ปีใหม่ ที่ผ่านมา ทดลองพาเจ้า Almera ไปลองของที่ สังขละบุรี ตามคำท้าของเพื่อนๆ เลยจัดไปค่ะ ทริปนี้แบบยาวๆ ล้อหมุน 6.30 น. ขับจากบ้านแถวลาดกระบัง ไปทาง กาญจนาภิเษก-บางแค-บรมราชชนนี-เพชรเกษม-แสงชูโต มุ่งหน้าสู่ กาญจนบุรีค่ะ แวะกินข้าวเช้า และหาสะเบียงสำหรับอาหารค่ำ คืนนี้ ที่โลตัสบ้านโป่ง และเดินทางต่อแบบยาว ๆ ถนนทำใหม่ขับสบายค่ะ จุดแรกที่แวะ คือ น้ำตกไทรโยคน้อยค่ะ
ไทรโยคน้อย วันนี้น้ำน้อยมาก แต่ก็มีคนไปเล่นน้ำมากค่ะ
ขับต่อไปมุ่งหน้าสู่ ทองผาภูมิค่ะ จุดหมายของเราคืนนี้คือ ป้อมปี่ ค่ะ เราจะพักค้างคืนกันที่นี่ ได้จองบ้านพักเอาไว้แล้วคะ ป้อมปี่ 301 ของ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ราคา 900 บาท อยู่ได้ 3 คน แต่ถ้าเกินกว่านั้นก็ไม่ได้คิดเพิ่มค่ะ แต่ไม่มีเครื่องนอนให้ ต้องเตรียมไปเอง
ถึงแล้วค่ะป้อมปี่ ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน 30 บาทต่อคน ค่ารถอีก 40 บาทต่อคัน ของเราจองบ้านพักไว้แล้วเลยไม่ต้องเสียค่ากางเต็นท์หรือเช่าเต็นท์เพิ่มค่ะ ของเราค้างแรมที่ ป้อมปี่ มากกว่า 1 คืน ก็เสียค่าเข้าแค่ 1 ครั้งค่ะ เข้าออกกี่ครั้งก็ได้ เราก็ขับรถเข้าออก เที่ยวบริเวณใกล้ๆ ได้สบายๆ ค่ะ
วันนี้มาอากาศไม่หนาว ไม่ร้อนค่ะกำลังสบาย มีลานสำหรับกลางเต็นท์ด้วยค่ะ จะเช่าเต็นท์ของทางอุทยาน หรือจะเอาเต็นท์ไปกางเองก็ได้ค่ะ หามุมเหมาะๆ ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าเช่าเต็นท์ของทางอุทยาน จะมีบริการกางให้เรียบร้อยคะ เรามาถึง ก็เข้าพักได้เลย ไม่ต้องเสียเวลากางเต็นท์ หรือเก็บเต็นเวลากลับ ถุงนอน ผ้าปูนอน มีให้เช่าค่ะ ราคาไม่แพง มีเยอะค่ะ ไม่ต้องกลัวของหมด เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเอาเต็นท์ไปกันเองมากกว่าค่ะ
เดินชมวิว โดยรอบๆ แล้วก็ถึงเวลา ไปถึงบ้านพักที่เราจองไว้ค่ะ บ้านพักของเรา ป้อมปี่ 301 ทางอุทยานไม่อนุญาติให้นำรถยนต์เข้ามาภายในได้นะคะ เราเลยต้องขนสัมภาระ เข้ามาที่บ้านพักเอง มีเป็นรถเข็นไม้ สีเขียวๆ ค่ะ ใส่สัมภาระ แล้วขนมาที่บ้านพัก แต่สิ่งที่เห็นคือคน ที่มาข้างหลัง จะไม่มีรถเข็นเนื่องจากวินัย ของคนที่มาใช้รถเข็นก่อนหน้า คือนำรถเข็นขนของไปแล้ว ไม่เข็นมาเก็บคืนที่ปากทางเข้า จอดทิ้งไว้ที่ต่าง ๆ ภายในอุทยาน คนที่มาหลังๆ เลยไม่มีรถเข็น ต้องแบกของกันวุ่นวาย ค่ะ ถ้าใครไป แล้วไม่เจอรถเข็น ไม่ต้องตกใจค่ะ ก็เดินหาๆ เอาภายในอุทยานค่ะ จะจอดทิ้งๆ กันไว้ ก็ไปเข็นมาใช้ค่ะ
