เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาหลี ประเทศที่ใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวมานานมาก หลังจากอินกับซีรีย์เกาหลีมานาน 555 แต่ผมกับเพื่อนตัดสินใจกันช้าไปหน่อย เลยซื้อตั๋วได้ในราคาประมาณ 13000 ไป-กลับของ Airasia ซึ่งดูเหมือนจะถูกแล้วใช่ไหมครับ แต่นี่ไม่ใช่บินตรงนะครับ ผมต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียถึงครึ่งค่อนวัน จริงๆไปทั้งหมด 7 วัน แต่อยู่เกาหลีจริงๆแค่ 5 วัน เพราะไปเสียเวลาไปทั้งหมด 2 วันอยู่ที่ตอนเปลี่ยนเครื่องบิน เลยอยากจะแนะนำว่า ถ้าใครอยากเที่ยวให้คุ้มๆหน่อย ยอมซื้อตั๋วแพงหน่อยแต่บินตรงจะดีกว่า เพราะมันเหนื่อยมากและเสียเวลา แต่จริงๆก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบนะ ใครอยากลองก็ได้นะครับ 555 เอาละ ได้เวลาที่ผมจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับบรรยากาศของเกาหลีกันสักที 555 แต่บอกก่อนนะครับ ว่ารีวิวครั้งนี้เน้นของกิน สถานที่และความรู้สึกซะส่วนใหญ่นะครับ รายละเอียดการเดินทางอาจไม่ค่อยเน้น เพราะสารภาพว่าตอนไปก็ไปมั่วๆกันอะครับ หลงทางในใต้ดินกันบ่อยมากๆ 555 ไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงละ ขอต้อนรับสู่ Korea Trip ของผมเลยละกันนะครับ...
วันที่ 1 คือวันที่ 27 ธ.ค. ขึ้นเครื่องจากดอนเมือง เครื่องเหลดประมาณ 2 ชั่วโมงครับ
ก็เลยมีเวลาซื้อครีสปี้ครีมกินไปพลางๆและนั่งเม้ากับเพื่อนๆ 555
จากดอนเมืองไปถึงกัวลาก็ประมาณ 4 ทุ่มครับ รอต่อเครื่องอีกประมาณ 7 ชั่วโมง คืออยากออกไปไหนก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นมันดึกแล้ว ถ้ามาเช้าอาจออกไปเที่ยวได้ ก็ไม่มีอะไรทำครับ ตอนผ่านด่านก็ได้คูปองแมคมากัน เพราะเป็นช่วงปีใหม่ (จริงๆก็แอบแลกเงินมาเลมาบ้าง) 7 ชั่วโมงนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ นอกจากกินและนอน(นอนประมาณครึ่งชั่วโมง) เพราะต้องรีบไปต่อเครื่องต่อตอนประมาณ ตี5
แถบจะเป็นปาร์ตี้ Junk Food เล็กๆเลยใช่ไหมครับ5555 คูปองมันเหลือใช้มากครับและหิวมาก บนเครื่องบินไม่มีอาหารบริการ เพราะเป็น low cost
หลังจากนั้นก็ไปขึ้นเครื่องครับ แล้วอีกประมาณ 7-8 ชั่วโมงก็ถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีครับ รู้สึกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก5555
ไปถึงก็ เป็นวันที่ 28 ธ.ค. เวลาประมาณ บ่ายสองกว่าๆของที่นู้นครับ อากาศหนาวมากๆ หนาวจริงๆ ครับ ตอนนั้นประมาณ 5 องศาครับ
พอไปถึงสนามบินกรุงโซล ก็ใช้เวลาที่สนามบินไม่นานมากครับ หลายคนถามว่า ตม ที่เกาหลียากไหม ผมบอกเลยว่าไม่มีอะไรเลยครับ ตรงตม แค่ให้เราแสกนนิ้วมือและที่สำคัญเครื่องพูดเป็นภาษาไทยด้วยครับ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลเลยครับ
พอเสร็จเอากระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็นั่งรถไฟฟ้าจากสนามบิน เข้าไปยังสถานีที่ใกล้ที่พักที่สุด ซึ่งพวกผมจองที่พักชื่อว่า Shinchon hostel ซึ่งก่อนจะไป ก็ดูรีวิวจาก pantip นี่แหละครับ แต่กว่าจะถึงที่พักก็ทำเอาเสียเวลานาน เพราะหลงอยู่รถไฟฟ้าใต้ดินนานมากครับ แต่สุดท้ายก็ถึงที่พักครับ เดี่ยวจะมารีวิวที่พักตอนสุดท้ายนะครับ
