คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มีเหตุผลอะไรที่พระจะพูดโกหก?
มีมากมาย กุศโลบายโกหกเพื่อให้คนทำดี, อวดบารมี, ตามกระแสไปเพราะลูกศิษย์ไปพูดไว้จนลงไม่ได้แล้ว, อุปทานไปเอง, หลอน
พระก็คนครับ ไม่ใช่เทวดามาจากไหน เหตุผลอะไรที่ทำให้คนโกหกได้ ก็เกิดขึ้นได้กับพระเช่นกัน
ทำไมนักวิทย์ถึงเชื่อเรื่องบิกแบงค์
ไปเรียนคำว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนครับ แล้วจะเข้าใจ เขาสอนตั้งแต่มัธยมต้นนะ
จะใช้คำว่า "เชื่อบิ๊กแบง" คงไม่ตรงครับ ใช้คำว่ามีความเป็นไปได้สูงจะดีกว่า
- มันไม่ขัดกับทฤษฏีอื่นๆ (ที่เรายังคงเชื่อว่าถูกต้อง) ที่มีมาก่อน
- มันสอดคล้องกับสิ่งที่สามารถตรวจวัดได้ในธรรมชาติ ที่เราค้นพบก่อนที่จะมีทฤษฎีนั้น
- มันสอดคล้องกับสิ่งที่สามารถตรวจวัดได้ในธรรมชาติ ที่เราค้นพบหลังจากมีทฤษฎีนั้น
มีมากมาย กุศโลบายโกหกเพื่อให้คนทำดี, อวดบารมี, ตามกระแสไปเพราะลูกศิษย์ไปพูดไว้จนลงไม่ได้แล้ว, อุปทานไปเอง, หลอน
พระก็คนครับ ไม่ใช่เทวดามาจากไหน เหตุผลอะไรที่ทำให้คนโกหกได้ ก็เกิดขึ้นได้กับพระเช่นกัน
ทำไมนักวิทย์ถึงเชื่อเรื่องบิกแบงค์
ไปเรียนคำว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนครับ แล้วจะเข้าใจ เขาสอนตั้งแต่มัธยมต้นนะ
จะใช้คำว่า "เชื่อบิ๊กแบง" คงไม่ตรงครับ ใช้คำว่ามีความเป็นไปได้สูงจะดีกว่า
- มันไม่ขัดกับทฤษฏีอื่นๆ (ที่เรายังคงเชื่อว่าถูกต้อง) ที่มีมาก่อน
- มันสอดคล้องกับสิ่งที่สามารถตรวจวัดได้ในธรรมชาติ ที่เราค้นพบก่อนที่จะมีทฤษฎีนั้น
- มันสอดคล้องกับสิ่งที่สามารถตรวจวัดได้ในธรรมชาติ ที่เราค้นพบหลังจากมีทฤษฎีนั้น
ความคิดเห็นที่ 100
ออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่พวกที่เชื่อในอิทธิฤทธิ์ ปาฎิหาริย์ แต่อย่างใด แต่ผมเชื่อในความเป็นจริง ของสิ่งที่เป็นไปได้
ถามก่อนว่า พระไตรปิฎก ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นบัญญัติดั้งเดิมของพระศาสดาหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ระยะเวลา 2,500 ปี ล่วงมา พระไตรปิฎก ได้รับการชำระมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนไม่สามารถนับได้ แล้วถามหน่อยว่าผู้ที่ทำการชำระพระไตรปฎิกคือใคร? เทวดาหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่ ก็คนนี่แหละ ที่แต่งเติมเสริมแต่ง เรื่องราว หรือเหตุการณ์ หรือคำสอนของพระศาสดา
พระไตรปิฎกที่กระจายอยู่ทั่วโลก ตามประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ได้รับการชำระความ เพิ่มเติม ตัดตอน โดยคณะสงฆ์ของประเทศนั้นๆ เพื่อให้เข้ากับรูปแบบ วัฒนธรรมของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ของไทยพิเศษกว่าของเขาตรงที่ เอาศาสนาโน้น ศาสนานี้ มาผสมปนเป จนมั่วตั้วไปหมด พราห์มบ้าง ฮินดูบ้าง เต๋าบ้าง ลัทธิบูชาผี ต่างนาๆ ฯลฯ จนทุกวันนี้พุทธ(ในไทย)กลายเป็นศาสนาสมรมที่รวมเอาศาสนาอื่นๆเข้ามา แล้วมามโนว่าเป็นของตัวเอง