บ้านของเรา ป้อมปี่ 301 มีห้องโถง 1 ห้อง ,ระเบียง กว้างๆ ,และห้องนอน 1 ห้อง ในห้องนอนมี 3 เตียงกับ 1 พัดลม แต่วันนี้โชคร้ายค่ะ พัดลมเสีย ทางเจ้าหน้าที่เลย นำพัดลมตั้งโต๊ะ มาให้ใช้ไปก่อน เนื่องจากช่วงกลางวันอากาศจะร้อนค่ะ
ถ้าจะสังเกตุให้ดี ใต้บ้าน มีถังแก๊ส นอนอยู่ 1 ใบด้วยค่ะ (มีไว้ทำไมนะ)
มีระเบียงกว้างมากค่ะ มีโต๊ะ เก้าอี้ สำหรับนั่งพักผ่อน สามารถประกอบอาหารได้ค่ะ นำเตา นำอาหารมาปิ้งย่างได้เองตามใจชอบค่ะ
วิวที่มองจากภายในบ้านออกมาข้างนอกค่ะ บรรยากาศดีมาก ลมพัดแรงค่ะ
ตกเย็น ออกมาชมพระอาทิตย์ตกดินค่ะ ที่ป้อมปี่ ขึ้นชื่อว่า เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ ตกดินสวยที่สวยที่สุดในภาคตะวันตก
ตกค่ำ เตรียมอาหารสำหรับปาตี้ ปิ้งย่างค่ำคืนนี้ค่ะ
เริ่มกันเลย
สำหรับท่านที่จะไปพัก บ้านพักตามอุทยานแห่งชาติ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ทำใจ ค่ะ เนื่องจากกระแสไฟฟ้า จะไม่เพียงพอ ทำให้ไฟตกบ่อยๆ สำหรับบ้านพัก ป้อมปี่ 301 ไฟตกมากค่ะ ขณะที่พวกเรากำลังปาตี้เพลินๆ กระแสไฟก็ตกค่ะ ไฟฟ้า ดับสนิททั้งหลัง มองไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่มือตัวเองค่ะ และพวกเราก็ไม่ได้มีการเตรียมการ สำรอง ตะเกียงหรือ เทียนไข เอาไว้ เพราะคิดว่า เราได้จองบ้านพักเอาไว้แล้ว มีไฟฟ้า ใช้ เลยไม่ได้เตรียมตัว ซักพักมีเจ้าหน้าที่มาดู แจ้งว่ากระแสไฟ ไม่เพียงพอ (แต่เฉพาะบ้านหลัง 301 หลังอื่นไฟติดดีค่ะ) เจ้าหน้าที่ดีมากค่ะ พยามยามซ่อมแซมให้ แต่ไฟก็ยังไม่ติดค่ะ และด้วยความมืด ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานซ่อมแซมได้ยาก ก็เลยกลับค่ะ และจะมาซ่อมให้ในวันรุ่งขึ้น พวกเราก็เลย ตกอยู่ในความมืด ไม่สามารถกินข้าวกันต่อได้ เลยเดินไปร้านค้าสวัสดิการ โชคดีที่ร้านยังไม่ปิดค่ะ เวลาตอนนั้นก็ สองทุ่มกว่าๆ ทางเจ้าหน้าที่ให้เที่ยนมา ใช้ ฟรีๆ เลยค่ะ 2 ห่อ เลยกลับมานั่งกินข้าวกันต่อ แบบเซ็งๆ และผิดหวัง กับบ้านพัก ที่อุตสาหะจองเอาไว้ล่วงหน้าถึง 2 เดือน เราทำอุปกรณ์ กันลมแบบง่ายๆ ด้วยขวดน้ำอัดลม แบบนี้ค่ะ
หลังจากนั้นไฟก็ติดค่ะ แต่ติดแค่ห้องเดียวคือ ห้องนอนค่ะ ที่เหลือดับทั้งหมด ต้องจุดเทียนเข้าห้องน้ำกัน ตัวแมลงในห้องนอนก็เยอะค่ะ เนื่องจากช่วงที่ช่างมาซ่อมไฟฟ้า เปิดบ้านตลอด ตัวแมลงเลยเข้าไปในบ้านเยอะค่ะ เราทำอะไรไม่ได้ค่ะนอกจากทำใจ แล้วเข้านอนค่ะ
