เราเป็นสาวอวบขาวมากน่าตาดีใครเห็นต้องหันมามอง
รวมถึงแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้วด้วย หนูเรียนมหาลัยเอกชนย่านวิภาวดีตอนนั้นอยู่ปี2ทำงานเป็นพริตตี้รับงานทั่วไปแต่ไม่เคยรับงานกลางคืน
วันนึงฉันได้ถูกุ่นพี่คนนึวเรียกให้ไปทำพริตตี้งานเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งนึงย่านเกษตรนวมินทร์ เค้าบอกเป็นงานเลี้ยงรุ่นแค่ยืนต้อนรับเฉยยๆ วันนั้นเป็นวันที่1กันยายน2554 รุ่นพี่นัดเข้างาน 3 ทุ่ม เราก็ได้ไปถึงตรงเวลา พอไปเสร็จเห็นว่างานนี้แปลกๆแบบมีผู้หญิงใส่ชุดคอสเพลประมาณพยาบาล ยืนชงเหล้าเต้น และได้มีการดื่มกับพี่ๆที่มางานเลี้ยงรุ่น ฉันก็เข้าไปทำงานซึ่งแต่งตัวต่างจากผู้หญิงพวกนั้นมาคือใส่ชุดแซกเข้ารูปเรียบร้อยแบบดูดีไม่เหมือนพวกผู้หญิงพวกนั้น เจ้าของร้านก็มาเรียกให้หนูไปชงเหล้า เอ้าก็เอามาละจะกลับก็ไม่ได้หนูก้ไปชงเหล้าปกกติพอเริ่มดึก 5 ทุ่มพี่ๆเค้าก็เมาได้ที่เค้าให้เราไปเต้นไปดื่มชอต ซึ่งเราทำไมได้ สักพักก็มีสายตามองมาคือแฟนเก่าเราคนนี้ เค้าไปนั่งทานข้าวกับเพื่อนอีก 2 คน โต้ะข้างๆ เค้าก้ไห้เด็กเสริฟ เรียกเราไปถามชื่ออะไร ทำไมแต่งตัวไม่เหมือนพวกนั้น หนูก็ตอบอ่อค่ะหนูเข้าใจผิดนึกว่ามางานเลี้ยงรุ่นแค่ยืนต้อนรับหนูเลยไม่เหมือนพวก แฟนเก่าก็เลยให้นั่งรอโต๊ะเค้ากลายเป็นว่าเราก็ไม่ได้ทำงานนั่งเฉยๆ รุ่นพี่ที่จ้างมาเค้าก็ไม่กล้าพูดอะไร เค้าเป็นคนขี้อาย ที่เค้ากล้าจีบเราเพราะเพื่อนเค้าจีบให้ (แต่ต้องขอบคุณเค้าล่ะที่ทำให้เราได้เจอแฟนเก่าคนนี้) จากนั้นเค้าก็ขอไลน์เราไป แต่เราไม่ได้กลับๆเค้านะคะ กลับแทกซี่ รุ่งเช้าเค้าไปทำบุญก็ไลน์มาเราก็พอนึกออกว่าใครเราก็คุยๆกันประมาน1เดือนเลยตัดสินใจคบกัน หลังจากนั้นงานพริตตี้หนูก็ไม่ได้ทำอีกเลย คบกันมาได้ประมา 8 เดือน เรารักกันมาก เค้าเป็นผู้ใหญที่นิสัยดี ใจดี อายุห่างกันรอบนึง เรา19เค้า31 เรารักกันจนแบบคิดว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน คือเราชอบผู้ใหญ่อยู่แล้ว เราได้ไปดูแพคเกจกัน ณ วันนี้ซื้อมาแล้วแพคเกจแต่งงานเช้าถ่ายรูปเวดดิ้ง ณ ขณะนี้ใบนี้ยังอยู่แต่คนหายไป ต่อนะคะ... คบกันก็มีทะเลาะกันทะเลาะกันแรงๆเค้าก็ยอมเราแต่เหมือนเราเด็กคิดมากไปเองเอาแต่ใจเค้าทำงานเลิกงานจะรีบมาหามารับเราตลอด ไม่เคยไม่รีบมาซื้อของกินมาฝากพาไปเที่ยวตจว.