จากวัยเฟี้ยว ต้องมาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว

เห็นชื่อกระทู้นี้ยังกะนิยาย พูดเลยว่านี่คือเรื่องจริงของผม อาจจะอ่านแบบงงๆไม่เข้าใจขออภัยด้วยนะครับ

เล่าเลยนะครับ

ผมเนี่ยเพิ่งจะอายุ23  งานการก็กำลังไปได้สวย ทำธุระกิจส่วนตัวที่เรื่องเวลาโคตร free คือทำตอนไหนก็ได้ว่างั้น ก็ติดเที่ยว ทั้งท่องราตรีทั้งต่างจังหวัด ติดเพื่อนด้วย ชีวิตดีอ่ะครับว่าง่ายๆ ฮ่าๆ ผมจะติสท์ๆหน่อย อยากไปไหนก็ไป อยากทำไรก็ทำ อยากตื่นตอนไหนตื่น แต่ก็หาเงินเป็นนะครับเพราะหาเงินเรียนเองมาตั้งแต่ปี 1 เทอม 2 จนเรียนจบ แม้จะขอยืมแม่แบบไม่คืนมาหลายรอบฮ่าๆ เอ้ยยย! แล้วเกี่ยวกับเด็ก และเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวได้ยังไงนะหรอ มาๆ เข้าเรื่องกันเลยอวยตัวเองมาเยอะแล้ว

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้วผม ก็ใช้ชีวิตเสพสุขของผมปกติ แต่ดันในครอบครัว มีปัญหา คือน้องสาววัยเรียนดันท้อง เขาก็ไปอยู่กับแฟนบ้านแฟนเขา จนเวลาผ่านไป 2 ปี ก็เหมือนน้องสาวมีปัญหากันกับแฟนเลิกลากันไป น้องสาวเลยหันหน้ามาเพิ่งผมแบบจำใจ เพราะผมดูเป็นคนเที่ยวไม่เอาไหนในสายตาครอบครัว (แต่จริงๆหาเงินส่งให้แม่ด้วยนะ) ผมนี่พูดแบบพระเอกละครหลังข่าวเลยครับ "หลานพี่พี่ดูแลเอง เดี๋ยวพี่จะเลี้ยงเอง เอามาเลย" เนี่ยเป็นไงละ เท่านั้นแหละ น้องสาวตัดสินใจหอบเจ้าตัวเล็ก(ผุ้ชาย)วัย สองขวบมาให้ผมที่กรุงเทพฯ ซึ้งน้องสาวตัดสินใจกลับไปอยู่ต่างจังหวัดช่วยกิจการแม่ ... ใช่แล้วครับ ผมต้องอยู่กับเด็ก 2 ขวบ 2 คน นั่นหมายถึง การทำหน้าที่พ่อและแม่

