เริ่มเล่าเลยนะคะ
ตัวเราเองมีความคิดที่อยากจะนำเรื่องราวในชีวิตจริงของตัวเองมาแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังเพื่อให้กำลังใจหลายๆคนนะคะ
เราเองเป็นวัยรุ่นคนนึง อายุประมาน 20 นิดๆ เป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง แต่กว่าจะผ่านมาถึงตอนนี้ได้ก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่สมัยประถมปลายเกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดหนักในชีวิตที่สุดเลยคือทั้งพ่อและแม่ของเราได้เสียชีวิตทั้งคู่ โดยเสียชีวิตไล่เลี่ยกันประมานระยะนึงนะคะ ความรู้สึกแรกเลยที่เรามีคือ ขาดเสาหลักในชีวิตของเราไปทั้งคู่ เราจะอยู่ยังไง เราจะใช้ชีวิตยังไง ตอนนั้นจนถึงตอนนี้คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดกับเราคือน้า พี่ชาย พี่สาว และยายค่ะ เป็นคนที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ได้ หลังจากพ่อและแม่เสียแล้วดูเหมือนเรื่องร้ายๆก็ไม่จบง่ายๆ บ้านที่พ่อเป็นเจ้าของก็โดนธนาคารยึดไปทำให้ต้องหาบ้านเช่าเพื่อจะได้มีที่อยู่
เพราะความที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรจึงทำให้เรามีความคิดในตอนเด็กๆตอนนั้นว่า ทำอะไรช่วยที่บ้านได้บ้าง ตอนนั้นก่อนเข้ามัธยมก็หัดทำงานพิเศษค่ะ ช่วยขายของ ขายหนังสือ จนมาถึงช่วงมัธยมปลายก็จะเริ่มทำงานพิเศษแบบจริงจัง เสาร์-อาทิตย์และช่วงปิดเทอมก็นี่เลยค่ะ 7-11 สลับกับการไปทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งเป็นพนักงานเสิร์ฟ วันอาทิตส์จะหนักหน่อยค่ะเรียน รด. เสร็จทำงานต่อเป็นแบบนี้มาตลอดจนจบมัธยมปลาย วันธรรมดาไม่ได้ทำงานพิเศษมากเท่าไหร่เพราะเราเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียนค่ะ
มาถึงช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงนี้เหนื่อยที่สุดแล้วค่ะ เพราะเราทำงานทุกวันหลังเลิกเรียนช่วงประมาน 17.00 ทำงานถึงประมาน 23.00 ทุกวัน ตื่นเช้ามาเรียน เป็นแบบนี้ จันทร์-ศุกร์ค่ะ เสาร์-อาทิตย์ อย่าคิดว่าจะพักนะคะเสียดายเงินค่ะ5555 เหมือนเดิมค่ะทำงานเต็มวันวันเสาร์ อาทิตย์เรียน รด.กลับมาทำงานต่อค่ะ (เรียนจนถึงช่วงมหาลัยปีสองก็จบ รด.ปีห้าค่ะ) เป็นแบบนี้จนถึงช่วงปีสามค่ะ เกิดอุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดทำงานไปประมานครึ่งปี ทำให้ช่วงปีสี่ที่ต้องทำโปรเจคจบที่บ้านบอกว่าเลิกทำงานพิเศษไปก่อนเลยจนกว่าจะจบเพราะโปรเจคจบต้องใช้เวลาในการทุ่มเทกับมันเยอะมากค่ะ ช่วงระยะเวลาตลอด ปี1-3 เราไม่เคยขอเงินที่บ้านใช้เลย เราจะนำเงินจากการทำงานพิเศษไปเรียนทุกๆวัน และจะพยายามแบ่งเงินต่อเดือนที่ได้ให้กับน้าด้วย ประมาน1000บ้างหรือ500บ้างตามเงินเดือนที่เราทำได้เดือนนั้นน่ะค่ะ
การใช้ชีวิตแบบนี้มันทั้งเหนื่อยทั้งท้อและรู้สึกอยากจะหยุดมากๆเลยนะคะ บางเวลาที่เพื่อนๆเลิกเรียนไปเที่ยวกันเราก็เคยมีความรู้สึกอยากไปบ้างนะคะ แต่ด้วยเราต้องทำงาน ต้องเก็บเงินทำให้ไม่ค่อยได้มีช่วงเวลาแบบนั้นในชีวิตเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทางบ้านสอนเราโดยไม่ใช้คำพูดใดๆก็คือ การให้เราตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองค่ะ ตั้งแต่ที่พ่อและแม่เสีย จนถึงตอนนี้ ทางบ้านเราไม่เคยมาคอยชี้ว่าอะไรถูกผิด เค้าให้เราลองถูกและผิดเอง