นี่คือบรรยากาศ ณ วันนั้นครับ หนาวมากๆๆๆๆๆๆ มากจริงๆ ถุงมือ เสื้อ 5 ชั้นก็ยังไม่ช่วยให้อุ่นเท่าไร วันนั้นตื่นตาตื่นใจกับออป้าเกาหลีมากๆ ใครที่บอกว่าคนเกาหลีดูดีแต่ในทีวี ขอเถียงใจขาดเลยครับ ทั้งหญิง ทั้งชายดูดีกันทั้งนั้น 5555 ไม่ได้อวยนะครับ อาจไปแถวย่านวัยรุ่นด้วยมั้ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น555
หลังจากที่ถึงที่พัก เก็บของเรียบร้อยกันแล้ว พวกเราก็ไม่รอช้าให้เสียเวลา ตอนนั้นก็เย็นๆแล้วครับ ก็ออกไปเที่ยวกันเลยวันนั้นโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเท่าไร555
อันนี้เป็นแถวที่พักครับ เหมือนคล้ายๆกับตลาดบ้านเราเลย เสื้อผ้าขายกันเยอะ และ ถูกมากๆเลยครับ
อันนี้อร่อยมากๆครับ เป็นร้านข้างทาง แถวๆที่พักนี่แหละครับ
หลังจากหาอะไรกินแถวที่พักเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจกันไป Hongdae ฮงแดเป็นย่านที่วัยรุ่นอยู่กันเยอะ ใกล้ ม.ฮงอิกด้วย เด็กมหาลัยเลยเยอะมากๆ ใครที่อยากมาหาอปป้าหล่อๆ หรือสาวสวยๆ ต้องที่นี่เลยครับ เดินกันให้แซ่บ555 แต่เท่าที่สังเกตส่วนมาก 95% ก็เดินกันเป็นคู่กันหมดครับ แป่ว555
นี่เป็นบรรยากาศในรถไฟฟ้าใต้ดินเกาหลีครับ
พอถึงก็เจอร้านนี้ พวกเราก็ตรงเข้าไปแบบไม่ลังเลเลยครับ ไม่ใช่อะไรนะครับ มันหนาวมาก ต้องการที่อุ่นๆ 555 แต่อร่อยมากเลยครับ มันคือ ต็อกบ็อกกี นั่นเอง ฟินมากครับ
เค้าบอกกันว่าร้านข้างทางแบบนี้แหละครับ อร่อยที่สุดแล้ว เออ จริงด้วย 555
อันนี้ขนมไข่ครับ อร่อยมากๆ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเข้ากันขนาดนี้ อยากซื้อกลับมาไทยเลยครับ555
ส่วนอันนี้ขนมปลา อร่อยเหมือนกันครับ ข้างในเป็นไส้ถั่วแดง กินตอนหนาวๆคือฟินมากครับ เจ้าของร้านพูดภาษาไทยได้ด้วย555
ต่อไปนี้คือบรรยากาศบนฮงแดนะครับ คนเยอะมากๆเลย คึกคักมาก วันนั้นหิมะแอบตกด้วยครับ แต่เป็นแค่ละอองหิมะ 555
และนี่ครับเป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ตั้งแต่ก่อนมาว่าจะต้องมาลองกินให้ได้ ไอติมยาว 2 ฟุต
คือตอนนั้นแบบว่าหนาวเกือบตาย คิดสภาพนะครับ หนาวติดลบ1องศากับลมที่พัดผ่านตลอดกับไอติมยาว 2 ฟุต
555555555555 แทบตายครับ แต่ด้วยความอยาก ก็กินจนหมด555 สรุปว่ารสชาติเฉยๆนะครับ ขายความยาว555 ราคาก็ไม่แพงนะครับ ประมาณ 60 กว่าบาทไทย ใครอยากลองรู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจก็ไปลองกันได้นะครับในหน้าหนาว ยังจำความรู้สึกได้อยู่เลย กินไปปากสั่นไป555
หลังจากที่เดินกันจนพอใจแล้วก็ตัดสินใจเดินกลับกัน แต่แล้วสรุปก็หลงทาง แต่ตอนนั้นหนาวมากๆ ทนไม่ไหว เลยหาร้านหลบหนาวก่อน ไปเจอร้านอาหารร้านนึงข้างทางเลยตรงเข้าไป ก็เจอของอร่อยๆ กินกันแก้หนาวซะเลย
อร่อยทุกจานเลยครับ(หรือเพราะหิวจากอากาศหนาวก็ไม่รู้555)
หลังจากกินเสร็จก็พยายามที่จะเดินกลับทีพักต่อจนสุดท้ายทนหนาวไม่ไหวเลยลองขึ้นแท็กซี่ซะเลย ก็ประมาณ 90 บาทก็ถึงที่พักครับ
ยังไม่พอกันครับ มานั่งกินโซจูหน้าเซเว่นแถวที่พักต่อ สุดยอดความหนาวครับ แต่ได้ feel เกาหลีสุดๆ 555555555
ลองซื้อนมอันนี้กินด้วยครับ หวานๆอร่อยดี