ทุกเดือน เค้าทำงานดีจนวันนึงเค้าได้บอกเราว่าเค้าจะออกจากงานเค้าไม่ไหวกะที่ทำงานแล้วเงินเดือนเยอะจริงแต่ขับรถทั้งวัน ไปกะบอสทุกที่ +เรางี่เง่าด้วยเวลาไปกะบอสเกินเวลาทำงานห้าโมงครึ่งเราก็จะนอย โกรธทุกที่ที่ไม่ยอมมาหา แต่ถ้าไม่มีงานเค้าก็จะมาหาเราเร็วทุกครั้ง ส่วนมากคือจะมีไงเราเลยงี่เง่าบ่อย คบกันก็อยู่ในสายตาพ่อตลอด พ่อก็บอกเราว่าลดๆลงบ้างนะ เราก็พยายามแต่ทำได้เท่าที่ทำ ที่บ้านเราก็โทษว่าเรานี่ละเป็นต้นเหตุที่ทำให้เค้าต้องออกจากงาน งี่เง่า เรารู้สึกผิดมากเพราะเคยขอให้เค้าออกตั้งแต่เดือนมีนาคม ประมาณเดือนมิถุนายนเราก็ถามเค้าอีกจะไม่ออกละใช่ปะ เค้าก็บอกเค้ารอทำวีซ่าไปเมกาให้พ่อรอผ่านก่อน เราก็ไม่อะไรและสุดท้ายเค้าออกจากกงานจริงๆแต่ไม่กระทบเรื่องงเงินนะคะ เค้าได้ออกจากงานสิ้นเดือนกรกฎาคม 55 หลังจากนั้นฉันก็โอเคตอนเค้าออกงานแรกๆฉันก็พออยู้ได้แต่พอนานๆเค้า1 เดือนเค้าตามเราจนเราขยับไม่ได้ไปไหนก็ไม่ได้ทำไรก็ผิดโดนบีบจนเราทนไม่ไหวแทบจะเลิกกัน เราทำเค้าสารพัดคือพูดทำร้ายจิตใจ แต่หารู้ไม่ที่เค้าออกจากงานเพราะเค้าเองจะต้งย้ายไปอยู่กะพี่สาวที่เมกา และเค้าต้องไปวันที่ 30กันยายน 55 เค้าพยายามอยากอยู่ใกล้เราให้มากที่สุด แต่เราไม่รู้ตัวเองเลย ว่าเรากำลังจะเสียเค้าไป เรามารู้ว่าเค้าจะไปเมกาก็คือวันที่27สิงหา คม พ่อมาบอกว่า ป๊ามีไรจะบอกเรื่องพี่ ก. เราก็พูดสวนไปเลยว่าทำไมเค้าจะไปไหนหรอ ป๊าถามว่า เรารู้แล้วใช่ไหม เราก็บอกว่าเหมือนรู้เลย คือเรามีลางสังหรณ์อยู่ว่าทำไมเค้าต้องอยากอยู่ใกล้เราอะไรขนาดนี้ ป๊าก็บอกว่า พี่ก.จะไปเมกา 30 กย. นี้ เรานี้ล้มทั้งยืนวันนั้นทั้งวันร้องไห้แบบเหมือนจะสูญเสียอะไรไป เราก็โกรธเค้ามากที่ไม่บอกเราเราเป็นคนสุดท้ายที่รุ้เรื่องนี้ ครอบครัวเรารุ้หมด เค้าให้เหตุผลว่าที่เค้าไม่บอกเพราะกลัวเราจะอยู่ไม่ได้เราก็ร้องไห้สารพัดเค้ากอดเราตลอดเราร้องแบบ 5 -6 ชม.ก็ร้อง เราเหลือเวลาอยู่กับเค้า 1 เดือนเราร้องไห้ตลอดระยะเวลา 1 เดือน เราถามเค้านะเค้าจะกลับมาไหม เค้าบอกไปแค่ 6 เดือนเอง มีนาคม 56 ก็กลับแล้ว เราก็บอกว่าเรารอนะ อย่าหายไปนะ เราทำใจไม่ได้ทุกเรื่องจริงๆ ทั้ง ใบที่จะถ่ายเวดดิ้ง เหมือนเราโดนทิ้งกลางอากาศ ที่บ้านเราก็พูดว่าที่เค้าต้องไปก็เพราะเรานั่นแหละงี่เง่า เราว่าไม่ใช่นะเพราะเค้าต้องไปอยู่กะพี่สาวเค้าต่างหากพี่สาวเค้ากำลังจะคลอดลูกคนที่ 2 เดือน พย. 56 เค้าเลยต้องไปช่วยดูก่อน เค้าไปนุ่นเค้าก็ไปทำงานร้านอาหาร จนถึงคืนก่อนที่เค้าไป เราอยู่ด้วยกัทั้งน้ำตาร้องไห้เพราะไม่เคยห่างกันเลยแม้แต่ 1 วัน แต่จากนี้เราจะไม่ได้เจอกัน เค้าบอกเค้าไปนุ่นเค้าไปทำงานเพื่อเราจะได้รีบกลับมามีเงินมาขอเราแต่งงาน
