อยู่ด้วยกันมาได้ 30 ปีแล้วครับ คู่ชายกับชาย คิดไว้นานแล้วว่าถ้าวันนี้มาถึงจริง จะโพสเล่าในพันทิป

ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าผมก็แล้วกันนะครับ  ฟังดูกลาง ๆ ดี เพราะผู้อ่านพันทิปมีหลากหลายช่วงอายุ  ใครอยากคอมเมนต์แล้วเรียกว่าน้าก็ดี แต่เรียกลุง ไม่ค่อยชินเท่าไหร่  ตอนนี้ผมอายุ ๕๔ ส่วนคนที่ผมอยู่ด้วยอายุ ๖๑ ครับ  ที่มาเล่าเรื่องของตัวเองวันนี้  หวังให้เป็นประโยชน์แก่เพศที่สามรุ่นหลัง  พ่อแม่ของเพศที่สามซึ่งคิดไม่ออกว่าอนาคตลูกของตนจะลงเอยอย่างไร  และบุคคลทั่วไปที่สงสัยว่าเพศที่สามซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในสังคมไทยนั้นอนาคตของเขาจะมีชีวิตคู่ที่ยั่งยืนได้หรือเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยและจบลงด้วยการเลิกรากันไปเท่านั้น

เอาที่มาที่ไปก่อนนะครับว่ามาตกล่องปล่องชิ้นกันอย่างไร ช่วงนี้จะพยายามเล่าไม่ให้เหมือนนิยาย เพราะคนในพันทิปชอบมองเรื่องแบบนี้เป็นนิยายไปหมด ไม่อยากโดนว่า “นิยายเชิญไปห้องข้าง ๆ”  น่ะครับ
  
ตอนนั้นผมอายุ ๒๕ เริ่มมีกิจการร้านเช่าหนังวีดีโอที่พ่อแม่ลงทุนเปิดให้ในจังหวัดแห่งหนึ่ง เป็นจังหวัดบ้านเกิดแหละครับ แต่ไม่ใช่กทม.   ก่อนหน้านี้สักประมาณ ๑ ปีได้ ผมไปดูหนังแล้วนั่งติดกับผู้ชายคนหนึ่ง  แต่ผมไม่ได้สนใจ จนกระทั่งหนังจบ ตอนเดินออกมาจากโรง ผู้ชายคนนั้นชวนคุยเรื่องหนัง ว่าตอนจบมันห้วนไป บลา ๆๆ  ก็คุยกันไปเดินออกจากโรงไปแค่สี่ห้านาที  แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

แต่ไม่รู้ทำไมใจผมเต้นตึ้กตั้ก   เหมือนผมรู้ว่าคนนี้เป็นเกย์  สมัยนั้นดูคนเป็นเกย์ไม่แสดงออกยากมากนะครับ แทบไม่มีทางเลยด้วยซ้ำถ้าเขาไม่แสดงตัว   นึกแล้วอยากเขกหัวตัวเองที่ไม่สานต่ออะไรไว้เลย  ก็คนไม่เคยอะนะ  แต่เม็มไว้ในหัวละ  หน้าตาอย่างนี้ ขี่มอเตอร์ไซด์รุ่นนี้สีนี้ อย่าให้เจออีกก็แล้วกัน

ผ่านมาหนึ่งปีจากวันนั้น  เขาไปเช่าหนังที่ร้านผมโดยบังเอิญ เป็นช่วงที่ผมเปิดร้านได้ไม่กี่เดือนเองครับ ตอนนั้นปี 2528 ผมจำเขาได้แม่น แต่เขาจำผมไม่ได้เลย  คราวนี้ผมไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ ก็เลยชวนเขาคุยโน่นนี่ ได้ความว่าเขามาซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านแถวนี้เอง  คุยกันไปสักพักเขาก็คงดูออกว่าผมสนใจเขา

แนะนำชื่อเลยนะครับ เขาชื่อแทน เวลานั้นเขาอายุ ๓๑ ปี แก่กว่าผม ๗ ปี  เป็นคนหนุ่มที่รู้ตัวว่าชอบชายอยู่แล้วนะครับ  อาชีพค้าขาย มีบ้านที่เพิ่งเริ่มผ่อน อยู่คนเดียว แต่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาเยอะแล้ว เป็นคนหน้าตาดี รูปร่างใหญ่ ดูอบอุ่น  คนแบบนี้เหลือมาถึงผม จะเชื่อกันไหมนี่

