อยากต่อเอก รัฐศาสตร์ ที่ไหนดี ?

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ,
  
       ผมเป็นคนชนบท อยู่บ้านนอก แต่ชอบสายรัฐศาสตร์ตั้งแต่มัธยมศึกษา เลยตั้งใจที่จะเรียนสายนี้เป็นแน่วแน่  ด้วยความที่เงินทุนไม่มี ต้องทำงานไประหว่างเรียน บวกกับเวลาที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอ จีงเลือกที่จะสมัครเรียน ป.ตรี คณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แน่นอนครับว่ามีความสุขในการเรียนมาก แต่ก็เหนื่อยมากเช่นกัน เพราะทำงานเลี้ยงตนเองไปด้วย สุดท้ายก็จบได้ภายในสามปี พร้อมเงินก้อนประมาณแสนกว่าบาท ตั้งใจว่าเมื่อจบ ป.ตรีแล้ว จะต่อ ป.โท รัฐศาสตร์ ทันที  ตอนนั้นก็ดูไว้หลายที่ ว่าจะเรียนต่อที่ไหน พอดีอาจารย์ที่สนิทแนะนำให้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก และเข้าสู่ช่วงเวลาที่รับสมัครพอดี จึงได้ไปสมัครเรียน ป.โท รัฐศาสตร์ สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ด้วยเงินทุนที่มี  และเพิ่งสำเร็จการศึกษามาเมื่อมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา ระหว่างนั้นผมก็ทำงานเก็บเงินไปด้วย

    ตอนนี้ผมอายุ 29 ปีแล้ว มีเงินทุนอยู่ 550,000 บาท ตั้งใจว่าจะเรียนต่อ ป.เอก ก็ยังตัดสินใจไม่ขาดระหว่าง
   1.เรียนในประเทศไทย หรือ ต่างประเทศดี ?
   2.หากเรียนในต่างประเทศ จะไปประเทศใด ด้วยเงินทุนที่มีอยู่ ? (เนื่องจากเมื่อไปเรียนต่างประเทศแล้ว อาจจะไม่ได้ทำงานเก็บเงินเหมือน ป.ตรี ป.โท)
   3.จริงหรือไม่ที่เรียน ป.เอก ในประเทศไทย มีแนวโน้ม "จบยาก" กว่าเรียนเมืองนอก ด้วยกระบวนการถ่วงเวลาทั้งหลาย

จึงขอเรียนสอบถามข้อมูลและความเห็นจากเพื่อนๆด้วยครับ , ขอขอบคุณมากครับ .
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
พิจารณาจาก ปรัชญา และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรระดับโท
สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ที่คุณเรียนมา

หลักๆ เน้นผลิตบัณทิตที่มีความรู้ความสามารถ ในการพัฒนาท้องถิ่นเชิงบูรณาการ
พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในท้องถิ่น สร้างบุคลากรให้ท้องถิ่น และพัฒนาศักยภาพของผู้นำท้องถิ่น
ทุกอย่างเน้นเรื่องของท้องถิ่น นั่นอาจหมายถึงระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน

ส่วนการเรียนในระดับเอก น่าจะเพิ่มความรู้ความสามารถในการวิจัยเข้าไป
ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักอย่างหนึ่ง ของการเรียนระดับปริญญาเอกของทุกสาขาวิชา

ถ้าหากคุณอยากจะเรียนเอกให้จบในเมืองไทย ไม่น่าจะเสียหายอะไร
จะได้เรียนรู้จากสภาพสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในท้องถิ่นไทย
ซึ่งจะมีประโยชน์กับการทำงานหลังจบการศึกษา

ชุดความจริง หรือองค์ความรู้ที่คุณวิเคราะห์ และสังเคราะห์ได้ ขณะทำการศึกษาวิจัยเพื่อทำวิทยานิพนธ์
จะเป็นอะไรที่สามารถนำไปใช้ ในพื้นที่เป้าหมาย หรือท้องถิ่นได้โดยไม่ยุ่งยาก มิต้องนำมาประยุกต์
หรือแก้ไขดัดแปลงให้เสียเงินเสียเวลา บางครั้งกว่าจะแก้ไขดัดแปลงปรับปรุงเสร็จ
ไม่ทันการที่จะนำไปใช้ในท้องถิ่น เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

เหล่านี้น่าจะเป็นข้อดีของการศึกษาวิชาพันธุ์อย่างนี้ ในประเทศไทย ไม่ใช่ต่างประเทศ
และด้วยพื้นฐานอย่างที่คุณบอกว่า "ผมเป็นคนชนบท อยู่บ้านนอก"
คุณจะยิ่งสามารถ Conceptualize ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคำถามหลักในการวิจัย ประเด็นปัญหาย่อย
และสมมติฐานการวิจัย นี้คือความได้เปรียบ หากเรียนในไทย

ผมเคยมีนักศึกษาปริญญาเอกมาทำวิทยานิพนธ์จาก University of Missouri, Columbia
เขาต้องใช้เวลาถึงหกเดือน เพื่อศึกษาทำความเข้าใจ และสร้างความคุ้นเคย กับสภาพพื้นที่วิจัยในแง่ต่างๆ
อาทิ เศรษฐกิจสังคม ภาษาท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น ก่อนลงมือทำการวิจัยจริง และยังมีผู้ช่วยวิจัยเป็นคนไทยหนึ่งคน
แต่คุณไม่ต้อง เพราะ "ผมเป็นคนชนบท อยู่บ้านนอก" ใครๆในพื้นที่ต้องรู้จักคุณอยู่แล้ว จริงไหม

อย่างไรก็ตาม คุณควรเปลี่ยนไปเรียนเอกที่มหาวิทยาลัยอื่น ไม่น่าจะเรียนที่เดิม
เพื่อเรียนรู้มุมมอง วิสัยทัศน์ที่แตกต่างของคนสอน หรืออาจารย์จากสถาบันอื่นบ้าง

มีเพื่อนคนหนึ่ง เขาอาจเคยเป็นอาจารย์คุณก็ได้ ขออนุญาตเอ่ยนาม รศ.ดร.สมิหรา จิตตลดากร
เธอผ่านการศึกษาเกี่ยวกับรัฐศาสตร์มาสามสถาบันในไทย อาจหาโอกาศไปขอคำปรึกษาเขาได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่