ตัดสินใจเอง ทำให้เรากลายเป็นคนเข้มแข็งมากๆ และกล้าตัดสินใจ การที่เราทำงานพิเศษใดๆก็ตามทางบ้านไม่เคยบังคับหรือพูดซักคำว่าไม่มีเงินให้ไปเรียนนะคะ เราเลือกที่จะทำเองเพราะอยากจะช่วยเค้าให้มากที่สุด แต่สุดท้ายคนที่ช่วยเราในยามที่เราล้มและลำบากจริงๆก็คือครอบครัวของเรานี่แหละค่ะ ตัวช่วยพิเศษที่สำคัญมากๆในชีวิตเลยก็คือเพื่อนค่ะ เรามีเพื่อนที่ดีคอยอยู่ข้างๆตลอดเวลา ชีวิตเราอาจจะยังไม่ได้ลำบากมากกว่าคนอีกหลายๆคนนะคะ การที่เราคิดมาเสมอว่ายังมีอีกหลายคนบนโลกนี้ที่ลำบากมากกว่าเรา เรายังโชคดีกว่าเค้าอีกมากทำให้เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องชีวิตย่อๆของเรานะคะ หวังว่าเรื่องของเราจะทำให้เพื่อนบางคนที่ท้อแท้มีกำลังใจมากขึ้นนะคะ
ปล. เราคิดเสมอว่าการทำงานทุกสิ่งที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและเป็นอาชีพสุจริตไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะ วันนี้เราอาจจะลำบากแต่เมื่อไหร่ที่เราผ่านจุดนั้นมาได้ เราจะมองปัญหาในชีวิตของเราเล็กลงค่ะ
ปล. อีกทีค่ะ แหะๆ > <
การที่วัยรุ่นหรือเด็กหลายๆคนในสมัยนี้ เอาเหตุผลของการขาดพ่อหรือแม่ มาเป็นเหตุผลในการทำเรื่องที่ไม่ดี หรือทำตัวไม่ดี เกเร เราคิดว่าการขาดพ่อหรือแม่ไม่ใช่ต้นเหตุของการกระทำนั้นค่ะ การที่เราจะทำอะไรก็ตามทุกอย่างในชีวิตของเรา มันอยู่ที่เราเลือกเองค่ะ เราตัดสินใจเอง เหตุผลนั้นก็แค่ปัจจัยนึงแต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการกระทำค่ะ ชีวิตของเราเลือกทางเดินเองได้ เลือกที่จะทำได้ ไม่มีใครมาบังคับให้เราทำอะไรที่ไม่ดีได้หรอกนะคะ ^^
ชีวิตที่ขาดพ่อและแม่....
ตัวเราเองมีความคิดที่อยากจะนำเรื่องราวในชีวิตจริงของตัวเองมาแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังเพื่อให้กำลังใจหลายๆคนนะคะ
เราเองเป็นวัยรุ่นคนนึง อายุประมาน 20 นิดๆ เป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง แต่กว่าจะผ่านมาถึงตอนนี้ได้ก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่สมัยประถมปลายเกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดหนักในชีวิตที่สุดเลยคือทั้งพ่อและแม่ของเราได้เสียชีวิตทั้งคู่ โดยเสียชีวิตไล่เลี่ยกันประมานระยะนึงนะคะ ความรู้สึกแรกเลยที่เรามีคือ ขาดเสาหลักในชีวิตของเราไปทั้งคู่ เราจะอยู่ยังไง เราจะใช้ชีวิตยังไง ตอนนั้นจนถึงตอนนี้คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดกับเราคือน้า พี่ชาย พี่สาว และยายค่ะ เป็นคนที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ได้ หลังจากพ่อและแม่เสียแล้วดูเหมือนเรื่องร้ายๆก็ไม่จบง่ายๆ บ้านที่พ่อเป็นเจ้าของก็โดนธนาคารยึดไปทำให้ต้องหาบ้านเช่าเพื่อจะได้มีที่อยู่
เพราะความที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรจึงทำให้เรามีความคิดในตอนเด็กๆตอนนั้นว่า ทำอะไรช่วยที่บ้านได้บ้าง ตอนนั้นก่อนเข้ามัธยมก็หัดทำงานพิเศษค่ะ ช่วยขายของ ขายหนังสือ จนมาถึงช่วงมัธยมปลายก็จะเริ่มทำงานพิเศษแบบจริงจัง เสาร์-อาทิตย์และช่วงปิดเทอมก็นี่เลยค่ะ 7-11 สลับกับการไปทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งเป็นพนักงานเสิร์ฟ วันอาทิตส์จะหนักหน่อยค่ะเรียน รด. เสร็จทำงานต่อเป็นแบบนี้มาตลอดจนจบมัธยมปลาย วันธรรมดาไม่ได้ทำงานพิเศษมากเท่าไหร่เพราะเราเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียนค่ะ