มารู้ภายหลังว่าเขาคบหาผู้ชายอีกคนอยู่ครับ เป็นสจ๊วต   แต่เขาบอกว่าสจ๊วตคนนั้นไม่ว่าถ้าเขาจะมีอะไรกับคนอื่น เพราะนาน ๆ ถึงจะเจอสจ๊วตคนนั้นสักที   พอผมสนิทกับแทนได้ไม่กี่วันก็มีอะไรกันแล้ว  ผู้ชายกับผู้ชายมีอะไรกันง่ายครับ จากนั้นผมก็ขนข้าวของเข้ามาอยู่บ้านเขาเลยครับ ทีละนิด ทีละหน่อย บ้านเขากับร้านผมอยู่ห่างกันแค่เดินห้านาทีเอง  สุดท้ายผมก็ยึดครองพื้นที่  อีกหลายเดือนต่อมาเขาก็บอกเลิกสจ๊วตคนนั้น เขาบอกว่าระยะทางเป็นอุปสรรค  เขาต้องการคนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา  บ้านหลังนั้นก็คือบ้านหลังปัจจุบันที่ผมอยู่นี่เลยนะครับ  อยู่มา 30 ปีไม่เคยย้ายไปไหนอีกเลย  วันที่เข้ามาอยู่วันแรกไม่นึกเลยนะครับว่าเรื่องราวมันจะมาถึงปีที่ ๓๐ ได้

เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า แต่อยากเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ทั่ว ๆ ไปมากกว่า ว่าอยู่กันมาได้อย่างไรนานขนาดนี้  กลับไปที่ช่วงแรก ๆ ก่อนนะครับ  มีทะเลากันทุกวันเลยก็ว่าได้  เรื่องจุกจิกหยุมหยิม  เพราะต่างคนก็มาจากสภาพพื้นหลังที่แตกต่างกัน  ไม่ได้ค่อย ๆ รู้จักกันทีละนิด  แต่ผมรุกเข้ามาหาเขาเร็วเกินไป  เวลาปีแรกจึงหมดไปกับการทะเลาเบาะแว้งสลับกับความสุขแบบข้าวใหม่ปลามัน  แต่ใจผมนั้นอยากประคองชีวิตคู่ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่ไม่ว่าจะทะเลากันรุนแรงแค่ไหน แทนไม่เคยออกปากไล่ผมหรือขอเลิกกับผมก่อนเลย  มีผมเสียอีกเคยหนีกลับไปอยู่ร้าน  แต่ไม่กี่วันเขามาง้อให้กลับไปอยู่กับเขาเหมือนเดิม
  
ครอบครัวทางบ้านผมคงรู้ว่าผมเป็นเกย์มาตลอด  แต่ผมไม่แสดงออกนะครับ  พ่อแม่ไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน  ตอนแรกพวกท่านก็นึกว่าผมนอนที่ร้านวีดีโอ  แต่ตอนหลังก็ค่อย ๆ รู้ว่าผมมานอนบ้านแทน  แม่ก็ว่า เออ ๆ  มานอนบ้านพี่เขาก็ดี บ้านเงียบดี ไม่เหมือนที่ร้าน รถราเสียงดัง   แต่ทางบ้านผมไม่มาถามซอกแซก และผมก็ไม่เคยประกาศว่าตอนนี้ผมกับแทนเป็นอะไรกัน ให้เขาค่อย ๆ รู้ไปเองทีละนิดดีกว่า   ส่วนญาติพี่น้องคนอื่นก็เหมือนกัน  ไม่มีใครพูดเรื่องนี้  แต่รับรู้ว่าแทนเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผมเท่านั้น   ทางญาติพี่น้องของแทนอยู่จังหวัดอื่น ไม่ใช่จังหวัดที่ผมอยู่นะครับ  และโชคดีว่าทุกคนไม่มายุ่งเกี่ยวกับแทนเลย  นอกจากนาน ๆ ทีจะมาเยี่ยมและค้างที่บ้านคืนสองคืน  และรับรู้แค่ว่าผมเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่มาอาศัยชายคาบ้านชั่วคราวเท่านั้น  แต่พอนาน ๆ ไปก็คงพอจะรู้  แต่เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้  หรือไม่สนใจก็ได้  ดีจังที่ไม่มีปัญหาเรื่องพ่อแม่ญาติพี่น้องไม่ยอมรับหรือเข้ามาวุ่นวายในชีวิต