ผ่านค่ำคืนอันแสนโหดร้าย มาได้ วันนี้เลยต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษค่ะ ต้องเดินทางต่อไป สังขละบุรี สะพานมอญ ด่านเจดี 3 องค์
อาหารเช้าแบบมืดๆ ค่ะ
กินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางค่ะ ล้อหมุน 6.30น. ออกจากป้อมปี่ ไปสังขละบุรี ขับเจ้า Almera เกียร์ MT เส้นทางจากป้อมปี่ ไปทางสังขละบุรี เป็นโค้งและทางขึ้น-ลงเขาค่ะ และบางช่วงเป็นทางลงเขา ยาวๆ 800 ถึง 1 กิโล บางช่วงลงเขายาว และโค้งหักศอก ต้องใช้ความระมัดระวัง ใช้เกียร์ต่ำ ในการขึ้น-ลงเขา สำหรับเจ้า Almera ของเรา ถึงจะเป็นรถ Eco Car แต่ก็สามารถขึ้นไปได้สบายๆ ค่ะ จะมี อืดๆ บ้างอยู่ 2 ช่วงที่เป็นทางขึ้นเขาชัน ซักหน่อย แต่ก็ผ่านไปได้ค่ะ ไม่ลำบากมากนัก จากการเดินทาง Trip นี้ จะเห็นมี Almera อยู่ 3-4 คัน และ Swiff อีก 1-2 คัน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเห็น Eco car เท่าไร จะดีใจทุกครั้งที่เห็น Eco Car ตามเส้นทางค่ะ เหมือนเจอเพื่อน
ถึงแล้วค่ะสะพานมอญ หาที่จอดรถตามหมู่บ้าน รอบๆ สะพานมอญได้เลยค่ะ
วิวจากสะพานมอญ เห็นแพ สำหรับขึ้นเรือชมทิวทัศ
ออกจากสะพานมอญ ไปวัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่ออุตตมะ
ออกจากวัด ไปต่อ เจดีย์พุทธคยา
เดินทางต่อไป ด่านเจดี 3 องค์ แต่เสียดาย ภาพที่ ด่านเจดี 3 องค์ เสีย เลยไม่สามารถนำมาให้ชมได้ ที่ด่านเจดี 3 องค์ ท่านสามารถ เดินทางข้ามไปไหว้พระที่ฝั่งประเทศพม่าได้ค่ะ มีบริการ รถ พาไปชมจากฝั่งไทย แต่ทริปนี้ พวกเราไม่ได้ข้ามไปฝั่งพม่าค่ะ เลยมาสุดอยู่ที่จุดนี้
กลับจากด่านเจดี 3 องค์ พวกเรามุ่งหน้ากลับบ้านพักที่ ป้อมปี่ค่ะ เนื่องจากจองบ้านพักไว้ 2 คืน ต้องรีบกลับก่อนค่ำเพราะกลัวปัญหากระแสไฟ ขาดเหมือนคืนแรก กลับมาถึงบ้านพัก ก็ต้องตกใจอีกครั้งค่ะ เนื่องจากประตูบ้านที่ ก่อนไปเราได้ทำการสำรวจแล้วว่า ได้ค้องประตู ลงกุญแจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ได้ถูกเปิดออกค่ะ และมีการคลองกุญแจเอาไว้เฉยๆไม่ได้กดล็อก ด้วยความตกใจ กลัวขโมยค่ะ เลยเดินเข้าไปสำรวจทรัพย์สินภายในบ้าน สำรวจแล้วก็โล่งอกค่ะ ทรัพย์สิน ข้าวของยังอยู่ครบ สำรวจแล้วพบว่า น่าจะมีช่างไฟ เข้ามาซ่อมไฟฟ้า ภายในบ้าน โดยอาจจะใช้กุญแจสำรองไขเข้ามา เพราะ ปลั๊กไฟที่ถูกถอด