ขออนุญาติเวิ่นเว้อนิดหนึ่ง
ส่วนตัวด้วยความที่ซื้อกิน แต่ก็เหมือนคนทั่ว ๆ ไป เริ่มกินจากกาแฟแฟนซีทั้งหลาย
คือเป็น คาปูชิโน ลาเต้ มอคค่า นั่นหละครับ เริ่มจากร้านข้างถนน ที่เขียนชื่อแปะไปงั้น
ทั้งที่ชงแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ จนไปถึง coffee world โอปองแปง Starbugs ไล่กินไปหมด
หลาย ๆ เมนู จนเริ่มชาชิน รู้สึกว่าน้ำตาลในกาแฟ ไม่ว่าจะมาในรูปไหน ก็ไม่ชวนให้
ผมอยากลองอีกต่อไป กลายเป็น เราติดกาแฟ เข้าไปแล้ว ไม่ใช่น้ำตาล หรือกลิ่นไซรับ
หรือวิปครีม ครีมช๊อกโกแล๊ต ฟองนม
คราวนี้พอผมได้ดื่มกาแฟ จริง ๆ โดยตัดเอาน้ำตาลออกไปแล้ว หลัง ๆ มาผมก็เริ่ม
เวียนว่ายตายเกิดในวงเวียนร้านกาแฟกันใหม่ เพราะได้มารู้ทีหลังว่า กาแฟที่ไม่ใส่
น้ำตาลนั้น รสของมันไม่ใช่ว่าจะดีเลย หลายๆ ร้านทำออกมาจะอมเปรี้ยว บางร้าน
ก็ไม่รู้ว่าเอากาแฟอะไรมาชงถึงได้ขมขนาดนั้น
วันดีคืนดีก็ได้ไปเที่ยว "เวียดนาม" ครับ ได้รู้จักกับวิธีการชงกาแฟแบบหนึ่ง ทีเรียกว่า
ดริฟ (คนเวียดนามเรียกอะไรไม่ทราบ) ซึ่งมันง่าย รสดี กลิ่นหอม แต่จะแรงหน่อย
เขาทำกันแบบจริง ๆ จัง ๆ ตั้งแต่โรงแรมหรู ยันอาหมวยข้างถนนก็ดริฟกันถ้วนหน้า
แล้วก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ กลับมาที่ไทย เดินเข้าร้านกาแฟร้านหนึ่งสั่งลาเต้เย็นมาดื่ม
สิ่งที่ได้มาคือกาแฟไร้น้ำแข็ง ที่หน้าตาประหลาด ๆ เหมือนเอากาแฟร้อนไปแช่เย็น
แล้วเติมนมมาให้เรา รสดีมาก นุ่มมาก ๆ จนอดถามไม่ได้ คำตอบคือ มันเป็นกาแฟที่
ได้มาจากการดริฟ แบบเย็น....???
จากที่ว่าซื้อกาแฟกินวันละแก้วสองแก้วมากว่า 5 ปีแล้ว บวกกับเทรนด์ฮิปส์เตอร์ชงกาแฟ
ขึ้นกระทู้แนะนำในช่วงนี้ ทำให้เกิดกิเลสอยากลองของขึ้นมา
คำถามคือใครที่ดริฟกาแฟทานเองบ้าง ผมอยากรู้ว่า ไอ้ถ้วยดริฟแบบเวียดนาม กับ
ถ้วยดริฟแบบไดโสะ ใช้กระดาษ มันต่างกันยังไง แล้วถ้าจะถามถึงดริฟเย็น ๆ มันคืออะไร
ครับ เอาน้ำเย็นเทใส่แทนน้ำร้อน แล้วแทงเข้าไปวางในตู้เย็นเลย ??? มีใครทำกันบ้าง
ผมวันก่อนลงทุนไปซื้อลาเต้ร้อนมา 1 แก้ว ไม่กินครับ ซื้อเสร็จพุ่งเข้าตู้เย็น แช่แม่มเบย
ออกมาสรุปแว่ เห้ยใกล้เคียงเหมือนกัน แต่กาแฟมันเหมือนจะอ่อนไป ยังกับว่ากำลังดื่มนม
กลิ่นกาแฟ ใครรู้ใครเป็นแนะนำหน่อยครับ
