
ดาวโจนส์ - 106.38 จุด / 17,320.71
น้ำมัน - 2.23 ดอลลาร์ / 46.25
ทองคำ +30.30 ดอลลาร์ / 1,264.80
น้ำมันลงหนัก หุ้นสหรัฐฯร่วง-ทองคำทะยานหลังสวิสปลดล็อคค่าเงินฟรังก์
อลล์สตรีทเจอร์นัล/เอเอฟพี
- ราคาน้ำมันกลับมาลงหนักอีกครั้งในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) หลังยังคงกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ ส่วนวอลล์สตรีทร่วงหนักและทองคำทะยานสูงสุดรอบ 4 เดือน จากความกังวลต่อความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสวิตเซอรฺ์แลนด์(SNB)ที่ตัดสินใจยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันพุธ(14ม.ค.) น้ำมันดิบทั้งสองสัญญาทำสถิติปรับขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในวันเดียว นับตั้งแต่ปี 2012 จากการช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไรของนักลงทุนและเป็นการช้อนซื้อระยะสั้นช่วงใกล้วันหมดอายุสัญญา โดยในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ราคายังปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่ท้ายที่สุดก็แกว่งตัวร่วงลงอย่างหนักในช่วงบ่าย
นักวิเคราะห์กล่าวว่าความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆส่งผลให้ราคาน้ำมันกลับมาปิดลบแรงอีกครั้งในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ท่ามกลางรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(14ม.ค.) ซึ่งพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 5.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้
ขณะเดียวกันธนาคารอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ก็ปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันในข่วงไตรมาสแรกลง โดยธนาคารแห่งนี้มองว่าสัญญาเบรนท์ น่าจะร่วงลงแตะระดับ 31 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาสหรัฐฯ จะดิ่งอยู่ราวๆ 32 ดอลลาร์ ท่ามกลางอุปทานที่ยังล้นตลาด
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ปิดลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน จากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเหล่าธนาคารอเมริกาและความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ที่ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิส
ดาวโจนส์ ลดลง 106.38 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,320.71 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 18.60 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,992.67 จุด แนสแดค ลดลง 68.50 จุด (1.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,570.82 จุด
รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของภาคธนาคารยังออกมาน่าผิดหวัง โดยแบงค์ออฟอเมริกามีรายได้สุทธิลดลงร้อยละ 11.3 ฉุดให้หุ้นของธนาคารปิดลบร้อยละ 5.5 ส่วนซิตี้กรุ๊ป มีกำไรหดลงถึงร้อยละ 86 จากค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและปรับโครงสร้างจำนวนมหาศาล ฉุดให้หุ้นของบริษัทร่วงลงร้อยละ 4.3
วอลล์สตรีทเมื่อวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ยังถูกกดดันจากความเคลื่อนไหวในสวิตเซอร์แลนด์ โดยตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ทรุดตัวลง มูลค่าการตลาดหายไปถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%
ค่าเงินฟรังก์สวิสพุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 30 เพียงไม่กี่นาทีหลังการประกาศของ SNB โดยดีดตัวแตะ 0.8052 ฟรังก์สวิสต่อยูโร หลังจากที่ SNB ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 กันยายน 2011 เพื่อควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสในขณะนั้นไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
ความเคลื่อนไหวอันน่าประหลาดใจของสวิตเซอร์แลนด์ ก่อความตื่นตระหนกแก่นักลงทุนในตลาดทุน และขณะเดียวกันก็กระตุ้นความต้องการถือครองทองคำที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้เมื่อวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 2 แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 30.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,264.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
รวมข่าวหุ้น 16/1/58
ดาวโจนส์ - 106.38 จุด / 17,320.71
น้ำมัน - 2.23 ดอลลาร์ / 46.25
ทองคำ +30.30 ดอลลาร์ / 1,264.80
น้ำมันลงหนัก หุ้นสหรัฐฯร่วง-ทองคำทะยานหลังสวิสปลดล็อคค่าเงินฟรังก์
อลล์สตรีทเจอร์นัล/เอเอฟพี
- ราคาน้ำมันกลับมาลงหนักอีกครั้งในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) หลังยังคงกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ ส่วนวอลล์สตรีทร่วงหนักและทองคำทะยานสูงสุดรอบ 4 เดือน จากความกังวลต่อความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสวิตเซอรฺ์แลนด์(SNB)ที่ตัดสินใจยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันพุธ(14ม.ค.) น้ำมันดิบทั้งสองสัญญาทำสถิติปรับขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในวันเดียว นับตั้งแต่ปี 2012 จากการช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไรของนักลงทุนและเป็นการช้อนซื้อระยะสั้นช่วงใกล้วันหมดอายุสัญญา โดยในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ราคายังปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่ท้ายที่สุดก็แกว่งตัวร่วงลงอย่างหนักในช่วงบ่าย
นักวิเคราะห์กล่าวว่าความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆส่งผลให้ราคาน้ำมันกลับมาปิดลบแรงอีกครั้งในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ท่ามกลางรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(14ม.ค.) ซึ่งพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 5.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้
ขณะเดียวกันธนาคารอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ก็ปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันในข่วงไตรมาสแรกลง โดยธนาคารแห่งนี้มองว่าสัญญาเบรนท์ น่าจะร่วงลงแตะระดับ 31 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาสหรัฐฯ จะดิ่งอยู่ราวๆ 32 ดอลลาร์ ท่ามกลางอุปทานที่ยังล้นตลาด
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ปิดลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน จากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเหล่าธนาคารอเมริกาและความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ที่ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิส
ดาวโจนส์ ลดลง 106.38 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,320.71 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 18.60 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,992.67 จุด แนสแดค ลดลง 68.50 จุด (1.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,570.82 จุด
รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของภาคธนาคารยังออกมาน่าผิดหวัง โดยแบงค์ออฟอเมริกามีรายได้สุทธิลดลงร้อยละ 11.3 ฉุดให้หุ้นของธนาคารปิดลบร้อยละ 5.5 ส่วนซิตี้กรุ๊ป มีกำไรหดลงถึงร้อยละ 86 จากค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและปรับโครงสร้างจำนวนมหาศาล ฉุดให้หุ้นของบริษัทร่วงลงร้อยละ 4.3
วอลล์สตรีทเมื่อวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) ยังถูกกดดันจากความเคลื่อนไหวในสวิตเซอร์แลนด์ โดยตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ทรุดตัวลง มูลค่าการตลาดหายไปถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%
ค่าเงินฟรังก์สวิสพุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 30 เพียงไม่กี่นาทีหลังการประกาศของ SNB โดยดีดตัวแตะ 0.8052 ฟรังก์สวิสต่อยูโร หลังจากที่ SNB ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 กันยายน 2011 เพื่อควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสในขณะนั้นไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
ความเคลื่อนไหวอันน่าประหลาดใจของสวิตเซอร์แลนด์ ก่อความตื่นตระหนกแก่นักลงทุนในตลาดทุน และขณะเดียวกันก็กระตุ้นความต้องการถือครองทองคำที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้เมื่อวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 2 แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 30.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,264.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์