ชำรุด จากเมื่อคืน ถูกประกอบเข้าที่ เข้าทางเรียบ ร้อย ทดสอบกระแสไฟในบ้าน ก็เปิดติด ใช้ได้ทุกดวง ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ ๆ เข้ามาแก้ไขไฟฟ้าให้ แต่ขอตำหนิ นิดนึง ตรงที่ ท่านเข้ามาในช่วงที่ ไม่มีคนอยู่ และ ไม่ทำการล็อค กุญแจ คืนให้เรียบร้อยด้วย ถ้าในช่วงนั้น มีขโมย หรือ มีคนอื่น ทราบว่า ไม่มีคนอยู่ในบ้าน ไม่ได้ล็อคบ้านคลองกุญแจไว้เฉยๆ และ ฉวยโอกาศ ขโมยทรัพย์สิน จะทำอย่างไร แต่เอาเถอะค่ะ ทรัพย์สิน ก็ยังอยู่ครบถ้วน เลยเฉยๆ ไม่ได้โวยวายอะไรค่ะ
เตรียมอาหารมื้อค่ำสำหรับคืนนี้
ของสดไม่มีแล้วค่ะ หาได้เท่าที่มีติดกล่องโฟม อยู่เท่านั้น
ไข่เจียวแหนมค่ะ
บรรยากาศตอนเย็นๆ
คืนที่ 2 อากาศเย็นกว่าคืนแรกมากค่ะ ระบบไฟฟ้าดีกว่าคืนแรก แต่ก็ยังมีปัญหาไฟตก อยู่ตลอดค่ะ ติดๆ ดับๆ ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คืนนี้เรา รับมือไหวค่ะ เพราะเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมอุปกรณ์ กันเอาไว้แล้ว เลยผ่านคืนที่ 2ไปได้อย่างสบายๆ และด้วยความที่อากาศเย็น เราจุดเทียนนั่งคุยกันหน้าระเบียง จนดึก เข้านอนเลยหลับสบายตลอดคืน
เช้าวันที่ 3 ต้องเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ เราตื่นกัน ตี 5 กว่าๆ เก็บข้าวของ เครื่องใช้ ใส่รถเข็นสีเขียวๆ ไปเก็บที่รถ ร้านค้าสวัสดิการ เปิดแต่เช้าค่ะ ตี 5 ก็แวะหา ชา กาแฟ กินได้ ราคาแก้วละ 15 บาท ล้อหมุน 6.30 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ ค่ะ ถามว่าเข็ดไหม กับป้อมปี่ ตอบว่าไม่เข็ดค่ะ สวยงาม และเย็นสบาย มีโอกาศจะมาพักที่นี่อีกแน่นอน แต่คงเข็ดบ้านพัก ของทางอุทยานแล้วค่ะ คงจะไม่มาพักอีก ถ้ารอบหน้ามา ขอกางเต็นท์นอน จะดีกว่า
ออกจากป้อมปี่ มุ่งหน้าไป น้ำพุร้อนหินดาด อากาศเย็นค่ะ หมอกลงตลอดทาง ต้องเปิดไฟหน้ารถวิ่ง
ถึงแล้วน้ำพุร้อนหินดาด
มีอยู่ 3 บ่อ เราเลือกบ่อที่ควันเยอะที่สุด
ออกจากน้ำพุร้อนหินดาน ไปแวะไหว้พระ ที่วัดถ้ำเสือ อ.ท่าม่วง ค่ะ
ทางขึ้นสูงดีค่ะ
แต่มีบริการรถกระเช้าขึ้นไปค่ะ จำราคาไม่ได้ว่า 10-15 บาทค่ะ
บรรยากาศด้านบนค่ะ
มีบ่อน้ำมนต์ด้วยค่ะ ตักกันตามใจชอบเลยค่ะ
ออกจากวัดถ้ำเสือ ก่อนถึง กทม. แวะ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง จ.นครปฐม ค่ะ ก่อนปิด Trip
ปิด Trip ป้อมปี่ ทองผาภูมิ สังขละบุรี กับน้อง Almera บอกเพื่อนๆ เลยว่า น้อง Almera เราก็ไปได้นะ สังขละบุรี
