากล้องมันมาเต็มที่อะ (หึหึ คึกไปให้พอเหอะลูก เดี๋ยวจะคึกไม่ออก)
   พอมาถึงที่ คือ คนเยอะมาก ขวักไขว่เหมือนฝูงมด เราก็อุ่นใจว่า บรรยากาศครึกครื้นแบบนึ้คงไม่เป็นไรหรอก รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ เดินไปถ่ายไป ตั้งแต่ประตูทางเข้าเลย พอเข้าไปได้หน่อยก็เห็นคนมุงกันอยู่เยอะแยะ  ด้วยความเป็นคนสอดรู้ เอ้ย ใฝ่รู้ ก็เลยชะโงกหน้าเข้าไปแจมซะหน่อย  ...ที่กลางวง จะมีคุณลุงคนหนึ่งนั่งอยู่เป็นจุดสนใจของวงนั้น พยายามเพ่งสายตาที่สั้นพอๆกับขนหน้าแข้งเข้าไปอีกนิด ก็เห็นว่าไม่ได้มีการแจกไพ่ใบ้หวยแต่อย่างใด ขยับเข้าไปอีกนิด ก็ลยได้เห็นว่า ลุงคนนั้นกำลังเล่าอะไรซักอย่างอยู่
  ฉันพยายามเอาลำตัวอันน้อยนิดกว่าช้างเบียดเข้าไปในวง  ขยับอยู่สักพักก็  อาาาา... สำเร็จซะที  ฉันดีใจราวกับได้ชัยชนะอันใหญ่ยิ่งในกีฬาโอลิมปิก  ตั้งใจฟังในเรื่องที่ลุงกำลังเล่าอย่างใจจดใจจ่อ
  เนื้อความที่ได้ฟัง จำได้ลางๆ ฉันจำรายละเอียดได้ไม่มากนัก แต่พอจำได้ว่า คุณลุงเล่าเรื่องเกี่ยวกับอาถรรพ์กระสอบซับเลือดที่ลานประหาร  เปิดคลิปที่มีคนถ่ายไว้ซึ่งมีเสียงร้องโหยหวนที่ไม่น่าฟังคลอไปด้วย ฉันฟังไปสักพักก็เหลือบไปเห็นอาคารที่อยู่ด้านหลังฉัน มีคนเดินออกมาจากอาคารนั้นเป็นกลุ่มใหญ่จึงทำให้พื้นที่ในบริเวณอาคารนั้นโล่งพอสมควร  ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ฉันขออนุญาตคนที่อยู่ข้างหลังแล้วใช้ลำตัวอันเล็กน้อย(แต่ใหญ่เยอะ)เบียดออกมาอีกที (จริงๆถ้าตอนนั้นคพว่า "มนุษย์ป้า" ถูกบัญญัติแล้วนะ ฉันคงได้รับเกียรติให้ใช้คำนี้แน่ๆ)
  และแล้วฉันก็พบ ...นั่นไง สิ่งที่ฉันตามหา เห็นในรูปที่รุ่นน้องถ่ายแล้วรู้สึกว่าภาพมันได้ฟีลน่ากลัวมาก  ศาลเพียงตาเสาเดียว ทำด้วยไม้ สภาพบ่งบอกว่าศาลนี้ถูกตั้งมานานแล้ว สีน้ำตาลทึมๆของไม้ถูกตัดด้วยสีสดๆของผ้าแพรที่ผูกไว้ ดึงดูดให้ฉันรัวชัตเตอร์แบบไม่ยั้งมือ (ถ้าเรียกชื่อศาลไม่ถูกต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะจริงๆพยายามลืมเหตุการณ์นั้นแล้วด้วยซ้ำ)
  ฉันเดินวนไปรอบๆอาคารนั้น กล้องของฉันรัวชัตเตอร์อย่างสนุกสนาน จดหมายสั่งลาที่ถูกทิ้งเรี่ยราด รั้วลวดหนามที่กั้นไว้ข้างกำแพง หิ้งพระพุทธรูปเก่า รูปพระเยซูเจ้าที่ถูกแขวนไว้บนผนัง  ฉันมองทุกสิ่งเป็นศิลปะโดยที่ไม่ได้คาดถึงสิ่งที่จะตามมาเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่