วันที่ 30 กย. สุวรรณภูมิ เค้าเครื่องออก 4 โมงเยน เราก็ไปถึงสนามบินกัน 2 โมง แม่เค้าป๊าเราพี่ชายเราที่ผูกพันกันมากก็ได้ไปส่งเค้าเรากอดเค้าตลอด ถึงเวลาที่เค้าเรียกไปรอขึ้นเครื่องเราก็กอดดกันครั้งสุดท้าย (พิมพ์ไปร้องให้ไป) เค้าก้ร้องไห้เหมือนกัน จากนั้นเราก้เปลี่ยนไป ซึ ม ๆ อีกวันนึง 1 ตค. เค้าถึงเมากาเค้าก้แทงโก้มาหาเราคุยกันแบบ นี้ ประมานแค่ 2 อาทิต จากนั้นเค้าก้ค่อยๆหายไป ติดต่อไม่ค่อยได้ เราอยู่กรุงเทพเรามีปันหามากมายเราต้องการคุยกับเค้าแต่เค้าเป็นคนแรกที่เราหาเค้าไม่เจอ เหมือนเราจะค่อยๆห่างกันไปเรื่อย ๆ เาบอกเราคิดถึงเค้า เค้าก็ชอบบอกว่าเรามีคนอื่น เราไม่มีนะ เรารักเค้ามาก รักกมาก รอ รอทุกอย่าง ชีวิตเราหลังจากนั้นเราก็มาขายแว่นตา ทำงาน เรียนด้วย ไลน์หาเค้าตลอดตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนกระทั่ง 14 กพ. 56 เราคิดว่าเค้าจะไม่โทรมาแล้ว และเค้าก็โทรมาเร้าร้องไห้ใหญ่เลย ร้องไห้แบบพี่หายไปไหนมาพี่ไปไหน พี่ไ่รักหนูแล้วหรอ แล้วพี่จจะกลับมาไหม แต่แค่เค้าโทรมาเราก็ดีใจมากๆแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ เรายังคิดถึงเค้าอยู่เาไลน์ไปเหมือนคนบ้าคุยคนเดียว เราไม่เจอหน้าเค้าเลย เราฝันถึงเค้าว่าเค้ากลับมาแล้ว ประมาณ 10 กว่าครั้งได้ตั้งแต่เค้าจากไป ไลน์เค้าอ่าน่แต่ไม่ตอบเฟสบุคบอกให้รับเพื่อนเค้าก็ไม่รับ ตอนนี้เราไม่ได้ไลน์หาเค้าแล้ว 3 เดือน เราเริ่มโอเคแต่ยังคิดถึงเค้าอยู่ตอนนี้เราเรียนจะจบแล้วนะ ฝึกงานอยู่ ยังรอเค้ากลับมางานรับปริญญา แล้วมาขอเราแต่งงาน เดือนพฤศจิกายนนี้ แต่หวังลมๆแล้งๆ
เลยอยากบอกเพื่อนๆพี่ๆ ว่า ระยะทางเป็นเหตุผลแห่งความเลิกลากัน ความไม่เข้าใจกัน มันจะมีเหลือแต่ความทรงจำเท่านั้น ความทรงจำจริงๆ
ปล. เรามั่นใจ 80% ว่าเค้าไม่มีคนอื่น แต่ก็ 20%ก็กลัวอยู่ ถามว่าทำไมเราไม่มีแฟนใหม่เพระาเราคิดถึงเค้าอยู่ คนมาจีบมากมาย(ไม่หลงตัวเองเรื่องจริง) มีคุยบ้างแต่ไม่ใช่
แต่เราก็ยังรอเค้าอยู่ รอ รอ รอ เหตุผลของคนรอ
เขียนครั้งแรก อยากแชร์ ผิดตรงไหนอ่านยากยังไง ขอโทษนะคะ