ไปกลับ 848 Km Average 19.2 Km/Hr น้ำมัน 30 บ./ลิตร ค่าน้ำมันไป-กลับ 1300 ค่ะ
[CR] พาเจ้า Almera ไปทองผาภูมิ-ป้อมปี่-สังขละบุรี ประสบการโหดที่ป้อมปี By "C.Angel Trip"
ไทรโยคน้อย วันนี้น้ำน้อยมาก แต่ก็มีคนไปเล่นน้ำมากค่ะ
ขับต่อไปมุ่งหน้าสู่ ทองผาภูมิค่ะ จุดหมายของเราคืนนี้คือ ป้อมปี่ ค่ะ เราจะพักค้างคืนกันที่นี่ ได้จองบ้านพักเอาไว้แล้วคะ ป้อมปี่ 301 ของ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ราคา 900 บาท อยู่ได้ 3 คน แต่ถ้าเกินกว่านั้นก็ไม่ได้คิดเพิ่มค่ะ แต่ไม่มีเครื่องนอนให้ ต้องเตรียมไปเอง
ถึงแล้วค่ะป้อมปี่ ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน 30 บาทต่อคน ค่ารถอีก 40 บาทต่อคัน ของเราจองบ้านพักไว้แล้วเลยไม่ต้องเสียค่ากางเต็นท์หรือเช่าเต็นท์เพิ่มค่ะ ของเราค้างแรมที่ ป้อมปี่ มากกว่า 1 คืน ก็เสียค่าเข้าแค่ 1 ครั้งค่ะ เข้าออกกี่ครั้งก็ได้ เราก็ขับรถเข้าออก เที่ยวบริเวณใกล้ๆ ได้สบายๆ ค่ะ
วันนี้มาอากาศไม่หนาว ไม่ร้อนค่ะกำลังสบาย มีลานสำหรับกลางเต็นท์ด้วยค่ะ จะเช่าเต็นท์ของทางอุทยาน หรือจะเอาเต็นท์ไปกางเองก็ได้ค่ะ หามุมเหมาะๆ ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าเช่าเต็นท์ของทางอุทยาน จะมีบริการกางให้เรียบร้อยคะ เรามาถึง ก็เข้าพักได้เลย ไม่ต้องเสียเวลากางเต็นท์ หรือเก็บเต็นเวลากลับ ถุงนอน ผ้าปูนอน มีให้เช่าค่ะ ราคาไม่แพง มีเยอะค่ะ ไม่ต้องกลัวของหมด เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเอาเต็นท์ไปกันเองมากกว่าค่ะ
เดินชมวิว โดยรอบๆ แล้วก็ถึงเวลา ไปถึงบ้านพักที่เราจองไว้ค่ะ บ้านพักของเรา ป้อมปี่ 301 ทางอุทยานไม่อนุญาติให้นำรถยนต์เข้ามาภายในได้นะคะ เราเลยต้องขนสัมภาระ เข้ามาที่บ้านพักเอง มีเป็นรถเข็นไม้ สีเขียวๆ ค่ะ ใส่สัมภาระ แล้วขนมาที่บ้านพัก แต่สิ่งที่เห็นคือคน ที่มาข้างหลัง จะไม่มีรถเข็นเนื่องจากวินัย ของคนที่มาใช้รถเข็นก่อนหน้า คือนำรถเข็นขนของไปแล้ว ไม่เข็นมาเก็บคืนที่ปากทางเข้า จอดทิ้งไว้ที่ต่าง ๆ ภายในอุทยาน คนที่มาหลังๆ เลยไม่มีรถเข็น ต้องแบกของกันวุ่นวาย ค่ะ ถ้าใครไป แล้วไม่เจอรถเข็น ไม่ต้องตกใจค่ะ ก็เดินหาๆ เอาภายในอุทยานค่ะ จะจอดทิ้งๆ กันไว้ ก็ไปเข็นมาใช้ค่ะ