สุดวันนี้ก็จบด้วยโซจูลข้างทางครับ555
ขอบคุณทุกคนที่อ่านครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขออภัยนะครับ ใครอยากถามอะไรถามได้หมดนะครับ หรืออยากแบ่งปันอะไร ได้หมดเลยนะครับ
ปล.หลายๆรูปอาจไม่ชัด เนื่องมาจากความหนาวมากๆ ครับ มือนิ่งไม่ไหว555
แล้วเดี่ยวจะมาเขียนต่อนะครับ ความฟินมันพึ่งเริ่มต้น 555
หนาวฟุดๆครับ5555555555555555
_________________________________________________________________________________________________
Peenutbuttersandwich : instagram
[CR] รีวิว แบ็คแพ็คเกาหลี 5 วัน 4 คืน (รูปจัดเต็ม อารมณ์เน้นๆ) >.< ตอนที่ 1
วันที่ 1 คือวันที่ 27 ธ.ค. ขึ้นเครื่องจากดอนเมือง เครื่องเหลดประมาณ 2 ชั่วโมงครับ
ก็เลยมีเวลาซื้อครีสปี้ครีมกินไปพลางๆและนั่งเม้ากับเพื่อนๆ 555
จากดอนเมืองไปถึงกัวลาก็ประมาณ 4 ทุ่มครับ รอต่อเครื่องอีกประมาณ 7 ชั่วโมง คืออยากออกไปไหนก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นมันดึกแล้ว ถ้ามาเช้าอาจออกไปเที่ยวได้ ก็ไม่มีอะไรทำครับ ตอนผ่านด่านก็ได้คูปองแมคมากัน เพราะเป็นช่วงปีใหม่ (จริงๆก็แอบแลกเงินมาเลมาบ้าง) 7 ชั่วโมงนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ นอกจากกินและนอน(นอนประมาณครึ่งชั่วโมง) เพราะต้องรีบไปต่อเครื่องต่อตอนประมาณ ตี5
แถบจะเป็นปาร์ตี้ Junk Food เล็กๆเลยใช่ไหมครับ5555 คูปองมันเหลือใช้มากครับและหิวมาก บนเครื่องบินไม่มีอาหารบริการ เพราะเป็น low cost
หลังจากนั้นก็ไปขึ้นเครื่องครับ แล้วอีกประมาณ 7-8 ชั่วโมงก็ถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีครับ รู้สึกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก5555
ไปถึงก็ เป็นวันที่ 28 ธ.ค. เวลาประมาณ บ่ายสองกว่าๆของที่นู้นครับ อากาศหนาวมากๆ หนาวจริงๆ ครับ ตอนนั้นประมาณ 5 องศาครับ
พอไปถึงสนามบินกรุงโซล ก็ใช้เวลาที่สนามบินไม่นานมากครับ หลายคนถามว่า ตม ที่เกาหลียากไหม ผมบอกเลยว่าไม่มีอะไรเลยครับ ตรงตม แค่ให้เราแสกนนิ้วมือและที่สำคัญเครื่องพูดเป็นภาษาไทยด้วยครับ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลเลยครับ
พอเสร็จเอากระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็นั่งรถไฟฟ้าจากสนามบิน เข้าไปยังสถานีที่ใกล้ที่พักที่สุด ซึ่งพวกผมจองที่พักชื่อว่า Shinchon hostel ซึ่งก่อนจะไป ก็ดูรีวิวจาก pantip นี่แหละครับ แต่กว่าจะถึงที่พักก็ทำเอาเสียเวลานาน เพราะหลงอยู่รถไฟฟ้าใต้ดินนานมากครับ แต่สุดท้ายก็ถึงที่พักครับ เดี่ยวจะมารีวิวที่พักตอนสุดท้ายนะครับ
นี่คือบรรยากาศ ณ วันนั้นครับ หนาวมากๆๆๆๆๆๆ มากจริงๆ ถุงมือ เสื้อ 5 ชั้นก็ยังไม่ช่วยให้อุ่นเท่าไร วันนั้นตื่นตาตื่นใจกับออป้าเกาหลีมากๆ ใครที่บอกว่าคนเกาหลีดูดีแต่ในทีวี ขอเถียงใจขาดเลยครับ ทั้งหญิง ทั้งชายดูดีกันทั้งนั้น 5555 ไม่ได้อวยนะครับ อาจไปแถวย่านวัยรุ่นด้วยมั้ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น555
หลังจากที่ถึงที่พัก เก็บของเรียบร้อยกันแล้ว พวกเราก็ไม่รอช้าให้เสียเวลา ตอนนั้นก็เย็นๆแล้วครับ ก็ออกไปเที่ยวกันเลยวันนั้นโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเท่าไร555