อยากให้เค้ารู้ว่าเราคิดถึงเค้ามาก หนูยังรอพี่อยู่นะ T^T
รักแท้แพ้ความห่าง ใครไม่เชื่อฉันเชื่อ
รวมถึงแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้วด้วย หนูเรียนมหาลัยเอกชนย่านวิภาวดีตอนนั้นอยู่ปี2ทำงานเป็นพริตตี้รับงานทั่วไปแต่ไม่เคยรับงานกลางคืน
วันนึงฉันได้ถูกุ่นพี่คนนึวเรียกให้ไปทำพริตตี้งานเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งนึงย่านเกษตรนวมินทร์ เค้าบอกเป็นงานเลี้ยงรุ่นแค่ยืนต้อนรับเฉยยๆ วันนั้นเป็นวันที่1กันยายน2554 รุ่นพี่นัดเข้างาน 3 ทุ่ม เราก็ได้ไปถึงตรงเวลา พอไปเสร็จเห็นว่างานนี้แปลกๆแบบมีผู้หญิงใส่ชุดคอสเพลประมาณพยาบาล ยืนชงเหล้าเต้น และได้มีการดื่มกับพี่ๆที่มางานเลี้ยงรุ่น ฉันก็เข้าไปทำงานซึ่งแต่งตัวต่างจากผู้หญิงพวกนั้นมาคือใส่ชุดแซกเข้ารูปเรียบร้อยแบบดูดีไม่เหมือนพวกผู้หญิงพวกนั้น เจ้าของร้านก็มาเรียกให้หนูไปชงเหล้า เอ้าก็เอามาละจะกลับก็ไม่ได้หนูก้ไปชงเหล้าปกกติพอเริ่มดึก 5 ทุ่มพี่ๆเค้าก็เมาได้ที่เค้าให้เราไปเต้นไปดื่มชอต ซึ่งเราทำไมได้ สักพักก็มีสายตามองมาคือแฟนเก่าเราคนนี้ เค้าไปนั่งทานข้าวกับเพื่อนอีก 2 คน โต้ะข้างๆ เค้าก้ไห้เด็กเสริฟ เรียกเราไปถามชื่ออะไร ทำไมแต่งตัวไม่เหมือนพวกนั้น หนูก็ตอบอ่อค่ะหนูเข้าใจผิดนึกว่ามางานเลี้ยงรุ่นแค่ยืนต้อนรับหนูเลยไม่เหมือนพวก แฟนเก่าก็เลยให้นั่งรอโต๊ะเค้ากลายเป็นว่าเราก็ไม่ได้ทำงานนั่งเฉยๆ รุ่นพี่ที่จ้างมาเค้าก็ไม่กล้าพูดอะไร เค้าเป็นคนขี้อาย ที่เค้ากล้าจีบเราเพราะเพื่อนเค้าจีบให้ (แต่ต้องขอบคุณเค้าล่ะที่ทำให้เราได้เจอแฟนเก่าคนนี้) จากนั้นเค้าก็ขอไลน์เราไป แต่เราไม่ได้กลับๆเค้านะคะ กลับแทกซี่ รุ่งเช้าเค้าไปทำบุญก็ไลน์มาเราก็พอนึกออกว่าใครเราก็คุยๆกันประมาน1เดือนเลยตัดสินใจคบกัน หลังจากนั้นงานพริตตี้หนูก็ไม่ได้ทำอีกเลย คบกันมาได้ประมา 8 เดือน เรารักกันมาก เค้าเป็นผู้ใหญที่นิสัยดี ใจดี อายุห่างกันรอบนึง เรา19เค้า31 เรารักกันจนแบบคิดว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน คือเราชอบผู้ใหญ่อยู่แล้ว เราได้ไปดูแพคเกจกัน ณ วันนี้ซื้อมาแล้วแพคเกจแต่งงานเช้าถ่ายรูปเวดดิ้ง ณ ขณะนี้ใบนี้ยังอยู่แต่คนหายไป ต่อนะคะ... คบกันก็มีทะเลาะกันทะเลาะกันแรงๆเค้าก็ยอมเราแต่เหมือนเราเด็กคิดมากไปเองเอาแต่ใจเค้าทำงานเลิกงานจะรีบมาหามารับเราตลอด ไม่เคยไม่รีบมาซื้อของกินมาฝากพาไปเที่ยวตจว.