โต้ ศ.ดร สุรชัย กรณี สหรัฐ วางท่าทีผิดฝาผิดตัว ? โดยไม่เข้าใจบริบทไทย

กระทู้สนทนา
ศ.ดร.สุรชัย ศิริไกร
คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

การมาเยือนแบบไม่เป็นทางการของนายแดเนียล รัสเซล ตลอดจนการพูดบรรยายมาทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าเขามีความเข้าใจบริบทของสังคมไทยคลาดเคลื่อน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้เรื่องการเมืองในประเทศไทย เพราะชุดข้อมูลที่เขามีคลาดเคลื่อนมาก ดังนี้ 1.เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองไทยโดยไม่เข้าใจประเทศไทย 2.การวิพากษ์วิจารณ์ของเขา ละเลยต่อความขัดเเย้งภายในประเทศ เพราะถ้าไม่มีการปฏิวัติอาจจะเกิดเหตุการณ์นองเลือด เกิดการเผชิญหน้าระหว่างเสื้อเหลืองเเละเสื้อแดงขึ้นก็ได้ 3.ผู้นำสหรัฐยังไม่เข้าใจถึงเรื่องเนื้อหาประชาธิปไตยจริงๆ พยายามจะให้ประเทศต่างๆ เป็นประชาธิปไตยเหมือนประเทศของตัวเอง เเต่ไม่คำนึงถึงการเข้ามาใช้อำนาจของนักการเมืองแล้วสร้างความสูญเสียให้กับประเทศ

ขณะนี้สหรัฐอยู่ในระหว่างขาลงทั้งด้านเศรษฐกิจเเละอำนาจบางอย่างของประเทศ และกำลังจะเสียพันธมิตรบางประเทศให้กับมหาอำนาจที่กำลังก้าวขึ้นมาอย่างประเทศจีน การที่สหรัฐออกมาวิจารณ์ครั้งนี้มองว่าไม่ถูกต้อง ไม่ควรให้ความสำคัญ

เรื่องท่าทีที่ควรทำคือ พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจบริบทสังคมไทย และการเมืองไทย ส่วนเรื่องกฎอัยการศึกที่สหรัฐร้องขอนั้น ส่วนตัวก็อยากให้ยกเลิก แต่จะต้องดูก่อนว่าเรามีความพร้อมแค่ไหน ถ้ายกเลิกแล้วเกิดการเผชิญหน้า เกิดความขัดเเย้งวุ่นวายก็ไม่ควรเลิก จะต้องมั่นใจ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของรัฐบาล อาจจะยกเลิกกฎอัยการศึกเป็นบางพื้นที่อย่างเช่น พื้นที่ท่องเที่ยวหรือพื้นที่เศรษฐกิจบางจุด
ข้อโต้แย้งที่มีต่อ ศ.ดร.สุรชัย ศิริไกร
1.    ผมขอแย้งว่า สหรัฐเข้าใจบริบทการเมืองไทยเป็นอย่างดี และหากอาจารย์จะเอากรณีจอมพล ป. มาเทียบ นั้น ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ เพราะต่างบริบทกันมาก เป็นที่รู้กันดีว่า สหรัฐในสมัยนั้นได้ใช้นโยบายการต่างประเทศโดยอิงกับสงครามเย็น ลัทธิคอมมิวนิสต์ ดังนั้น จึงต่างกับปัจจุบัน ที่สหรัฐน่าจะมองเรื่องหลักความยุติธรรมหรือ justice  มากกว่า คือการที่ให้ สนช เป็นผู้ถอดถอนคุณยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ คตส สอบสวนคดี คุณทักษิณ เพราะหลักการมันผิดมาตั้งแต่แรก กล่าวคือ กระบวนการตรวจสอบเกิดขึ้นจากองค์กรที่ทำรัฐประหาร การแต่งตั้งของผู้ยึดอำนาจ มันก็คือการตั้งศาลเตี้ย ขึ้นมา ถอดถอน และมีผลทางอาญา ต่อคุณยิ่งลักษณ์ (เพราะถ้าเป็นกระบวนการยุติธรรมปกติ ผมจะไม่รู้สึกอะไรมากกับเรื่องนี้) แสดงให้เห็นว่า ข้อเคลือบแคลงต่อคดีคุณยิ่งลักษณ์ มันได้ไต่สวนแบบวิธีปกติหรือไม่ เป็นธรรมต่อคุณยิ่งลักษณ์หรือเปล่า
ส่วนกรณีที่ อ.สุรชัย เทียบเคียงกรณีไทยกับ อิยิปต์นั้น ผมก็เห็นว่า มันแตกต่างกัน เพราะแม้ว่าจุดยืนของสหรัฐ แม้ว่าจะเน้นนโยบายผลประโยชน์ของตนเอง แต่ผมก็คิดว่านี่คือการใช้นโยบายการต่างประเทศของสหรัฐเพื่อรักษาดุลภาพของอำนาจไว้ เนื่องจากไทยหันไปอิงกับจีน สหรัฐจึงอาจตอบโต้ด้วยการแสดงจุดยืนบางอย่างต่อ การรัฐประหาร และกฎอัยการศึก ตรงนี้เป็นท่าทีของสหรัฐที่มีต่อไทย ในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผมว่านี่คือเวทีการเมืองระหว่างประเทศที่น่าสนใจ ว่าสหรัฐวางท่าทีอย่างไรต่อไทย หลังการรัฐประหาร(เน้นว่าอย่าใช้บริบทเก่าเปรียบเทียบ เพราะโลกมันเปลี่ยนไป สหรัฐเองก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ผลประโยชน์ และสถานะของสหรัฐในฐานะมหาอำนาจจึงต้องมีกระบวนการจัดวางใหม่ในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ)
2.    ผมขอแย้งว่าการที่สหรัฐไม่เข้าใจความขัดแย้งของไทยนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ผมเข้าใจว่าสหรัฐคงงงกับคนไทยมากกว่าว่าตกลงจะมีรูปแบบการปกครองแบบไหน เลือกตั้งก็ไม่เอา คนไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ไปขัดขวางเขา ใครคิดต่างคือพวกควายแดง อย่างนี้หรือครับคนที่มีจริยธรรม แค่ใช้คำพูดกดทับคนอื่นไปวันๆ สนับสนุนให้เกิดการรัฐประหาร แล้วแบบนี้จะปกป้องสิทธิอำนาจของตนเองได้อย่างไร โดยสร้างวาทกรรมว่า การรัฐประหารเป็นสิ่งทำขึ้นเพื่อส่วนรวม เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าความคิดแบบชนชั้นนำไทยนี่แหละที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย เพราะเชื่อว่าการรัฐประหารเป็นเครื่องมือเดียวที่ลดความขัดแย้งได้  เท่ากับเป็นการคิดแทนคนอีกหลายล้านคน ที่ปฏิเสธการรัฐประหาร และเคารพในความเป็นประชาธิปไตย