อันนี้เป็นแถวที่พักครับ เหมือนคล้ายๆกับตลาดบ้านเราเลย เสื้อผ้าขายกันเยอะ และ ถูกมากๆเลยครับ
อันนี้อร่อยมากๆครับ เป็นร้านข้างทาง แถวๆที่พักนี่แหละครับ
หลังจากหาอะไรกินแถวที่พักเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจกันไป Hongdae ฮงแดเป็นย่านที่วัยรุ่นอยู่กันเยอะ ใกล้ ม.ฮงอิกด้วย เด็กมหาลัยเลยเยอะมากๆ ใครที่อยากมาหาอปป้าหล่อๆ หรือสาวสวยๆ ต้องที่นี่เลยครับ เดินกันให้แซ่บ555 แต่เท่าที่สังเกตส่วนมาก 95% ก็เดินกันเป็นคู่กันหมดครับ แป่ว555
นี่เป็นบรรยากาศในรถไฟฟ้าใต้ดินเกาหลีครับ
พอถึงก็เจอร้านนี้ พวกเราก็ตรงเข้าไปแบบไม่ลังเลเลยครับ ไม่ใช่อะไรนะครับ มันหนาวมาก ต้องการที่อุ่นๆ 555 แต่อร่อยมากเลยครับ มันคือ ต็อกบ็อกกี นั่นเอง ฟินมากครับ
เค้าบอกกันว่าร้านข้างทางแบบนี้แหละครับ อร่อยที่สุดแล้ว เออ จริงด้วย 555
อันนี้ขนมไข่ครับ อร่อยมากๆ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเข้ากันขนาดนี้ อยากซื้อกลับมาไทยเลยครับ555
ส่วนอันนี้ขนมปลา อร่อยเหมือนกันครับ ข้างในเป็นไส้ถั่วแดง กินตอนหนาวๆคือฟินมากครับ เจ้าของร้านพูดภาษาไทยได้ด้วย555
ต่อไปนี้คือบรรยากาศบนฮงแดนะครับ คนเยอะมากๆเลย คึกคักมาก วันนั้นหิมะแอบตกด้วยครับ แต่เป็นแค่ละอองหิมะ 555
และนี่ครับเป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ตั้งแต่ก่อนมาว่าจะต้องมาลองกินให้ได้ ไอติมยาว 2 ฟุต
คือตอนนั้นแบบว่าหนาวเกือบตาย คิดสภาพนะครับ หนาวติดลบ1องศากับลมที่พัดผ่านตลอดกับไอติมยาว 2 ฟุต
555555555555 แทบตายครับ แต่ด้วยความอยาก ก็กินจนหมด555 สรุปว่ารสชาติเฉยๆนะครับ ขายความยาว555 ราคาก็ไม่แพงนะครับ ประมาณ 60 กว่าบาทไทย ใครอยากลองรู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจก็ไปลองกันได้นะครับในหน้าหนาว ยังจำความรู้สึกได้อยู่เลย กินไปปากสั่นไป555
หลังจากที่เดินกันจนพอใจแล้วก็ตัดสินใจเดินกลับกัน แต่แล้วสรุปก็หลงทาง แต่ตอนนั้นหนาวมากๆ ทนไม่ไหว เลยหาร้านหลบหนาวก่อน ไปเจอร้านอาหารร้านนึงข้างทางเลยตรงเข้าไป ก็เจอของอร่อยๆ กินกันแก้หนาวซะเลย
อร่อยทุกจานเลยครับ(หรือเพราะหิวจากอากาศหนาวก็ไม่รู้555)
หลังจากกินเสร็จก็พยายามที่จะเดินกลับทีพักต่อจนสุดท้ายทนหนาวไม่ไหวเลยลองขึ้นแท็กซี่ซะเลย ก็ประมาณ 90 บาทก็ถึงที่พักครับ
ยังไม่พอกันครับ มานั่งกินโซจูหน้าเซเว่นแถวที่พักต่อ สุดยอดความหนาวครับ แต่ได้ feel เกาหลีสุดๆ 555555555
ลองซื้อนมอันนี้กินด้วยครับ หวานๆอร่อยดี
สุดวันนี้ก็จบด้วยโซจูลข้างทางครับ555
ขอบคุณทุกคนที่อ่านครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขออภัยนะครับ ใครอยากถามอะไรถามได้หมดนะครับ หรืออยากแบ่งปันอะไร ได้หมดเลยนะครับ
ปล.หลายๆรูปอาจไม่ชัด เนื่องมาจากความหนาวมากๆ ครับ มือนิ่งไม่ไหว555
แล้วเดี่ยวจะมาเขียนต่อนะครับ ความฟินมันพึ่งเริ่มต้น 555
หนาวฟุดๆครับ5555555555555555
_________________________________________________________________________________________________
Peenutbuttersandwich : instagram
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น