สรุป!! โทรคมนาคมและการสือสาร (เพิ่มเติม) ประจำวัน 22/12/2557

( ข้อจำกัดด้านข้อความ ข่าวที่เหลือ UP ผ่าน ช่องทางอื่นแทนครับรวมไว้เยอะ หรือค้นหาข่าวเก่าผ่าน GOOGLE โดยพิมม์ magawn19 นำหน้า หรือ magawn19.blogspot.com )


1....                 กสทช.ออกประกาศให้ผู้ใช้ซิมแบบเติมเงิน ลงทะเบียนซิมแสดงตัวตน ตั้งแต่ 1 ก.พ.-31 ก.ค.58 หากไม่มาลงทะเบียนซิมจะมือถือไม่ได้
2....                 TRUE ประกาศแผนขายสินทรัพย์เพิ่มเติมให้กับ TRUEIF ได้แก่ ใยแก้วนำแส่งไม่เกิน 8,000 กม.และเสาโทรคมนาคมจำนวน 350 เสา
3....                 "ซูเปอร์บอร์ด" อนุมัติแผนฟื้นฟู TOT CAT โดยให้ตั้งบริษัทขึ้นมาร่วมกัน เป็น บริษัท โครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแห่งชาติ


___________________________________


(เพิ่มเติม)
1.....              เลขาธิการ กสทช.ฐากร ระบุ 1.หากทำการสุ่มตรวจนับได้ถึง 10% ของคูปอง และไม่พบข้อผิดพลาด ให้จ่ายเงิน 50% ของจำนวนเงินที่ขอเบิกแต่ละงวด (หลังหักเงินประกัน และภาษีหัก ณ ที่จ่าย) 2.เมื่อสุ่มตรวจนับถึง 30% ให้จ่ายเงิน 70% และ 3.หากทำการสุ่มตรวจนับ 50% ให้จ่ายเงิน 90%              
2.....             ธวัชชัย-สุภิญญา ชี้ SCL ผู้ถือหุ้นหลัก "สปริงนิวส์ทีวี" ทีวีดิจิทัลช่องข่าว แนะให้ลดการถือหุ้น NATION ไม่เกิน 10% ในช่องทีวีดิจิทัลประเภทเดียวกัน
3.....             JAS ระบุ ก.ล.ต. ด้อนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 คาดสรุปราคาเสนอขายสุดท้ายในช่วงต้นเดือน ก.พ.58
4.....             สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ร้องนายกฯ พิจารณาชะลอยกร่าง ก.ม.ดิจิทัล หลังพบเนื้อหาเน้นควบคุมแถมละเมิดสิทธิ์ มีการหมกเม็ดให้อำนาจแก่หน่วยงานรัฐ โดยปราศจาการการตรวจสอบจากกฎหมายหรือหน่วยงานใดๆ


ธวัชชัย-สุภิญญา ชี้ SCL ผู้ถือหุ้นหลัก "สปริงนิวส์ทีวี" ทีวีดิจิทัลช่องข่าว แนะให้ลดการถือหุ้น NATION ไม่เกิน 10% ในช่องทีวีดิจิทัลประเภทเดียวกัน
ประเด็นหลัก



นายธวัชชัย กล่าวว่าหลังจากอนุฯกฎหมายมีความเห็นให้ยึดหลักเกณฑ์ก่อนประมูลและหลังประมูลเป็นแนวทางกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล หลังจากนี้สำนักงาน กสทช. จะต้องกำหนดวาระประชุมบอร์ด กสท. ซึ่งอาจเป็นวันจันทร์ที่ 26 ม.ค.นี้ เพื่อให้ บอร์ด กสท.พิจารณากรณีโซลูชั่น ผู้ถือหุ้นหลัก "สปริงนิวส์ทีวี" ทีวีดิจิทัลช่องข่าว ซื้อหุ้นเนชั่น ผู้ถือหุ้นหลัก "เนชั่นทีวี" ทีวีดิจิทัลช่องข่าว สัดส่วน 12.27% ซึ่ง"ขัดหลักเกณฑ์" ตามประกาศฯ ที่กำหนดให้ผู้มีผลประโยชน์ร่วมกัน ถือหุ้นไม่เกิน 10% ในช่องทีวีดิจิทัลประเภทเดียวกัน