อยู่กันมาได้ปีเดียว งานค้าขายที่แทนทำอยู่ก็ประสบปัญหาขาดทุน  เงินที่เคยพอผ่อนบ้านก็ไม่มี  ผมต้องรับผ่อนแทน และแทนได้งานใหม่ในตำแหน่งบาร์เทนเดอร์ที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง  แทนทำช่วงกลางคืนและนั่นทำให้ชีวิตคู่ของเราเปลี่ยนไปครับ

เราเจอกันแค่กลางวัน  พอค่ำแทนก็ต้องเตรียมตัวไปทำงาน  กว่าจะกลับก็หลังเที่ยงคืน  บางทีไปสังสรรค์กับเพื่อนเขาต่อก็ถึงตีหนึ่งตีสอง  ส่วนผมทำงานกลางวัน  กลางคืนปล่อยลูกน้อง  และมีเวลาว่างมากกว่าเขา  ช่วงนี้ ยาวไปอีกสิบกว่าปี ชีวิตเราเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ

แทนดื่มเบียร์เข้าบ้านทุกคืน  ตรงนี้ผมต้องปรับตัวเลย ไม่ห้ามเขาแต่หาทางอยู่กับคนเมาและบางครั้งก็หาเรื่องเราให้ได้ ปัญหาเรื่องแทนมีผู้ชายคนอื่นก็มีบ่อย  เขาอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์  หน้าตาดี ย่อมตกเป็นเป้าสายตาและเป็นที่หมายปองของชายชอบชายคนอื่น มีทั้งฝรั่งทั้งไทย  คงโดนหิ้วบ่อยนะผมว่า  ผมก็พยายามทำใจครับ   ขออย่าให้จริงจังก็แล้วกัน  ผ่านแล้วผ่านเลยไม่ว่า  แต่มีอยู่ปีหนึ่งเขาเกิดจริงจังกับแขกคนหนึ่งขึ้นมาครับ  เป็นปีที่ผมแย่มาก ๆ  เกือบเลิกเลยนะ  อยู่แบบตกนรกเลย  แทนคบคนนั้นแบบเปิดเผยและบอกว่าไม่มีอะไรกันแค่คบเหมือนเพื่อน  แต่ผมรู้ว่ามันมากกว่านั้น  จินตนาการหลอกหลอนตัวเองมากมายครับ  บางทีเครียดจนเจ็บกระเพาะ   แต่พอปีนั้นผ่านไป เขาก็เลิกกันไปเอง  ผมถึงว่า ชีวิตคู่อย่าวู่วาม  ถ้าเราคิดสั้น หรือเราเลิกกัน  มันก็แค่นั้นแหละ  แต่ถ้าเราผ่านมันไปได้  วันนี้เรากลับมามองมันก็เหมือนเราอ่านนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง  ไม่เห็นเจ็บเห็นปวดเลย

พูดเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของแทนไปแล้ว  มาถึงตาผมบ้างนะ  ความที่ผมมีเวลาว่างมากโดยเฉพาะกลางคืนผมไปไหนได้อิสระก่อนที่แทนจะเข้าบ้าน  ผมก็มีแรดเหมือนกัน  อายุยังน้อย   เออ ลืมบอกไปว่าเราไม่ค่อยมีอะไรกันแล้วนะครับ  เดือนแรก ๆ  ก็ถี่หน่อย  พอผ่านมาสักปีก็แทบไม่มีอะไรกันอีกเลย  มันเหมือนจำเจไปแล้ว  ผู้ชายด้วยกัน มันหมดความน่าค้นหา หมดกระบวนท่าว่างั้นไหมครับ  ก็เลยคุยกันว่าจะไปมีอะไรกับใครก็มีได้แต่อย่าจริงจัง มีเพื่อเซ็กซ์เท่านั้นพอ

ผมก็ออกเที่ยวผับเที่ยวบาร์บ้าง ได้เจอเกย์ ได้มีอะไรกับผู้ชายคนอื่นบ้าง ไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องนะครับ แต่ไม่ได้เอามาเล่าให้แทนฟังหรอก  ไม่ให้เขารู้ดีกว่า ให้เขาสบายใจ เขาก็ไม่เคยมาซักถามว่ากลางคืนไปไหนกับใครบ้างหรือเปล่า ส่วนผมก็เหมือนกันไม่ถามเขา แต่สังเกตเอาเองว่าคืนนี้ดึกเกินไปไหม  บางทีเขาก็ไปกับเพื่อนผู้ชายแท้ ๆ ของเขาจริง ๆ  นาน ๆ  ก็มีแบบไปกับคนที่มาจีบเขาบ้าง เฉลี่ยที่เราต่างมีอะไรกับคนอื่นนี่ไม่น่าเกินสองสามเดือนต่อครั้งนะครับ ไม่ได้บ่อยมาก