ทุกเดือน เค้าทำงานดีจนวันนึงเค้าได้บอกเราว่าเค้าจะออกจากงานเค้าไม่ไหวกะที่ทำงานแล้วเงินเดือนเยอะจริงแต่ขับรถทั้งวัน ไปกะบอสทุกที่ +เรางี่เง่าด้วยเวลาไปกะบอสเกินเวลาทำงานห้าโมงครึ่งเราก็จะนอย โกรธทุกที่ที่ไม่ยอมมาหา แต่ถ้าไม่มีงานเค้าก็จะมาหาเราเร็วทุกครั้ง ส่วนมากคือจะมีไงเราเลยงี่เง่าบ่อย คบกันก็อยู่ในสายตาพ่อตลอด พ่อก็บอกเราว่าลดๆลงบ้างนะ เราก็พยายามแต่ทำได้เท่าที่ทำ ที่บ้านเราก็โทษว่าเรานี่ละเป็นต้นเหตุที่ทำให้เค้าต้องออกจากงาน งี่เง่า เรารู้สึกผิดมากเพราะเคยขอให้เค้าออกตั้งแต่เดือนมีนาคม ประมาณเดือนมิถุนายนเราก็ถามเค้าอีกจะไม่ออกละใช่ปะ เค้าก็บอกเค้ารอทำวีซ่าไปเมกาให้พ่อรอผ่านก่อน เราก็ไม่อะไรและสุดท้ายเค้าออกจากกงานจริงๆแต่ไม่กระทบเรื่องงเงินนะคะ เค้าได้ออกจากงานสิ้นเดือนกรกฎาคม 55 หลังจากนั้นฉันก็โอเคตอนเค้าออกงานแรกๆฉันก็พออยู้ได้แต่พอนานๆเค้า1 เดือนเค้าตามเราจนเราขยับไม่ได้ไปไหนก็ไม่ได้ทำไรก็ผิดโดนบีบจนเราทนไม่ไหวแทบจะเลิกกัน เราทำเค้าสารพัดคือพูดทำร้ายจิตใจ แต่หารู้ไม่ที่เค้าออกจากงานเพราะเค้าเองจะต้งย้ายไปอยู่กะพี่สาวที่เมกา และเค้าต้องไปวันที่ 30กันยายน 55 เค้าพยายามอยากอยู่ใกล้เราให้มากที่สุด แต่เราไม่รู้ตัวเองเลย ว่าเรากำลังจะเสียเค้าไป เรามารู้ว่าเค้าจะไปเมกาก็คือวันที่27สิงหา คม พ่อมาบอกว่า ป๊ามีไรจะบอกเรื่องพี่ ก. เราก็พูดสวนไปเลยว่าทำไมเค้าจะไปไหนหรอ ป๊าถามว่า เรารู้แล้วใช่ไหม เราก็บอกว่าเหมือนรู้เลย คือเรามีลางสังหรณ์อยู่ว่าทำไมเค้าต้องอยากอยู่ใกล้เราอะไรขนาดนี้ ป๊าก็บอกว่า พี่ก.จะไปเมกา 30 กย. นี้ เรานี้ล้มทั้งยืนวันนั้นทั้งวันร้องไห้แบบเหมือนจะสูญเสียอะไรไป เราก็โกรธเค้ามากที่ไม่บอกเราเราเป็นคนสุดท้ายที่รุ้เรื่องนี้ ครอบครัวเรารุ้หมด เค้าให้เหตุผลว่าที่เค้าไม่บอกเพราะกลัวเราจะอยู่ไม่ได้เราก็ร้องไห้สารพัดเค้ากอดเราตลอดเราร้องแบบ 5 -6 ชม.ก็ร้อง เราเหลือเวลาอยู่กับเค้า 1 เดือนเราร้องไห้ตลอดระยะเวลา 1 เดือน เราถามเค้านะเค้าจะกลับมาไหม เค้าบอกไปแค่ 6 เดือนเอง มีนาคม 56 ก็กลับแล้ว เราก็บอกว่าเรารอนะ อย่าหายไปนะ เราทำใจไม่ได้ทุกเรื่องจริงๆ ทั้ง ใบที่จะถ่ายเวดดิ้ง เหมือนเราโดนทิ้งกลางอากาศ ที่บ้านเราก็พูดว่าที่เค้าต้องไปก็เพราะเรานั่นแหละงี่เง่า เราว่าไม่ใช่นะเพราะเค้าต้องไปอยู่กะพี่สาวเค้าต่างหากพี่สาวเค้ากำลังจะคลอดลูกคนที่ 2 เดือน พย. 56 เค้าเลยต้องไปช่วยดูก่อน เค้าไปนุ่นเค้าก็ไปทำงานร้านอาหาร จนถึงคืนก่อนที่เค้าไป เราอยู่ด้วยกัทั้งน้ำตาร้องไห้เพราะไม่เคยห่างกันเลยแม้แต่ 1 วัน แต่จากนี้เราจะไม่ได้เจอกัน เค้าบอกเค้าไปนุ่นเค้าไปทำงานเพื่อเราจะได้รีบกลับมามีเงินมาขอเราแต่งงาน