บ้านของเรา ป้อมปี่ 301 มีห้องโถง 1 ห้อง ,ระเบียง กว้างๆ ,และห้องนอน 1 ห้อง ในห้องนอนมี 3 เตียงกับ 1 พัดลม แต่วันนี้โชคร้ายค่ะ พัดลมเสีย ทางเจ้าหน้าที่เลย นำพัดลมตั้งโต๊ะ มาให้ใช้ไปก่อน เนื่องจากช่วงกลางวันอากาศจะร้อนค่ะ
ถ้าจะสังเกตุให้ดี ใต้บ้าน มีถังแก๊ส นอนอยู่ 1 ใบด้วยค่ะ (มีไว้ทำไมนะ)
มีระเบียงกว้างมากค่ะ มีโต๊ะ เก้าอี้ สำหรับนั่งพักผ่อน สามารถประกอบอาหารได้ค่ะ นำเตา นำอาหารมาปิ้งย่างได้เองตามใจชอบค่ะ
วิวที่มองจากภายในบ้านออกมาข้างนอกค่ะ บรรยากาศดีมาก ลมพัดแรงค่ะ
ตกเย็น ออกมาชมพระอาทิตย์ตกดินค่ะ ที่ป้อมปี่ ขึ้นชื่อว่า เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ ตกดินสวยที่สวยที่สุดในภาคตะวันตก
ตกค่ำ เตรียมอาหารสำหรับปาตี้ ปิ้งย่างค่ำคืนนี้ค่ะ
เริ่มกันเลย
สำหรับท่านที่จะไปพัก บ้านพักตามอุทยานแห่งชาติ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ทำใจ ค่ะ เนื่องจากกระแสไฟฟ้า จะไม่เพียงพอ ทำให้ไฟตกบ่อยๆ สำหรับบ้านพัก ป้อมปี่ 301 ไฟตกมากค่ะ ขณะที่พวกเรากำลังปาตี้เพลินๆ กระแสไฟก็ตกค่ะ ไฟฟ้า ดับสนิททั้งหลัง มองไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่มือตัวเองค่ะ และพวกเราก็ไม่ได้มีการเตรียมการ สำรอง ตะเกียงหรือ เทียนไข เอาไว้ เพราะคิดว่า เราได้จองบ้านพักเอาไว้แล้ว มีไฟฟ้า ใช้ เลยไม่ได้เตรียมตัว ซักพักมีเจ้าหน้าที่มาดู แจ้งว่ากระแสไฟ ไม่เพียงพอ (แต่เฉพาะบ้านหลัง 301 หลังอื่นไฟติดดีค่ะ) เจ้าหน้าที่ดีมากค่ะ พยามยามซ่อมแซมให้ แต่ไฟก็ยังไม่ติดค่ะ และด้วยความมืด ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานซ่อมแซมได้ยาก ก็เลยกลับค่ะ และจะมาซ่อมให้ในวันรุ่งขึ้น พวกเราก็เลย ตกอยู่ในความมืด ไม่สามารถกินข้าวกันต่อได้ เลยเดินไปร้านค้าสวัสดิการ โชคดีที่ร้านยังไม่ปิดค่ะ เวลาตอนนั้นก็ สองทุ่มกว่าๆ ทางเจ้าหน้าที่ให้เที่ยนมา ใช้ ฟรีๆ เลยค่ะ 2 ห่อ เลยกลับมานั่งกินข้าวกันต่อ แบบเซ็งๆ และผิดหวัง กับบ้านพัก ที่อุตสาหะจองเอาไว้ล่วงหน้าถึง 2 เดือน เราทำอุปกรณ์ กันลมแบบง่ายๆ ด้วยขวดน้ำอัดลม แบบนี้ค่ะ
หลังจากนั้นไฟก็ติดค่ะ แต่ติดแค่ห้องเดียวคือ ห้องนอนค่ะ ที่เหลือดับทั้งหมด ต้องจุดเทียนเข้าห้องน้ำกัน ตัวแมลงในห้องนอนก็เยอะค่ะ เนื่องจากช่วงที่ช่างมาซ่อมไฟฟ้า เปิดบ้านตลอด ตัวแมลงเลยเข้าไปในบ้านเยอะค่ะ เราทำอะไรไม่ได้ค่ะนอกจากทำใจ แล้วเข้านอนค่ะ
ผ่านค่ำคืนอันแสนโหดร้าย มาได้ วันนี้เลยต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษค่ะ ต้องเดินทางต่อไป สังขละบุรี สะพานมอญ ด่านเจดี 3 องค์
