สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2558 ครับ เริ่มวันแรกของปีผมมีโอกาศได้ไปเที่ยวดอยผ้าห่มปก อากาศดีมากๆครับ ป่าไม้ ภูเขา วิวสวยเลยเอามาเล่าแบ่งปันให้เพื่อนๆเผื่อมีใครสนใจอยากจะไปเที่ยว ดอยผ้าห่มปกเป็นดอยที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศไทยความสูง 2,285 เมตร
กว่าผมไปถึงจุดกางเต้นท์กิ่วลมก็ประมาณบ่ายสองแล้วครับ ช่วงเช้าไปเที่ยวดอยอ่างขางมาคนเยอะมากครับ จริงๆแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาเดินขึ้นยอดดอย พาน้องๆมาเที่ยวรับลมหนาวแต่พอมาถึงแล้วเห็นป้ายติดไว้ทางเดินขึ้นยอดเขา 3.5 กิโลเมตร แค่นี้เองจิ๊บๆ(พอเดินแล้วไม่จิ๊บอย่างที่คิด)
เริ่มเลยนะครับขับรถขึ้นมาทางเส้นถนนเลี่ยงเมืองฝาง (อ้อมเมือง บายพาส) จะมีป้ายบอกทางขึ้นดอยผ้าห่มปกบริเวณปากทางบ้านห้วยบอนขับขึ้นไปประมาณ 22 กิโลเมตรเป็นถนนลูกรังค่อนข้างยาก แล้วเราก็ไปถึงลานกางเต้นท์กิ่วลมซึ่งเป็นลานกางเต้นท์อุทยานแห่งชาติที่สูงที่สุด
สอบถามเจ้าหน้าที่ดู ค่าเช่าเต้นท์ 225 บาทต่อหลัง รวมเครื่องนอนแล้วจะประมาณ 405 บาทต่อหลังนอนได้ 3-4 คนหรือใครนำเต้นท์มากางเองแต่ไม่รู้ว่าเสียเงินเท่าไรลืมถาม ช่วงฤดูท่องเที่ยวจะมีร้านค่าอยู่หนึ่งร้านไว้คอยบริการ ราคาก็แพงกว่าปกตินิดหน่อย
เราเห็นป้ายทางเดินขึ้นยอดเขา น่าสนใจ ป่ะไปลองเดินกัน 3.5 กิโลเมตรเองไว้อยู่แล้ว(ก่อนจะเริ่มเดิน)
ทางเดินเป็นคันดินค่อนข้างชัน
เดินได้ซักพักยาวๆมาเจอป้ายแรก ม่อนวัดใจ
วัดใจจริงๆทางชันมาก เดินจนเหงื่อตกเลยที่เดียว ใครที่จะมาเที่ยวดอยแนะนำให้สวมรองเท้าผ้าใบ ถ้าเป็นรองเท้าแตะก็อาจจะต้องนำมาทิ้งไว้ในป่าแบบนี้
ขึ้นเนินสุดโหดมาได้ขอแวะพักชมวิวแป๊บ
เดินมาได้ 1 กิโลเมตรเจอนักท่องเที่ยวหนึ่งกลุ่ม เข้าไปถามดู เป็นไงบ้างครับเขาตอบกับมาว่า "กลับแล้วไม่ไหวทางชันมาก"
แล้วพวกเราเอาไง? ลองเดินต่ออีกหน่อยแล้วกันป่ะ
เส้นทางเดินเป็นป่าทึบ ได้ยินเสียงนกป่านานาชนิดตลอดทาง ใครที่ชอบส่องนกไม่ควรพลาดดอยผ้าห่มนี้แน่ๆ ผมก็พยายามจะถ่ายรูปนกละ แต่ก็ถ่ายไม่ทันเลยซักตัว เดินไปเลื่อยๆ จนได้เจอกับแสงแดดแรกตั้ังแต่ขึ้นดอยมานี้มันจะบ่ายสี่แล้วนะ พึ่งเห็นแสงอาทิตย์
เจอแสงอาทิตย์หน่อยเดียวก็ต้องฝ่าเข้าไปในป่าอีกแล้ว ยิ่งเดินไปป่าก็ยิ่งทึบยิ่งชื้น มีล่องลอยสัตว์ป่าหากินแถวโคนต้นไม้ด้วย
เดินมานานมากนั้งพักเหนื่อยกัน น้องสาวบอกไม่ไหวแล้วไปก่อนเลยอยู่ตรงนี้รอ ได้ไงล่ะเดินมากันจนถึงขนาดนี้แล้ว ในป่าไม่รุ้ว่ามีแค่เราสี่คนหรือป่าว ยังไงก็ต้องไปด้วยกันหรือจะกลับแต่ก็เดินกันมาไกลมากแล้ว ว่าแล้วก็ลากแขนกันเดินต่อไป
พักกินข้าวก่อนครับเดียวมาเล่าต่อ