รวมทั้ง"ขัดหลักเกณฑ์" การกำกับเพื่อการแข่งขันแบบเสรีเป็นธรรมในกิจการโทรทัศน์ ของพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 หมวด "การป้องกันการผูกขาด" มาตรา 31 ที่ระบุว่า เพื่อป้องกันมิให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งครอบงำกิจการในลักษณะที่เป็นการจำกัดโอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ที่มาจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย หรือกระทำการอันเป็นการผูกขาดการประกอบกิจการสื่อมวลชนหลายประเภทในเวลาเดียวกัน ห้ามผู้รับใบอนุญาตถือครองธุรกิจในกิจการประเภทเดียวกัน หรือครองสิทธิข้ามสื่อในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่ใช้คลื่นความถี่เกินสัดส่วน ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

มาตรา 31 ยังระบุว่าในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตแก้ไขการฝ่าฝืนนั้นภายใน 90 วัน เพื่อให้การถือครองธุรกิจเป็นไปตามประกาศดังกล่าว

ดังนั้นในการประชุม กสท. เพื่อพิจารณากรณีดังกล่าว หากบอร์ด กสท. มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยอิงมติ อนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย จะต้องมีการออกคำสั่งทางปกครอง ให้ผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ปฏิบัติตามเงื่อนไขประกาศฯ กรณีนี้โซลูชั่น ในฐานะบริษัทแม่ช่องสปริงนิวส์ทีวี แก้ไขสัดส่วนการถือหุ้นในเนชั่น บริษัทแม่ช่องเนชั่นทีวี ตามเงื่อนไขประกาศฯ จาก 12.27% เหลือไม่เกิน 10% ซึ่งกรณีที่ บอร์ด กสท.ออกมติเป็นคำสั่งทางปกครอง ผู้รับใบอนุญาตจะต้องปฏิบัติภายใน 90 วัน ซึ่งแนวทางปฏิบัติต่อกรณีดังกล่าวจะต้องออกมาเป็นมติในการประชุมบอร์ด กสท. อีกครั้ง

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/media/20150122/630185/โซลูชั่นถือหุ้นเนชั่นขัดเงื่อนไขทีวีดิจิทัล.html
_____________________________________________________





JAS ระบุ ก.ล.ต. ด้อนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 คาดสรุปราคาเสนอขายสุดท้ายในช่วงต้นเดือน ก.พ.58
ประเด็นหลัก


แหล่งข่าวผู้บริหารจาก บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ต จัสมิน(JASIF) ที่มีมูลค่ากองทุนประมาณ 5.5-5.7 หมื่นล้านบาท จำนวนหน่วยลงทุน 5,500 ล้านหน่วย ในช่วงปลายเดือน ม.ค.58 ซึ่งจะกำหนดเป็นช่วงราคาขายเบื้องต้น หลังจากนั้นจะสำรวจความต้องการ (Book Build) ของนักลงทุนสถาบัน ก่อนสรุปราคาเสนอขายสุดท้ายในช่วงต้นเดือน ก.พ.58

http://www.ryt9.com/s/iq05/2076878

_____________________________________________________











เลขาธิการ กสทช.ฐากร ระบุ 1.หากทำการสุ่มตรวจนับได้ถึง 10% ของคูปอง และไม่พบข้อผิดพลาด ให้จ่ายเงิน 50% ของจำนวนเงินที่ขอเบิกแต่ละงวด (หลังหักเงินประกัน และภาษีหัก ณ ที่จ่าย) 2.เมื่อสุ่มตรวจนับถึง 30% ให้จ่ายเงิน 70% และ 3.หากทำการสุ่มตรวจนับ 50% ให้จ่ายเงิน 90%
ประเด็นหลัก

       นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ที่ประชุม กสทช. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสำหรับคูปองดิจิตอลตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเสนอความเห็นมา คือ 1.หากทำการสุ่มตรวจนับได้ถึง 10% ของคูปอง และไม่พบข้อผิดพลาด ให้จ่ายเงิน 50% ของจำนวนเงินที่ขอเบิกแต่ละงวด (หลังหักเงินประกัน และภาษีหัก ณ ที่จ่าย) 2.เมื่อสุ่มตรวจนับถึง 30% ให้จ่ายเงิน 70% และ 3.หากทำการสุ่มตรวจนับ 50% ให้จ่ายเงิน 90%
    
       สำหรับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีการแจกคูปองไปแล้วในรอบที่ 1, 2, 3 แต่ยังไม่ได้รับคูปองให้รีบติดต่อขอรับได้ยังไปรษณีย์เขตพื้นที่ที่บ้านตั้งอยู่ โดยทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) แจ้งว่า ได้เปิดช่องพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนให้ติดต่อรับคูปองได้โดยเฉพาะแล้ว
    
       ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้รับจาก ปณท พบว่า ปัจจุบันไปรษณีย์ได้มีการนำส่งคูปองทั้ง 3 ล็อต จำนวน 7,045,896 ฉบับ ไปยังบ้านประชาชนแล้ว โดยประชาชนได้รับคูปองแล้ว 6,224,448 ฉบับ คิดเป็น 88.34% ยังคงค้างอยู่ที่ไปรษณีย์เนื่องจากนำจ่ายแล้วไม่มีผู้รับ 821,943 ฉบับ คิดเป็น 11.66% ซึ่งสำนักงาน กสทช. ขอแจ้งไปยังเจ้าบ้าน จำนวน 821,943 ครัวเรือนดังกล่าวให้รีบไปติดต่อขอรับคูปองจากไปรษณีย์เขตพื้นที่ที่บ้านตั้งอยู่โดยเร็ว
    


http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000008140&Keyword=%A1%CA%B7
_____________________________________________________




สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ร้องนายกฯ พิจารณาชะลอยกร่าง ก.ม.ดิจิทัล หลังพบเนื้อหาเน้นควบคุมแถมละเมิดสิทธิ์ มีการหมกเม็ดให้อำนาจแก่หน่วยงานรัฐ โดยปราศจาการการตรวจสอบจากกฎหมายหรือหน่วยงานใดๆ
ประเด็นหลัก


สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ในฐานะองค์กรของผู้ประกอบวิชาชีพการผลิตข่าวออนไลน์ ซึ่งจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากร่างกฎหมายดังกล่าว ได้ประชุมหารือกันเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว มีความเห็นเบื้องต้นเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้


1. สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์สนับสนุนหลักการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ “ดิจิทัล” มาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยหากจะมีการผลักดันดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการเร่งรัดออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน

2. เนื้อหาของร่างกฎหมายหลายฉบับ มีลักษณะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของประชาชน ซึ่งจะมีผลในการจำกัดเสรีภาพ ในการแสดงความเห็นผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อันเป็นการออกกฎหมายที่ไม่ส่งเสริมหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาบางส่วนที่จำกัดการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วย

3. พนักงานเจ้าหน้าที่ในร่างกฎหมายหลายฉบับ ถูกกำหนดให้มีอำนาจอย่างไร้ขอบเขตและปราศจากการกลั่นกรอง หรือมีการรับรองการใช้อำนาจเข้าตรวจค้นจับกุม ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิ์ของเอกชน เช่น การให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจับกุมโดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการขยายขอบเขตการให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายอื่นๆ ที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงง่ายต่อการใช้อำนาจไปในทางที่ผิดจนเป็นการรบกวนสิทธิ์ของประชาชน

4. ลักษณะของเนื้อหาตามร่างกฎหมายบางฉบับ มีการหมกเม็ดให้อำนาจแก่หน่วยงานรัฐ โดยปราศจาการการตรวจสอบจากกฎหมายหรือหน่วยงานใดๆ ซึ่งถือเป็นการผิดวิสัยของการร่างกฎหมาย ที่ไม่เป็นตามมาตรฐานของการบัญญัติกฎหมาย หรือเข้าข่ายการร่างกฎหมายตามอำเภอใจ ซึ่งหากไม่มีการพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว กฎหมายที่ออกมาก็จะเป็นกฎหมายที่ขัดกับหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance)

5. เนื้อหาของร่างกฎหมายหลายฉบับ มีลักษณะของการ “ควบคุม” มากกว่า “ส่งเสริม” การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยดิจิทัล ตามเจตนารมณ์ที่รัฐบาลประกาศต่อสาธารณชน ซึ่งอาจจะมีผลให้ภาคธุรกิจต่างประเทศถอนหรือยกเลิกการลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ด้วยเหตุผลข้างต้น สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ จึงขอเรียกร้องมายัง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวทั้ง 10 ฉบับ และเปิดการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง เพื่อให้การพิจารณาผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาล เป็นไปด้วยความรอบคอบ และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในระยะยาวต่อไป.


http://www.thairath.co.th/content/476452
_____________________________________________________

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่