มาถึงช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงนี้เหนื่อยที่สุดแล้วค่ะ เพราะเราทำงานทุกวันหลังเลิกเรียนช่วงประมาน 17.00 ทำงานถึงประมาน 23.00 ทุกวัน ตื่นเช้ามาเรียน เป็นแบบนี้ จันทร์-ศุกร์ค่ะ เสาร์-อาทิตย์ อย่าคิดว่าจะพักนะคะเสียดายเงินค่ะ5555 เหมือนเดิมค่ะทำงานเต็มวันวันเสาร์ อาทิตย์เรียน รด.กลับมาทำงานต่อค่ะ (เรียนจนถึงช่วงมหาลัยปีสองก็จบ รด.ปีห้าค่ะ) เป็นแบบนี้จนถึงช่วงปีสามค่ะ เกิดอุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดทำงานไปประมานครึ่งปี ทำให้ช่วงปีสี่ที่ต้องทำโปรเจคจบที่บ้านบอกว่าเลิกทำงานพิเศษไปก่อนเลยจนกว่าจะจบเพราะโปรเจคจบต้องใช้เวลาในการทุ่มเทกับมันเยอะมากค่ะ ช่วงระยะเวลาตลอด ปี1-3 เราไม่เคยขอเงินที่บ้านใช้เลย เราจะนำเงินจากการทำงานพิเศษไปเรียนทุกๆวัน และจะพยายามแบ่งเงินต่อเดือนที่ได้ให้กับน้าด้วย ประมาน1000บ้างหรือ500บ้างตามเงินเดือนที่เราทำได้เดือนนั้นน่ะค่ะ
การใช้ชีวิตแบบนี้มันทั้งเหนื่อยทั้งท้อและรู้สึกอยากจะหยุดมากๆเลยนะคะ บางเวลาที่เพื่อนๆเลิกเรียนไปเที่ยวกันเราก็เคยมีความรู้สึกอยากไปบ้างนะคะ แต่ด้วยเราต้องทำงาน ต้องเก็บเงินทำให้ไม่ค่อยได้มีช่วงเวลาแบบนั้นในชีวิตเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทางบ้านสอนเราโดยไม่ใช้คำพูดใดๆก็คือ การให้เราตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองค่ะ ตั้งแต่ที่พ่อและแม่เสีย จนถึงตอนนี้ ทางบ้านเราไม่เคยมาคอยชี้ว่าอะไรถูกผิด เค้าให้เราลองถูกและผิดเอง ตัดสินใจเอง ทำให้เรากลายเป็นคนเข้มแข็งมากๆ และกล้าตัดสินใจ การที่เราทำงานพิเศษใดๆก็ตามทางบ้านไม่เคยบังคับหรือพูดซักคำว่าไม่มีเงินให้ไปเรียนนะคะ เราเลือกที่จะทำเองเพราะอยากจะช่วยเค้าให้มากที่สุด แต่สุดท้ายคนที่ช่วยเราในยามที่เราล้มและลำบากจริงๆก็คือครอบครัวของเรานี่แหละค่ะ ตัวช่วยพิเศษที่สำคัญมากๆในชีวิตเลยก็คือเพื่อนค่ะ เรามีเพื่อนที่ดีคอยอยู่ข้างๆตลอดเวลา ชีวิตเราอาจจะยังไม่ได้ลำบากมากกว่าคนอีกหลายๆคนนะคะ การที่เราคิดมาเสมอว่ายังมีอีกหลายคนบนโลกนี้ที่ลำบากมากกว่าเรา เรายังโชคดีกว่าเค้าอีกมากทำให้เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องชีวิตย่อๆของเรานะคะ หวังว่าเรื่องของเราจะทำให้เพื่อนบางคนที่ท้อแท้มีกำลังใจมากขึ้นนะคะ
ปล. เราคิดเสมอว่าการทำงานทุกสิ่งที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและเป็นอาชีพสุจริตไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะ วันนี้เราอาจจะลำบากแต่เมื่อไหร่ที่เราผ่านจุดนั้นมาได้ เราจะมองปัญหาในชีวิตของเราเล็กลงค่ะ
ปล. อีกทีค่ะ แหะๆ > <
การที่วัยรุ่นหรือเด็กหลายๆคนในสมัยนี้ เอาเหตุผลของการขาดพ่อหรือแม่ มาเป็นเหตุผลในการทำเรื่องที่ไม่ดี หรือทำตัวไม่ดี เกเร เราคิดว่าการขาดพ่อหรือแม่ไม่ใช่ต้นเหตุของการกระทำนั้นค่ะ การที่เราจะทำอะไรก็ตามทุกอย่างในชีวิตของเรา มันอยู่ที่เราเลือกเองค่ะ เราตัดสินใจเอง เหตุผลนั้นก็แค่ปัจจัยนึงแต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการกระทำค่ะ ชีวิตของเราเลือกทางเดินเองได้ เลือกที่จะทำได้ ไม่มีใครมาบังคับให้เราทำอะไรที่ไม่ดีได้หรอกนะคะ ^^