การออกมาอย่างล่าช้าของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่กว่าจะได้ฤกษ์แสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ก็เสมือนกลัวจะตกขบวนเสียมากกว่า
ทั้งการอ้างอิงเหตุผลที่ไม่เอาด้วย ออกแนวแปลกประหลาดเกินไป
ไม่อยู่บนหลักการอะไร แถมยังดูเกรงอกเกรงใจผู้กุมอำนาจอย่างสูงยิ่ง
เลยทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายหลายด้านต่อผู้นำพรรคเก่าแก่
มองในมุมหนึ่ง ประเด็นที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องใช้เวลาครุ่นคิดค่อนข้างมาก เ
พราะคงรู้ว่า หากแถลงท่าทีออกมา
ย่อมหมายถึงการหักกันกับท่าทีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เกิดกระแสความแตกแยกภายในพรรคตามมาแน่นอน
ขณะเดียวกัน ถ้าหากนายอภิสิทธิ์แถลงไม่รับรัฐธรรมนูญ
ด้วยการยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยเต็มตัว
ย่อมมีปัญหาตามมาอีก
เพราะพฤติกรรมของแกนนำพรรคส่วนหนึ่ง
ในการนำม็อบนกหวีด
ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิงอยู่แล้ว!!
วันนี้บทสรุปของเหตุการณ์ม็อบนกหวีดชัตดาวน์ ชัดเจนว่า
ทำทุกอย่างเพื่อกดดันให้ทหารต้องออกมาหยุดประชาธิปไตย
ผลก็คือ ทำลายอำนาจการเมืองในมือประชาชนทั้งประเทศ
ทั้งที่จริงๆ แล้ว แกนนำของประชาธิปัตย์ทั้งหมด
ไม่ได้เห็นด้วยหรือเอาด้วยกับม็อบนกหวีด!?
แต่แกนนำสำคัญๆ โดดขึ้นเวทีกันหมด
เช่นนั้นแล้วจึงส่งผลกระทบต่อพรรคนี้อย่างช่วยไม่ได้
เมื่อกระแสประชาธิปไตยกลับคืนมาในหมู่ประชาชนวงกว้าง
จะเกิดคำถามที่ทำให้อธิบายได้อย่างยากเย็น
ถึงวันหนึ่ง คนจะถามว่า
ทำไมวันนั้นไม่เลือกหนทางล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตามวิถีประชาธิปไตย
ทำไมไม่อาศัยพลังมวลชนที่ฮือออกมาประท้วง
ไปจัดการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยที่ยังรักษาระบบเอาไว้
ที่สำคัญคือรักษาอำนาจการเมืองในมือประชาชนทั้งประเทศเอาไว้ได้ด้วย
นี่จะเป็นคำถามจากประชาชน ที่คงตอบได้ยากลำบากยิ่ง
ทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยกันทั้งพรรค
แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นไปทั้งกระบวนแล้ว!
การแถลงท่าทีไม่รับรัฐธรรมนูญของนายอภิสิทธิ์
ก็นับว่ายังดีกว่าปล่อยให้ถลำไปตามกระแสของนายสุเทพ
นั่นจะยิ่งทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพจมธรณีไปยิ่งกว่านี้
แล้วที่อ้างอิงเหตุผล โดยไม่อยู่บนหลักประชาธิปไตย
ก็คงเพราะกระดากปากเกินไป เมื่อเทียบกับภาพที่เกิดขึ้นในช่วงเป่านกหวีด
เอาเป็นว่าช้านิดหรือเฉหน่อยๆ ก็ยังดีกว่าไม่มาเลย
ทั้งคงทำด้วยความยากลำบาก
เพราะจะเกิดผลกระทบภายในพรรคตามมามากมาย
นั่นก็เป็นผลมาจากการเลือกหนทางที่ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยในวันนั้น!