วันแรกเลยครับ ผมนี่ก็โลกสวยจินตนาการ จูงมือเด็กน่ารักๆ วัย 2 ขวบ เดินหน้ากันสองคนไปสวนลุมปั่นเรือถีบ นั่งป้อนไอซ์ครีมในห้าง แต่...เจอหน้ากันครั้งแรก ร้องให้ครับ!!!!!! ร้องให้แบบ สี่ห้าชั่วโมงอะครับ คือ ตี 4 ถึง 10 โมง พักกินนมและกินข้าว ร้องให้ต่ออีกหลายชั่วโมง ภาพที่จินตนาการใว้หายหมดครับ วันแรกนอนไม่ได้เลยครับ วันที่ 2 มาเหมือนวันแรกแป๊ะ วันที่ 3 มาดีขึ้นมาหน่อย ผมเลยตัดสินใจลองเปลี่ยนจากนอนคอนโดผมไปคอนโดเพื่อนให้เพื่อนช่วยหยอกล้อจะได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ เผื่อจะดีขึ้น ได้ผลครับ! ดีขึ้นจริงๆ เริ่มเล่น หัวเราะ หยอกล้อ วันที่ 4 กลับมาคอนโดผมเหมือนเดิม ร้องให้เหมือนเดิม ผมนี่กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยครับ สงสาร คิดมาก เครียด ปวดหัว ปวดหลัง(เพราะอุ้ม) ไม่ได้นอน เลยโทรขอกำลังใจจากแม่ มีประโยคหนึ่งแม่พูดว่า "นี่แกเลี้ยงแค่คนเดียว แม่คนเดียวเลี้ยงแก 3 คน อย่ากระจอก" ผมนี่ร้องให้เลยครับ ดราม่าพักนึง ไม่คิดว่าการเลี้ยงคนๆหนึ่งมันจะขนาดนี้ เอาว่ะ!!! เป็นไงเป็นกัน ผมอุ้มเด็กขี้แง ที่น้ำตาอาบหน้า ตาบวม ขี้มูก เดินเข้าห้างเลยครับ ไปร้านหนังสือ หยิบแม่และเด็ก อ่านจิตวิทยาเด็ก พัฒนาการเด็ก ทำทุกอย่าง เสร็จปุ๊บ ใช้ไม่ได้กับผมเลยครับฮ่าๆๆๆ ยกเว้นเรื่องอาการกินอันนี้ใช้ได้ ปกติผมตื่นสาย 10 โมง วันไปเที่ยวก็บ่ายเลยครับ แต่ตอนนี้ต้องตื่น 7 โมง เพื่อจะมาทำกับข้าวตอนเช้าทุกวัน และเตรียมของใว้ออกไปเที่ยวตอนกลางวัน ตอนนอนกลางวัน ผมก็ต้องซักผ้าทำงานบ้าน เก็บของเล่น และเตรียมตัวออกไปจ่ายตลาด ปกติไม่เค๊ยยยย ต้องเดินถือตะกร้าเดินตลาดสด แรกๆโคตรเมื่อเลยครับ ทั้มต้องอุ้ม ถือตะกร้า จ่ายเงิน เพราะเจ้าตัวเล็กไม่ยอมลงเลย หลังๆเดินถือตะกร้าเองเลยครับ วันไหนไม่ได้ไปจ่ายตลาดผมก็จะพาเที่ยวครับ เดินห้าง ขึ้นรถเมย์บ้าง รถไฟฟ้า ไปสวนสาธารณะ ไปเจอเพื่อนๆผม ไปใหว้พระ ไปกันสองคนแบบนี้ตลอดครับ ส่วนเสื้อผ้าก็ซื้อในห้างบ้างมันจะราคาสูงหน่อย ผมต้องสำรองเงินก็จะซื้อที่สวนจตุจักรครับ ถูกและเท่ห์ฮ่าๆเจ้าตัวน้อยชอบทำอะไรก็ทำตามครับ เช่น ซักผ้า ก็จะมีตะกร้าตัวเอง ทิ้งขยะ ก็จะต้องถือคนละถุง ไปจ่ายตลาดก็ต้องมาคนละตะกร้า ทำกับข้าวก็ต้องมีผ้ากันเปื้อนเหมือนกัน เสื้อผ้าเราก็จะใส่คล้ายๆกันครับ บางทีก็ใส่เสื้อคู่เป็นพ่อลูกเลย ผมยาวไปไม่ยอมให้ช่างที่ร้านตัดให้งอแงมากครับ ผมอุ้มกลับมาตัดให้เองเลย ฮ่าาา ทรงผมนี่ฮาไปหลายวัน ไปไหนต้องพกนมกล่อง แพมเพิท ทิชชู่เปียก ทิชชู่ แซมบัค รถคันเล็กๆใว้ตอนโอ๋ตอนร้องให้ ที่น่าตลกตัวเองคือเวลาเจอใครมีลูกวัยเดียวกันผมก็จะเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยน บางคนรู้ว่าผมเลี้ยงคนเดียวถึงกลับให้ไลน์ใว้เผื่อปรึกษา เพื่อนๆผมส่วนใหญ่ก็จะเป็นศิลปิน นักร้องนักดนตรี จากที่มาห้องผมมาปาร์ตี้ กลายเป็นบ้านดนตรีกับโรงเรียนสอนร้องเพลงไปเลยครับฮ่าๆ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กเป็นเด็กร่าเริงและซนมากๆครับชอบฟังเพลงและเล่นดนตรี อายุได้ 2 ขวบกับอีก 2 เดือน ส่วนผมไม่เที่ยวเลยครับ เพราะไปไหนไม่ได้ต้องกล่อมนอน และนอนข้างๆ เรื่องสุราแทบไม่ได้แตะ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสองคนบ้าง  แต่ไม่ได้ไปบ่อยเพราะผมไม่มีเงินเยอะ ต้องสำรองเงินใว้ การเงินวางแผนมากขึ้น ใจเย็นมากขึ้น คิดอะไรเยอะขึ้น เพราะมีเจ้าตัวน้อยเรียกผมว่า "ปะป๊า" อยู่กับผมอีกหนึ่งชีวิต