กาแฟดริฟ แบบเย็น
ส่วนตัวด้วยความที่ซื้อกิน แต่ก็เหมือนคนทั่ว ๆ ไป เริ่มกินจากกาแฟแฟนซีทั้งหลาย
คือเป็น คาปูชิโน ลาเต้ มอคค่า นั่นหละครับ เริ่มจากร้านข้างถนน ที่เขียนชื่อแปะไปงั้น
ทั้งที่ชงแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ จนไปถึง coffee world โอปองแปง Starbugs ไล่กินไปหมด
หลาย ๆ เมนู จนเริ่มชาชิน รู้สึกว่าน้ำตาลในกาแฟ ไม่ว่าจะมาในรูปไหน ก็ไม่ชวนให้
ผมอยากลองอีกต่อไป กลายเป็น เราติดกาแฟ เข้าไปแล้ว ไม่ใช่น้ำตาล หรือกลิ่นไซรับ
หรือวิปครีม ครีมช๊อกโกแล๊ต ฟองนม
คราวนี้พอผมได้ดื่มกาแฟ จริง ๆ โดยตัดเอาน้ำตาลออกไปแล้ว หลัง ๆ มาผมก็เริ่ม
เวียนว่ายตายเกิดในวงเวียนร้านกาแฟกันใหม่ เพราะได้มารู้ทีหลังว่า กาแฟที่ไม่ใส่
น้ำตาลนั้น รสของมันไม่ใช่ว่าจะดีเลย หลายๆ ร้านทำออกมาจะอมเปรี้ยว บางร้าน
ก็ไม่รู้ว่าเอากาแฟอะไรมาชงถึงได้ขมขนาดนั้น
วันดีคืนดีก็ได้ไปเที่ยว "เวียดนาม" ครับ ได้รู้จักกับวิธีการชงกาแฟแบบหนึ่ง ทีเรียกว่า
ดริฟ (คนเวียดนามเรียกอะไรไม่ทราบ) ซึ่งมันง่าย รสดี กลิ่นหอม แต่จะแรงหน่อย
เขาทำกันแบบจริง ๆ จัง ๆ ตั้งแต่โรงแรมหรู ยันอาหมวยข้างถนนก็ดริฟกันถ้วนหน้า
แล้วก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ กลับมาที่ไทย เดินเข้าร้านกาแฟร้านหนึ่งสั่งลาเต้เย็นมาดื่ม
สิ่งที่ได้มาคือกาแฟไร้น้ำแข็ง ที่หน้าตาประหลาด ๆ เหมือนเอากาแฟร้อนไปแช่เย็น
แล้วเติมนมมาให้เรา รสดีมาก นุ่มมาก ๆ จนอดถามไม่ได้ คำตอบคือ มันเป็นกาแฟที่
ได้มาจากการดริฟ แบบเย็น....???
จากที่ว่าซื้อกาแฟกินวันละแก้วสองแก้วมากว่า 5 ปีแล้ว บวกกับเทรนด์ฮิปส์เตอร์ชงกาแฟ
ขึ้นกระทู้แนะนำในช่วงนี้ ทำให้เกิดกิเลสอยากลองของขึ้นมา
คำถามคือใครที่ดริฟกาแฟทานเองบ้าง ผมอยากรู้ว่า ไอ้ถ้วยดริฟแบบเวียดนาม กับ
ถ้วยดริฟแบบไดโสะ ใช้กระดาษ มันต่างกันยังไง แล้วถ้าจะถามถึงดริฟเย็น ๆ มันคืออะไร
ครับ เอาน้ำเย็นเทใส่แทนน้ำร้อน แล้วแทงเข้าไปวางในตู้เย็นเลย ??? มีใครทำกันบ้าง
ผมวันก่อนลงทุนไปซื้อลาเต้ร้อนมา 1 แก้ว ไม่กินครับ ซื้อเสร็จพุ่งเข้าตู้เย็น แช่แม่มเบย
ออกมาสรุปแว่ เห้ยใกล้เคียงเหมือนกัน แต่กาแฟมันเหมือนจะอ่อนไป ยังกับว่ากำลังดื่มนม
กลิ่นกาแฟ ใครรู้ใครเป็นแนะนำหน่อยครับ