ชีวิตเป็นแบบนี้อยู่ประมาณสิบห้าปี แทนเปลี่ยนงานจากบาร์เทนเดอร์ไปสู่ตำแหน่งที่ดีกว่าในโรงแรม แต่ยังเป็นงานที่กลับดึกเหมือนเดิม  และคงมีอะไรกับคนอื่นนาน ๆ ครั้งเหมือนเดิม  ผมก็เหมือนกัน บางคืนก็ออกไปเที่ยวแล้วกลับเข้ามานอนก่อนเที่ยงคืน

ชีวิตเราเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งช่วงปี ๒๕๔๒ – ๔๓ จำแน่ไม่ค่อยได้   เป็นช่วงที่ฟองสบู่แตกได้สัก ๒ ปีแล้ว  เศรษฐกิจไม่ดี แทนได้ผลกระทบเยอะ  เพราะงานที่ทำแย่  เขาต้องออกจากงาน   และเงินที่เขาเคยมีและเอาไปลงกับการเล่นเก็งซื้อขายเงินตราต่างประเทศก็ขาดทุน  แทนหมดตัวหมดงานครับปีนั้น

เป็นผมที่ช่วยเขาสารพัด  กอบกู้ชีวิตให้เขาฝ่าวิกฤตเลวร้ายไปได้  ผมขอให้เขาได้ทำงานกับญาติผม เป็นงานกลางวันครับ งานสบายกว่าที่เขาเคยทำเยอะ แต่รายได้ก็แค่พอกินพอใช้  ส่วนทรัพย์สินที่เคยมีเคยสะสมไว้ หมดไปแล้วกับช่วงเศรษฐกิจตกสะเก็ด  และไม่เคยหาได้อีกเลยครับ  เพราะรายได้แต่ละเดือนแค่พอกินพอใช้สบาย ๆ แต่ไม่เหลือเก็บซื้อสินทรัพย์ นอกจากเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลดูแลตัวเองตอนบั้นปลายของชีวิตแต่ก็ไม่มากมายอะไร

พอแทนทำงานกลางวัน กลางคืนเราก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  ผมก็ไม่ได้ออกไปแรดที่ไหนอีกเลย  ถ้าออกไปเที่ยวก็ไปด้วยกัน ชีวิตก็เริ่มเข้าที่เข้าทางจริง ๆ ตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา  ตอนนั้นผมอายุได้ ๔๐ ปีแล้ว  การงานการเงินจัดว่าอยู่ในระดับดีน่าพอใจ  ร้านวีดีโอกลายเป็นร้านเช่าดีวีดี  ผมมีเงินสะสมก้อนหนึ่งก็เอาไปสร้างหอพักเล็ก ๆ  และกู้แบงค์เพิ่มอีกบางส่วนตอนนี้ผ่อนแบงค์หมดแล้ว  เก็บเงินค่าเช่ากินอย่างเดียวครับ

จากปีที่แทนเริ่มทำงานกลางวัน จนถึงปัจจุบันก็ ๑๔ ปีแล้ว  ที่เราอยู่ด้วยกันมาแบบเช้าออกไปทำงาน  เย็นกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนกับชีวิตคู่ของคนทั่วไป  ชีวิตมีความสุขดีพอสมควรครับ  เรื่องรายได้ ผมหาได้เยอะกว่าเขา ก็ออกให้เขาบ้าง เวลาอยากกินอยากใช้อะไรแพง ๆ  อยากเที่ยวต่างประเทศด้วยกันผมก็จ่ายให้เขาครับ

ช่วงต่อไปอยากจะเล่าถึงชีวิตคู่ของชายกับชายอย่างเรา ที่ต้องสัมพันธ์กับคนรอบข้าง  ทั้งเพื่อนบ้าน  เพื่อนของตัวเอง  ลูกน้องที่ทำงาน ญาติพี่น้อง  อนาคตของเรา   อ๋อ  อายุขนาดนี้อนาคต ก็คงเหมือนคนแก่ทั่วไปที่ต้องมีแผนรับมือกับค่ารักษาพยาบาล  การทำพินัยกรรม  มันจะมีปัญหาอะไรบ้างในประเทศที่ยังไม่รับรองการสมรสของคนเพศเดียวกัน เดี๋ยวมาต่อนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่