จุดหมายในชีวิตมันเปลี่ยนไปหมดเลยครับ จากที่คิดจะเที่ยวรอบโลกฮ่าๆ แต่งงานสัก 27 ตอนนี้คิดแต่ จะหาเงินยังไงให้เจ้าตัวเล็กเรียนโรงเรียนดีๆ คิดมากขึ้นว่าจะทำงานอะไรที่จะมีเวลาดูแลเขาเยอะๆ อยากให้เขาได้ใช้ชีวิตในหลายๆรูปแบบ  เข้าใจพ่อกับแม่มากขึ้น เข้าใจมากขึ้นว่าทำใมเด็กต้องร้องเสียงดังเวลาขึ้นเครื่องบิน เข้าใจมากขึ้นทำใมพ่อแม่เด็กคนอื่นทำใมใจดำตีลูกกลางห้าง เข้าใจมากขึ้นว่าการเลี้ยงเด็กไม่ได้มีสิ่งที่ต้องทำแค่ 10-20 ข้อ แต่มีเป็นพันๆข้อ แถมในแต่ละข้อยังมีหมายเหตุเยอะแยะ และที่สำคัญ เข้าใจเลยว่า อาชีพแม่บ้าน ที่เคยมองว่าก็แค่อยู่บ้านเลี้ยงลูก ไม่ได้เป็นแบบที่ผมคิดเลย มันคือภาระที่หนักและเหนื่อยมาก และละเอียดอ่อนที่สุดในการดูแลชีวิตน้อยๆหนึ่งขีวิตประคับประคองจิตใต้สำนึกและพยายามปลูกฝังสิ่งดีๆในความไร้เดียงสา มันไม่ใช่การอ่านหนังสือทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ใช่การแสดงวิธีทำในข้อสอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศ ไม่ใช่การทำงานให้ผ่านโปรในบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศ มันคือการใช้ชีวิตจริงๆ บททดสอบจริง ความสำเร็จไม่ใช่ใบปริญาเกียรตินิยม แต่คือชีวิตที่ดีและมีความสุขของคนอีกคนหนึ่งที่เราทำทุกอย่างเพื่อเขา

สุดท้ายผมขอฝากอะไรใว้นิดนึงในฐานะวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตหนึ่งชีวิตไม่ว่าจะเกิดจากเหตุผลอะไรก็ตาม ความสมบูรณ์แบบของชีวิตไม่ใช่การมีทุกอย่าง แต่คือการได้ใช้ชีวิตและทำชีวิตให้มีค่าและมีความสุข เวลาคือเงื่อนใขสำคัญ เราไม่มีทางรู้ว่าเวลาของเราจะจบลงเมื่อไหร่ ทำในสิ่งที่เรารักและมีความสุข ให้เวลาที่เหลือเวลาที่มีค่าของชีวิต ดูแลคนข้างๆ กอดเขาด้วยความรัก ให้ทุกนาทีของชีวิตมันคุ้มค่า

ขอบคุณที่อ่านกระทู้นี้จนจบ หวังว่าเรื่องราวจากชีวิตของผม จะให้อะไรกับท่านที่อ่านได้บ้าง และยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น ขอบคุณมากๆครับ