พุทธจริงๆคืออะไร ศาสนาพุทธ คือ ศาสนาแบบอเทวะนิยม คือ ศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า ไม่มีเทวดา มีเพียงศาสดาเป็นผู้สั่งสอน พระพุทธเจ้าสอนว่า หากสิ่งใดที่เราไม่รู้ เราจงเรียนให้รู้ หากสิ่งใดที่เราไม่เห็น เราจงมองให้เห็น เมื่อเรารู้แล้ว เห็นแล้ว เราจึงเป็นผู้รู้อย่างแท้จริง เรียกว่าการรู้แจ้ง ไม่ใช่หลับหูหลับตาเชื่อไปเสียทุกอย่าง ไอ้แบบนั้นเขาเรียกว่า "งมงาย" ที่สำคัญ พระศาสดาไม่เคยสอนให้สร้างรูปสลัก หรือรูปเคารพ เพื่อกราบไหว้บูชาแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น เพียงแต่ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน เท่านั้นก็เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาแล้ว
พระไตรปิฎกดั้งเดิมไม่ได้บันทึกว่า พระศาสดาเป็นผู้วิเศษ มีอิทธฤทธิ์ ปาฏิหาริย์สักหน่อย แต่บันทึกว่า พระศาสดา เป็นมหาบุรุษ เป็นอาจารย์ เป็นนักปฏิบัติ เเละนักคิดผู้ยิ่งใหญ่
รู้ไว้ด้วยนะว่า พุทธ เป็นศาสนาที่สอนให้คนรู้แจ้ง แสวงหาทางหมดทุกข์ ด้วยการศึกษา เรียนรู้ ด้วยทางสายกลาง ไม่ใช่สอนให้เชื่อในเรื่อง ผี สาง เทวดา และอิทธฤทธิ์ แต่อย่างใด.....
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ขอขอบคุณที่อุตาสาห์เสียสละเวลาอ่านนะครับ อาจจะขัดอกขัดใจใครหลายๆคนก็ขออภัย แค่อยากให้เข้าใจศาสนาที่คุณอ้างว่าคุณนับถือ ศรัทธา เสียใหม่
ขอบคุณครับ
ถามก่อนว่า พระไตรปิฎก ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นบัญญัติดั้งเดิมของพระศาสดาหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ระยะเวลา 2,500 ปี ล่วงมา พระไตรปิฎก ได้รับการชำระมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนไม่สามารถนับได้ แล้วถามหน่อยว่าผู้ที่ทำการชำระพระไตรปฎิกคือใคร? เทวดาหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่ ก็คนนี่แหละ ที่แต่งเติมเสริมแต่ง เรื่องราว หรือเหตุการณ์ หรือคำสอนของพระศาสดา
พระไตรปิฎกที่กระจายอยู่ทั่วโลก ตามประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ได้รับการชำระความ เพิ่มเติม ตัดตอน โดยคณะสงฆ์ของประเทศนั้นๆ เพื่อให้เข้ากับรูปแบบ วัฒนธรรมของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ของไทยพิเศษกว่าของเขาตรงที่ เอาศาสนาโน้น ศาสนานี้ มาผสมปนเป จนมั่วตั้วไปหมด พราห์มบ้าง ฮินดูบ้าง เต๋าบ้าง ลัทธิบูชาผี ต่างนาๆ ฯลฯ จนทุกวันนี้พุทธ(ในไทย)กลายเป็นศาสนาสมรมที่รวมเอาศาสนาอื่นๆเข้ามา แล้วมามโนว่าเป็นของตัวเอง