วันที่ 30 กย. สุวรรณภูมิ เค้าเครื่องออก 4 โมงเยน เราก็ไปถึงสนามบินกัน 2 โมง แม่เค้าป๊าเราพี่ชายเราที่ผูกพันกันมากก็ได้ไปส่งเค้าเรากอดเค้าตลอด ถึงเวลาที่เค้าเรียกไปรอขึ้นเครื่องเราก็กอดดกันครั้งสุดท้าย (พิมพ์ไปร้องให้ไป) เค้าก้ร้องไห้เหมือนกัน จากนั้นเราก้เปลี่ยนไป ซึ ม ๆ อีกวันนึง 1 ตค. เค้าถึงเมากาเค้าก้แทงโก้มาหาเราคุยกันแบบ นี้ ประมานแค่ 2 อาทิต จากนั้นเค้าก้ค่อยๆหายไป ติดต่อไม่ค่อยได้ เราอยู่กรุงเทพเรามีปันหามากมายเราต้องการคุยกับเค้าแต่เค้าเป็นคนแรกที่เราหาเค้าไม่เจอ เหมือนเราจะค่อยๆห่างกันไปเรื่อย ๆ เาบอกเราคิดถึงเค้า เค้าก็ชอบบอกว่าเรามีคนอื่น เราไม่มีนะ เรารักเค้ามาก รักกมาก รอ รอทุกอย่าง ชีวิตเราหลังจากนั้นเราก็มาขายแว่นตา ทำงาน เรียนด้วย ไลน์หาเค้าตลอดตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนกระทั่ง 14 กพ. 56 เราคิดว่าเค้าจะไม่โทรมาแล้ว และเค้าก็โทรมาเร้าร้องไห้ใหญ่เลย ร้องไห้แบบพี่หายไปไหนมาพี่ไปไหน พี่ไ่รักหนูแล้วหรอ แล้วพี่จจะกลับมาไหม แต่แค่เค้าโทรมาเราก็ดีใจมากๆแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ เรายังคิดถึงเค้าอยู่เาไลน์ไปเหมือนคนบ้าคุยคนเดียว เราไม่เจอหน้าเค้าเลย เราฝันถึงเค้าว่าเค้ากลับมาแล้ว ประมาณ 10 กว่าครั้งได้ตั้งแต่เค้าจากไป ไลน์เค้าอ่าน่แต่ไม่ตอบเฟสบุคบอกให้รับเพื่อนเค้าก็ไม่รับ ตอนนี้เราไม่ได้ไลน์หาเค้าแล้ว 3 เดือน เราเริ่มโอเคแต่ยังคิดถึงเค้าอยู่ตอนนี้เราเรียนจะจบแล้วนะ ฝึกงานอยู่ ยังรอเค้ากลับมางานรับปริญญา แล้วมาขอเราแต่งงาน เดือนพฤศจิกายนนี้ แต่หวังลมๆแล้งๆ
เลยอยากบอกเพื่อนๆพี่ๆ ว่า ระยะทางเป็นเหตุผลแห่งความเลิกลากัน ความไม่เข้าใจกัน มันจะมีเหลือแต่ความทรงจำเท่านั้น ความทรงจำจริงๆ
ปล. เรามั่นใจ 80% ว่าเค้าไม่มีคนอื่น แต่ก็ 20%ก็กลัวอยู่ ถามว่าทำไมเราไม่มีแฟนใหม่เพระาเราคิดถึงเค้าอยู่ คนมาจีบมากมาย(ไม่หลงตัวเองเรื่องจริง) มีคุยบ้างแต่ไม่ใช่
แต่เราก็ยังรอเค้าอยู่ รอ รอ รอ เหตุผลของคนรอ
เขียนครั้งแรก อยากแชร์ ผิดตรงไหนอ่านยากยังไง ขอโทษนะคะ