*ขอแก้ใขคำผิดนะครับ เพิ่มคำเชื่อมตกหล่นนิดหน่อย อยากเอารูปลงให้ดู แต่ไอดีนี้ลงรูปไม่ได้ ใว้เข้าไปดูใน Facebook Siriphong laonukul IG Beerbssic มีบางท่านหลังไมค์เข้ามา ผมตอบกลับไม่ได้(มันขึ้นว่าไม่สะดวกรับข้อความ) ผมไม่ได้หยิ่งนะครับ 5555
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 115
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 296
พี่ขอแนะนำ ในฐานะครูก็แล้วกันนะคะ  เพราะพี่เป็นครูอนุบาลอยู่ที่ออสเตรเลีย ก็ต้องดูแลตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนจนถึง 5 ขวบค่ะ
แล้วแต่ว่าอยู่ห้องไหน  
อยากแนะนำให้น้องเลี้ยงหลานแบบฝรั่ง  ซึ่งพี่คิดว่ามันเป็นข้อดีที่เราคนไทยควรทำนะ  ตั้งแต่อายุเล็กๆแบบนี้เลย ไม่ใช่ว่าเห่อฝรั่งหรืออะไรนะคะ แต่เคยสัมผัสทั้งรร.ในไทยและต่างประเทศ  เราว่าเลี้ยงดูแบบฝรั่งดีกว่า ดียังไง เลี้ยงยังไง
1.  สังเกตไหม  เด็กฝรั่งจะไม่ค่อยให้แม่อุ้มนะ  ถึงร้องให้อุ้ม พ่อแม่ก็จะไม่อุ้ม  เด็กที่พี่สอนอายุ 1 ขวบก็ต้องเดินเอง ขึ้นบันไดเองแล้ว โดยสอนให้เค้าจับราวบันไดทั้งขึ้นและลง คอยระวังอย่างใกล้ชิดซักอาทิตย์ จากนั้นฉลุย อันนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องตามใจหรือไม่ตามใจอย่างไร  แต่มันเป็นเรื่องของทฤษฏีเลย เด็กที่อยู่กับพ่อแม่และมา childcare ตอนอายุมากกว่า จะมีพัฒนาการในด้านร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการแก้ปัญหาน้อยกว่าเด็กที่มาตั้งแต่เล็กๆ  เพราะฉะนั้นที่เราให้เด็กเดินเอง ให้หยิบโน่นนี่เอง กินข้าวเอง มันเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อของเด็กค่ะ คนไทยจะป้อนข้าว แต่เด็กฝรั่งตักใส่ชามพลาสติก มีช้อนพลาสติก เราอาจจะจับมือเด็กตักอาหารใส่ปากซักวันสองวัน หลังจากนั้นปล่อยค่ะ  ที่ kindy นี่อายุ 10 เดือนเด็กจะกินเองเลย เลอะตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยค่ะ  แต่นั่นคือพัฒนาการของเค้า  กินเสร็จก็ค่อยอาบน้ำเอาก็ได้ แปลกใจมากที่เห็นเด็กไทยบางคน 4-5 ขวบแล้วต้องป้อนอยู่   เด็กเลือกกินก็ต้องจัดการตั้งแต่เด็กค่ะ  ทำเมนูน่ากิน ถ้าถึงเวลาไม่กินไม่ต้องป้อนค่ะ เก็บเลย ไม่มีนม หรือขนมนะคะ ร้องก็ร้องไป  หิวก็หิวไป  ดูๆเหมือนฝึกหมา  แต่ต้องทำแบบนี้จริงๆค่ะ ต้องใจแข็ง  มื้อหน้าพอถึงเวลากินข้าวเค้าก็รู้แล้วว่าต้องกิน

2. สังเกตไหม เด็กฝรั่งไม่ว่าจะไปไหน เค้าจะมีกระเป๋าส่วนตัวของเค้านะ ตั้งแต่ขวบนึงแล้ว  แล้วเค้าจะจำได้ว่านี่คือกระเป๋าเค้า แก้วน้ำเค้า ของเล่นเค้า ฝึกค่ะ เค้าต้องรับผิดชอบตัวเอง กินน้ำเสร็จก็เอาขวดใส่เป้ ขวบนึงอาจจะต้องช่วยปิดเป้ แต่สองขวบนี่สบาย

3. เข้าห้องน้ำ  2 ขวบนี่ต้องเริ่มเลิกผ้าอ้อมแล้วนะคะ  หัดโดยใส่ผ้าอ้อมที่เป็นแบบกางเกงก่อน แล้วให้เค้าเข้าห้องน้ำทุกครึ่งชม.  เช่น ตื่นนอนปุ๊บไปเข้าห้องน้ำ  กินข้าวเสร็จก็ไปเข้าห้องน้ำ  ก่อนนอนกลางวันและหลังตื่นนอนเข้าห้องน้ำค่ะ  ถ้าสังเกตว่าผ้าอ้อมเริ่มไม่มีฉี่ก็ใส่เฉพาะตอนนอน และถ้าตอนนอนไม่เปียกซักอาทิตย์นึงก็ไม่ต้องใส่แล้วค่ะ แต่ต้องบอกให้ไปเข้าห้องน้ำทุกครึ่งชม.

4.  ให้เลือกเสื้อผ้าเอง แต่งตัวเอง ใส่รองเท้าเอง ถึงมันจะช้าก็ต้องทำค่ะ  บางทีก็เลือกมาตลกมากค่ะ ไม่เข้ากัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ ต้องเคารพการตัดสินใจค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ  เท่าที่ฟังนี่ทำได้ดีมากเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่