(ให้ภาพเล่าเรื่อง)เมื่อพวกเราใช้เวลาว่างในช่วงปีใหม่ไปสร้างศูนย์การศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขา ในจังหวัดเชียงใหม่



สวัสดีครับ นี่คงเป็นกระทู้รีวิวบันทึกการเดินทางครั้งแรกของผม ที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศหนาวๆดีๆที่หมู่บ้านบราโกร อำเภอออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 17 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2557 - 11 มกราคม 2558

ซึ่งเป็นครั้งแรกในการเขียนอะไรยาวๆแบบนี้ของผม ซึ่งอาจจะใช้ภาษางงๆหน่อย ยังไม่เก่ง ยังไงก็กราบขออภัยด้วยนะครับ 555

พวกผมมาจากกลุ่ม " สานใจโดม " จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรามีจุดประสงค์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยภูเขาชนบทให้ดูขึ้น โดย concept หลักๆ คือการไปสร้างอาคารอเนกประสงค์ พบปะพูดคุยกับชาวบ้านถึงปัญหาและสิ่งที่เขาต้องการ และพัฒนาการศึกษาให้กับโรงเรียนชนบทชาวเขา
โดยเราจัดครั้งนี้เป็นปีที่ 14 แล้ว เราได้มีการไปสำรวจพื้นที่ที่ต้องการสร้างอาคารศูนย์การศึกษาเพิ่มนั่นคือ หมู่บ้านบราโกร อำเภออมก๋อย จังหวัด เชียงใหม่
และต่อจากนี้ไปจะเป็นเรื่องราวของผม บวกกับภาพถ่ายบรรยากาศของผมที่ไปเก็บมาครับ




เราจะทำงานกันแบ่งเป็น 2 ทีมคือ
1.ฝ่ายโครงสร้าง เราจะเน้นใช้แรงงานในการสร้างอาคารศูนย์การศึกษา
2.ฝ่ายสวัสดิการ ฝ่ายหาเลี้ยงปากท้องให้พวกเราครับ นั่นคือทำอาหารให้กินทุกมื้อนั่นเอง
3.ฝ่ายสันทนาการ เป็นฝ่ายสอนหนังสือให้กับเด็กๆบนดอยครับ

บ้านบราโกร มาจากคำว่า “บรา” หมายถึง ค้างคาว “โกร” หมายถึง ห้วย ชาวบ้านอาศัยมาประมาณ 80 ปี เดิมทีชาวบ้านเข้ามาเพื่อประกอบอาชีพไม่ถึงสิบครอบครัว ต่อมาประชากรขยายเพิ่มขึ้น เดิมทีบ้านบราโกรขึ้นอยู่กับ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ปัจจุบันอยู่เขตการปกครองหมู่ 15 ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ประชากรชาติพันธุ์กะเหรี่ยง(สกอร์) ใช้ภาษาถิ่นหรือที่เรียกกันว่า  กะเหรี่ยงสกอร์ ชาวบ้านประกอบอาชีพ ทำไร่ ทำนา  นับถือศาสนา พุทธ คริสต์ ผี
การคมนาคม
ถนนรุกรัง  เดินทาง ทางรถยนต์ ระยะทางในการเดินทางจากอมก๋อยเข้ามาแม่ตื๋น 76 กิโลเมตร เดินทางจากแม่ตื่นขึ้นมาทางเส้นขุนตื่นใหม่ 50 กิโลเมตร  หรือเดินทางขึ้นเส้นทางหมู่บ้านพะกะเช 21 กิโลเมตร
(ข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเชียงใหม่ )

พวกเราใช้เวลาเดินทางขึ้นดอยประมาณ 2 ชมกว่า ซึ่งทางคมนาคมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เจอดินลูกรัง ดินฝุ่น มากมาย ผ่านลำธารธรรมชาติมากมาย กับภูเขาสุดโหด  ซึ่งถ้าใครไม่มีประสบการณ์ในการขับรถไปหมู่บ้านนี้และอยากไปครั้งแรก ไม่แนะนำอย่างยิ่งเลยครับ เพราะมันอันตรายมาก และยิ่งหน้าฝนเดินจะเละมากครับ เดินทางอันตรายมาก ต้องรอเดินให้แห้งอย่างต่ำวันนึงอะครับถึงจะเดินทางได้

บรรยากาศหมู่บ้านบนดอยแห่งนี้ เราสามารถหายใจเข้าได้เต็มปอดจริงๆ เพราะมันบริสุทธิมาก และช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวด้วย พอดวงอาทิตย์จะบัยบายขอบฟ้าเมื่อไหร่ เตรียมเสื้อกันหนาวใส่สองชั้นได้เลยครับ เพราะมัน หนาว มาก 555

มาเริ่มกระบวนการสร้างกันเลยดีกว่า
นี่คือพื้นที่ที่ถมดินไว้สร้างอาคารครับ



เรามาเริ่มสร้างกันเลยครัช

ตอนแรกเราจะขุดดินเพื่อตอกไม้เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมและใช้เส้นเอ็นวัดครับ เพื่อหาจุดในการลงเสา วันแรกแค่ขุดดินก็หมดไปทั้งวันละครับ 555
หลังจากนั้นก็ทำการปรับระดับหน้าดินของหลุมเพื่อทำให้เวลาลงเสานั้นมีค่าเบี้ยวให้น้อยที่สุด
และเราจะมีทีมสาวสวยอีกชุดนึงเพื่อทำเหล็กดัดครับ





นางแบบสุดสวยของเรากำลังดัดเหล็กอยู่ฮะ





จะขึ้นเสาละครับ ตอนนี้เรากำลังทำพิธีขึ้นเสาอยู่ครับ



ขึ้นเสาแล้ว ใช้แรงคนเยอะมาก



อันนี้คือเครื่องวัดระดับน้ำครับ เอาไว้วัดว่าเสาเบี้ยวหรือเปล่า


ทีเนี้ย พอเราขึ้นเสากันครบแล้ว เราก็จะมาทำหลังคากันละครับ พอดีทีมเรามีคนขึ้นหลังคาเป็นแค่สองสามคน ต้องขอให้ชาวบ้านมาช่วยขึ้นด้วยละครับ






บางทีพวกเราทำงานอะไรบางอย่างไม่เสร็จ เราก็ทำ OT นอกเวลากันด้วยครับ เพื่อผลงานตัวอาคารที่ดีให้กับชาวบ้าน ก็เลิกดึกกันมากๆด้วย เราก็มีรางวัลตบท้ายคือการ ออซิ ครับ (ศัพท์ชาวบ้าน ลองหาความหมายในอากู๋เอานะครับ)




ทุกๆเช้ากิจวัตรของเราจะตื่นมาเคารพธงชาติ และออกกำลังกายก่อนอาหารเช้าที่หน้าโรงเรียนครับ โดยมีจะคนมาเป็นตัวแทนในการชักธงเคารพธงชาติ นำสวดมน และหาคนมานำเต้นแอโรบิคง่ายๆห้าหกท่าครับ ใครมาสายโดนจับทำโทษล้างจานด้วยครับ55





เดี๋ยวคราวหน้ามาต่อเรื่องปากท้องของพวกเรา วิถีชีวิตชาวบ้าน และบรรยากาศรอบๆครับ

ยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มเท่เท่เท่เท่เท่เท่เท่เท่เท่เท่หัวใจหัวใจหัวใจหัวใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่