3.    ผมว่าสหรัฐใช้มุมมองเสรีประชาธิปไตยที่เป็นธรรมและชอบธรรมต่อบริบทของเมืองไทย เพราะเห็นว่า สังคมไทยกำลังจะถอยหลังลงคลอง ฝืนโลกโลกาภิวัตน์ เน้นอำนาจนิยม และภูมิใจในความเป็นไทยแลนด์โอนลี่ คือความพยายามที่จะทำให้อำนาจนิยม ศีลธรรมจรรยาและประชาธิปไตย(กลายเป็นเรื่องเดียวกัน) ทั้งๆที่มันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง สังคมไทยกำลังถูกครอบงำ ด้วยวาทกรรมเรื่อง ศีลธรรม ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือวัดว่า ใครเป็นผู้มีคุณสมบัติเรื่องนี้มากที่สุดจะกลายเป็นผู้ครอบครองประชาธิปไตยในประเทศ ทั้งๆที่เรื่องศีลธรรมนี้ ถูกใช้มาเป็นกลไกเชิงอุดมการณ์และการครอบงำ ผ่านยุทธวิธีต่างๆ จนราวประหนึ่งว่า ประเทศไทยเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องนี้ ชนชั้นนำไทย ก็พยายามฝังส่วนนี้จนหลายเป็นพันธุกรรมของคนไทย พยายามสร้างอคติ โดยใช้มาตรฐานศีลธรรมที่ตนเองมโนขึ้น โดยปราศจากความเป็นธรรมและยุติธรรม ตรงส่วนนี้แหละที่ผมคิดว่า จะขัดแย้งกับ ประชาธิปไตย โดยปริยาย ประเทศไทยอาจเปลี่ยนระบบการเมืองเป็น อภิศิลธรรมาธิปไตย มากกว่า ประชาธิปไตย ก็เป็นได้ ผมคิดว่านักรัฐศาสตร์ไทยต้องกลับมาจำแนกใหม่ว่า ระบบการเมืองไทยนี่อยู่ในประเภทไหน เพราะมีความซับซ้อนมากกว่าระบบใดในโลก จนอาจเกินภูมิปัญญาของฝรั่งก็เป็นได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่