[ทริป] พิชิตยอดดอยผ้าห่มปก เส้นทางเดินขึ้นเขา 3.5 กิโลเมตร
สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2558 ครับ เริ่มวันแรกของปีผมมีโอกาศได้ไปเที่ยวดอยผ้าห่มปก อากาศดีมากๆครับ ป่าไม้ ภูเขา วิวสวยเลยเอามาเล่าแบ่งปันให้เพื่อนๆเผื่อมีใครสนใจอยากจะไปเที่ยว ดอยผ้าห่มปกเป็นดอยที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศไทยความสูง 2,285 เมตร
กว่าผมไปถึงจุดกางเต้นท์กิ่วลมก็ประมาณบ่ายสองแล้วครับ ช่วงเช้าไปเที่ยวดอยอ่างขางมาคนเยอะมากครับ จริงๆแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาเดินขึ้นยอดดอย พาน้องๆมาเที่ยวรับลมหนาวแต่พอมาถึงแล้วเห็นป้ายติดไว้ทางเดินขึ้นยอดเขา 3.5 กิโลเมตร แค่นี้เองจิ๊บๆ(พอเดินแล้วไม่จิ๊บอย่างที่คิด)
เริ่มเลยนะครับขับรถขึ้นมาทางเส้นถนนเลี่ยงเมืองฝาง (อ้อมเมือง บายพาส) จะมีป้ายบอกทางขึ้นดอยผ้าห่มปกบริเวณปากทางบ้านห้วยบอนขับขึ้นไปประมาณ 22 กิโลเมตรเป็นถนนลูกรังค่อนข้างยาก แล้วเราก็ไปถึงลานกางเต้นท์กิ่วลมซึ่งเป็นลานกางเต้นท์อุทยานแห่งชาติที่สูงที่สุด
สอบถามเจ้าหน้าที่ดู ค่าเช่าเต้นท์ 225 บาทต่อหลัง รวมเครื่องนอนแล้วจะประมาณ 405 บาทต่อหลังนอนได้ 3-4 คนหรือใครนำเต้นท์มากางเองแต่ไม่รู้ว่าเสียเงินเท่าไรลืมถาม ช่วงฤดูท่องเที่ยวจะมีร้านค่าอยู่หนึ่งร้านไว้คอยบริการ ราคาก็แพงกว่าปกตินิดหน่อย
เราเห็นป้ายทางเดินขึ้นยอดเขา น่าสนใจ ป่ะไปลองเดินกัน 3.5 กิโลเมตรเองไว้อยู่แล้ว(ก่อนจะเริ่มเดิน)
ทางเดินเป็นคันดินค่อนข้างชัน
เดินได้ซักพักยาวๆมาเจอป้ายแรก ม่อนวัดใจ
วัดใจจริงๆทางชันมาก เดินจนเหงื่อตกเลยที่เดียว ใครที่จะมาเที่ยวดอยแนะนำให้สวมรองเท้าผ้าใบ ถ้าเป็นรองเท้าแตะก็อาจจะต้องนำมาทิ้งไว้ในป่าแบบนี้
ขึ้นเนินสุดโหดมาได้ขอแวะพักชมวิวแป๊บ
เดินมาได้ 1 กิโลเมตรเจอนักท่องเที่ยวหนึ่งกลุ่ม เข้าไปถามดู เป็นไงบ้างครับเขาตอบกับมาว่า "กลับแล้วไม่ไหวทางชันมาก"
แล้วพวกเราเอาไง? ลองเดินต่ออีกหน่อยแล้วกันป่ะ
เส้นทางเดินเป็นป่าทึบ ได้ยินเสียงนกป่านานาชนิดตลอดทาง ใครที่ชอบส่องนกไม่ควรพลาดดอยผ้าห่มนี้แน่ๆ ผมก็พยายามจะถ่ายรูปนกละ แต่ก็ถ่ายไม่ทันเลยซักตัว เดินไปเลื่อยๆ จนได้เจอกับแสงแดดแรกตั้ังแต่ขึ้นดอยมานี้มันจะบ่ายสี่แล้วนะ พึ่งเห็นแสงอาทิตย์
เจอแสงอาทิตย์หน่อยเดียวก็ต้องฝ่าเข้าไปในป่าอีกแล้ว ยิ่งเดินไปป่าก็ยิ่งทึบยิ่งชื้น มีล่องลอยสัตว์ป่าหากินแถวโคนต้นไม้ด้วย
เดินมานานมากนั้งพักเหนื่อยกัน น้องสาวบอกไม่ไหวแล้วไปก่อนเลยอยู่ตรงนี้รอ ได้ไงล่ะเดินมากันจนถึงขนาดนี้แล้ว ในป่าไม่รุ้ว่ามีแค่เราสี่คนหรือป่าว ยังไงก็ต้องไปด้วยกันหรือจะกลับแต่ก็เดินกันมาไกลมากแล้ว ว่าแล้วก็ลากแขนกันเดินต่อไป
พักกินข้าวก่อนครับเดียวมาเล่าต่อ