อาหารเช้าแบบมืดๆ ค่ะ
กินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางค่ะ ล้อหมุน 6.30น. ออกจากป้อมปี่ ไปสังขละบุรี ขับเจ้า Almera เกียร์ MT เส้นทางจากป้อมปี่ ไปทางสังขละบุรี เป็นโค้งและทางขึ้น-ลงเขาค่ะ และบางช่วงเป็นทางลงเขา ยาวๆ 800 ถึง 1 กิโล บางช่วงลงเขายาว และโค้งหักศอก ต้องใช้ความระมัดระวัง ใช้เกียร์ต่ำ ในการขึ้น-ลงเขา สำหรับเจ้า Almera ของเรา ถึงจะเป็นรถ Eco Car แต่ก็สามารถขึ้นไปได้สบายๆ ค่ะ จะมี อืดๆ บ้างอยู่ 2 ช่วงที่เป็นทางขึ้นเขาชัน ซักหน่อย แต่ก็ผ่านไปได้ค่ะ ไม่ลำบากมากนัก จากการเดินทาง Trip นี้ จะเห็นมี Almera อยู่ 3-4 คัน และ Swiff อีก 1-2 คัน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเห็น Eco car เท่าไร จะดีใจทุกครั้งที่เห็น Eco Car ตามเส้นทางค่ะ เหมือนเจอเพื่อน
ถึงแล้วค่ะสะพานมอญ หาที่จอดรถตามหมู่บ้าน รอบๆ สะพานมอญได้เลยค่ะ
วิวจากสะพานมอญ เห็นแพ สำหรับขึ้นเรือชมทิวทัศ
ออกจากสะพานมอญ ไปวัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่ออุตตมะ
ออกจากวัด ไปต่อ เจดีย์พุทธคยา
เดินทางต่อไป ด่านเจดี 3 องค์ แต่เสียดาย ภาพที่ ด่านเจดี 3 องค์ เสีย เลยไม่สามารถนำมาให้ชมได้ ที่ด่านเจดี 3 องค์ ท่านสามารถ เดินทางข้ามไปไหว้พระที่ฝั่งประเทศพม่าได้ค่ะ มีบริการ รถ พาไปชมจากฝั่งไทย แต่ทริปนี้ พวกเราไม่ได้ข้ามไปฝั่งพม่าค่ะ เลยมาสุดอยู่ที่จุดนี้
กลับจากด่านเจดี 3 องค์ พวกเรามุ่งหน้ากลับบ้านพักที่ ป้อมปี่ค่ะ เนื่องจากจองบ้านพักไว้ 2 คืน ต้องรีบกลับก่อนค่ำเพราะกลัวปัญหากระแสไฟ ขาดเหมือนคืนแรก กลับมาถึงบ้านพัก ก็ต้องตกใจอีกครั้งค่ะ เนื่องจากประตูบ้านที่ ก่อนไปเราได้ทำการสำรวจแล้วว่า ได้ค้องประตู ลงกุญแจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ได้ถูกเปิดออกค่ะ และมีการคลองกุญแจเอาไว้เฉยๆไม่ได้กดล็อก ด้วยความตกใจ กลัวขโมยค่ะ เลยเดินเข้าไปสำรวจทรัพย์สินภายในบ้าน สำรวจแล้วก็โล่งอกค่ะ ทรัพย์สิน ข้าวของยังอยู่ครบ สำรวจแล้วพบว่า น่าจะมีช่างไฟ เข้ามาซ่อมไฟฟ้า ภายในบ้าน โดยอาจจะใช้กุญแจสำรองไขเข้ามา เพราะ ปลั๊กไฟที่ถูกถอด ชำรุด จากเมื่อคืน ถูกประกอบเข้าที่ เข้าทางเรียบ ร้อย ทดสอบกระแสไฟในบ้าน ก็เปิดติด ใช้ได้ทุกดวง ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ ๆ เข้ามาแก้ไขไฟฟ้าให้ แต่ขอตำหนิ นิดนึง ตรงที่ ท่านเข้ามาในช่วงที่ ไม่มีคนอยู่ และ ไม่ทำการล็อค กุญแจ คืนให้เรียบร้อยด้วย ถ้าในช่วงนั้น มีขโมย หรือ มีคนอื่น ทราบว่า ไม่มีคนอยู่ในบ้าน ไม่ได้ล็อคบ้านคลองกุญแจไว้เฉยๆ และ ฉวยโอกาศ ขโมยทรัพย์สิน จะทำอย่างไร แต่เอาเถอะค่ะ ทรัพย์สิน ก็ยังอยู่ครบถ้วน เลยเฉยๆ ไม่ได้โวยวายอะไรค่ะ
เตรียมอาหารมื้อค่ำสำหรับคืนนี้
ของสดไม่มีแล้วค่ะ หาได้เท่าที่มีติดกล่องโฟม อยู่เท่านั้น
ไข่เจียวแหนมค่ะ
บรรยากาศตอนเย็นๆ
คืนที่ 2 อากาศเย็นกว่าคืนแรกมากค่ะ ระบบไฟฟ้าดีกว่าคืนแรก แต่ก็ยังมีปัญหาไฟตก อยู่ตลอดค่ะ ติดๆ ดับๆ ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คืนนี้เรา รับมือไหวค่ะ เพราะเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมอุปกรณ์ กันเอาไว้แล้ว เลยผ่านคืนที่ 2ไปได้อย่างสบายๆ และด้วยความที่อากาศเย็น เราจุดเทียนนั่งคุยกันหน้าระเบียง จนดึก เข้านอนเลยหลับสบายตลอดคืน
เช้าวันที่ 3 ต้องเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ เราตื่นกัน ตี 5 กว่าๆ เก็บข้าวของ เครื่องใช้ ใส่รถเข็นสีเขียวๆ ไปเก็บที่รถ ร้านค้าสวัสดิการ เปิดแต่เช้าค่ะ ตี 5 ก็แวะหา ชา กาแฟ กินได้ ราคาแก้วละ 15 บาท ล้อหมุน 6.30 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ ค่ะ ถามว่าเข็ดไหม กับป้อมปี่ ตอบว่าไม่เข็ดค่ะ สวยงาม และเย็นสบาย มีโอกาศจะมาพักที่นี่อีกแน่นอน แต่คงเข็ดบ้านพัก ของทางอุทยานแล้วค่ะ คงจะไม่มาพักอีก ถ้ารอบหน้ามา ขอกางเต็นท์นอน จะดีกว่า
ออกจากป้อมปี่ มุ่งหน้าไป น้ำพุร้อนหินดาด อากาศเย็นค่ะ หมอกลงตลอดทาง ต้องเปิดไฟหน้ารถวิ่ง
ถึงแล้วน้ำพุร้อนหินดาด
มีอยู่ 3 บ่อ เราเลือกบ่อที่ควันเยอะที่สุด
ออกจากน้ำพุร้อนหินดาน ไปแวะไหว้พระ ที่วัดถ้ำเสือ อ.ท่าม่วง ค่ะ
ทางขึ้นสูงดีค่ะ
แต่มีบริการรถกระเช้าขึ้นไปค่ะ จำราคาไม่ได้ว่า 10-15 บาทค่ะ
บรรยากาศด้านบนค่ะ
มีบ่อน้ำมนต์ด้วยค่ะ ตักกันตามใจชอบเลยค่ะ
ออกจากวัดถ้ำเสือ ก่อนถึง กทม. แวะ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง จ.นครปฐม ค่ะ ก่อนปิด Trip
ปิด Trip ป้อมปี่ ทองผาภูมิ สังขละบุรี กับน้อง Almera บอกเพื่อนๆ เลยว่า น้อง Almera เราก็ไปได้นะ สังขละบุรี
ไปกลับ 848 Km Average 19.2 Km/Hr น้ำมัน 30 บ./ลิตร ค่าน้ำมันไป-กลับ 1300 ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น