ช้านิดและเฉหน่อย .... ชกไม่มีมุม วงค์ ตาวัน ...ข่าวสดออนไลน์ ... อีกสักที กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ.../sao..เหลือ..noi
ที่กว่าจะได้ฤกษ์แสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ก็เสมือนกลัวจะตกขบวนเสียมากกว่า
ทั้งการอ้างอิงเหตุผลที่ไม่เอาด้วย ออกแนวแปลกประหลาดเกินไป
ไม่อยู่บนหลักการอะไร แถมยังดูเกรงอกเกรงใจผู้กุมอำนาจอย่างสูงยิ่ง
เลยทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายหลายด้านต่อผู้นำพรรคเก่าแก่
มองในมุมหนึ่ง ประเด็นที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องใช้เวลาครุ่นคิดค่อนข้างมาก เ
พราะคงรู้ว่า หากแถลงท่าทีออกมา
ย่อมหมายถึงการหักกันกับท่าทีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เกิดกระแสความแตกแยกภายในพรรคตามมาแน่นอน
ขณะเดียวกัน ถ้าหากนายอภิสิทธิ์แถลงไม่รับรัฐธรรมนูญ
ด้วยการยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยเต็มตัว
ย่อมมีปัญหาตามมาอีก
เพราะพฤติกรรมของแกนนำพรรคส่วนหนึ่ง
ในการนำม็อบนกหวีด
ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิงอยู่แล้ว!!
วันนี้บทสรุปของเหตุการณ์ม็อบนกหวีดชัตดาวน์ ชัดเจนว่า
ทำทุกอย่างเพื่อกดดันให้ทหารต้องออกมาหยุดประชาธิปไตย
ผลก็คือ ทำลายอำนาจการเมืองในมือประชาชนทั้งประเทศ
ทั้งที่จริงๆ แล้ว แกนนำของประชาธิปัตย์ทั้งหมด
ไม่ได้เห็นด้วยหรือเอาด้วยกับม็อบนกหวีด!?
แต่แกนนำสำคัญๆ โดดขึ้นเวทีกันหมด
เช่นนั้นแล้วจึงส่งผลกระทบต่อพรรคนี้อย่างช่วยไม่ได้
เมื่อกระแสประชาธิปไตยกลับคืนมาในหมู่ประชาชนวงกว้าง
จะเกิดคำถามที่ทำให้อธิบายได้อย่างยากเย็น
ถึงวันหนึ่ง คนจะถามว่า
ทำไมวันนั้นไม่เลือกหนทางล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตามวิถีประชาธิปไตย
ทำไมไม่อาศัยพลังมวลชนที่ฮือออกมาประท้วง
ไปจัดการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยที่ยังรักษาระบบเอาไว้
ที่สำคัญคือรักษาอำนาจการเมืองในมือประชาชนทั้งประเทศเอาไว้ได้ด้วย
นี่จะเป็นคำถามจากประชาชน ที่คงตอบได้ยากลำบากยิ่ง
ทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยกันทั้งพรรค
แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นไปทั้งกระบวนแล้ว!
การแถลงท่าทีไม่รับรัฐธรรมนูญของนายอภิสิทธิ์
ก็นับว่ายังดีกว่าปล่อยให้ถลำไปตามกระแสของนายสุเทพ
นั่นจะยิ่งทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพจมธรณีไปยิ่งกว่านี้
แล้วที่อ้างอิงเหตุผล โดยไม่อยู่บนหลักประชาธิปไตย
ก็คงเพราะกระดากปากเกินไป เมื่อเทียบกับภาพที่เกิดขึ้นในช่วงเป่านกหวีด
เอาเป็นว่าช้านิดหรือเฉหน่อยๆ ก็ยังดีกว่าไม่มาเลย
ทั้งคงทำด้วยความยากลำบาก
เพราะจะเกิดผลกระทบภายในพรรคตามมามากมาย
นั่นก็เป็นผลมาจากการเลือกหนทางที่ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยในวันนั้น!