พุทธจริงๆคืออะไร ศาสนาพุทธ คือ ศาสนาแบบอเทวะนิยม คือ ศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า ไม่มีเทวดา มีเพียงศาสดาเป็นผู้สั่งสอน พระพุทธเจ้าสอนว่า หากสิ่งใดที่เราไม่รู้ เราจงเรียนให้รู้ หากสิ่งใดที่เราไม่เห็น เราจงมองให้เห็น เมื่อเรารู้แล้ว เห็นแล้ว เราจึงเป็นผู้รู้อย่างแท้จริง เรียกว่าการรู้แจ้ง ไม่ใช่หลับหูหลับตาเชื่อไปเสียทุกอย่าง ไอ้แบบนั้นเขาเรียกว่า "งมงาย" ที่สำคัญ พระศาสดาไม่เคยสอนให้สร้างรูปสลัก หรือรูปเคารพ เพื่อกราบไหว้บูชาแต่อย่างใด เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น เพียงแต่ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน เท่านั้นก็เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาแล้ว
พระไตรปิฎกดั้งเดิมไม่ได้บันทึกว่า พระศาสดาเป็นผู้วิเศษ มีอิทธฤทธิ์ ปาฏิหาริย์สักหน่อย แต่บันทึกว่า พระศาสดา เป็นมหาบุรุษ เป็นอาจารย์ เป็นนักปฏิบัติ เเละนักคิดผู้ยิ่งใหญ่
รู้ไว้ด้วยนะว่า พุทธ เป็นศาสนาที่สอนให้คนรู้แจ้ง แสวงหาทางหมดทุกข์ ด้วยการศึกษา เรียนรู้ ด้วยทางสายกลาง ไม่ใช่สอนให้เชื่อในเรื่อง ผี สาง เทวดา และอิทธฤทธิ์ แต่อย่างใด.....
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ขอขอบคุณที่อุตาสาห์เสียสละเวลาอ่านนะครับ อาจจะขัดอกขัดใจใครหลายๆคนก็ขออภัย แค่อยากให้เข้าใจศาสนาที่คุณอ้างว่าคุณนับถือ ศรัทธา เสียใหม่
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 25
อวดอิทธิฤทธิ์มันเป็นพระสงฆ์ตรงไหน
เรียนพุทธศาสนาซะเปล่า
มีปาฏิหาริย์จริง แนะนำให้ไปติดต่อมูลนิธินี้ http://web.randi.org/
ได้เงินล้านดอลล์มาบำรุงศาสนาทันที
เรียนพุทธศาสนาซะเปล่า
มีปาฏิหาริย์จริง แนะนำให้ไปติดต่อมูลนิธินี้ http://web.randi.org/
ได้เงินล้านดอลล์มาบำรุงศาสนาทันที
แสดงความคิดเห็น
ชาวหว้ากอจะใช้วิทยาศาสตร์อธิบายอิทธิฤทธิ์ของพระไทยในอดีตที่เก่งๆหลายองค์ว่าอย่างไร
เช่น หลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ศุข เป็นต้น
พระที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเหล่านี้ล้วนยืนยันเรื่องเหนือธรรมชาติ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
หลักฐาน
พญายม นิมนต์ ลพ ฤาษีลิงดำ ไปเป็นพยานช่วยผีตายใหม่ๆ
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แน่ะวิธีฝึกสมาธิ ให้ได้ตาทิพย์
หลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ศุข และพระสุปะติปันโนในอดีตหลายองค์ล้วนพูดเรื่องเหนือธรรมชาติ
ท่านคิดว่า พระที่ปฎิบัติดีชอบ จะโกหก หลอกลวงคนหรือท่านจะทำไปทำไม มีประโยชน์อะไร
หรือจะอธิบายว่าเป็น Psychosis
หรือว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้มีจริงแต่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง
อย่าลืมเรื่อง falsifiability ถ้าทฤษฎีวิทยาศาสตร์เป็นจริงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าถูกพิสูจน์ว่าผิดครั้งนึง ทฤษฎีนั้นก็ต้องตกไป
ชาวหว้ากอจะใช้วิทยาศาสตร์อธิบายอิทธิฤทธิ์ของพระไทยในอดีตที่เก่งๆหลายองค์ว่าอย่างไร ?