[CR] Tale of Princess Kaguya หนังการ์ตูนเรื่องดีเรื่องสุดท้าย(?)​ ของ Ghibli ส่งท้ายปีที่อยากให้ดูกัน

ส่วนตัวไม่ได้ตั้งกระทู้รีวิวหนังนานมากๆแล้ว อ่านไม่รู้เรื่องต้องขออภัยนะคะ

ตำนานเจ้าหญิงคางูยะ เดิมทีเป็นนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เรื่องย่อยสั้นมากๆ คือ
ระหว่างทางที่คนตัดไผ่กำลังหาต้นไผ่อยู่นั้น เขาพบเด็กน้อยที่ออกมาจากหน่อของไผ่
เขาคิดว่านี่คงเป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้ จึงรับเด็กคนนนี้มาเลี้ยงเหมือนกับลูกแท้ๆ ของตนเอง
เด็กคนนี้โตขึ้น พร้อมกับเรื่องน่าอัศจรรย์มากมาย...

ใครอยากอ่านเรื่องนิทานดั่งเดิม สามารถอ่านต่อได้ที่นี่นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ส่วนตัวเราอ่านนิทานอันนี้ก่อนไปดูแล้ว ก็ไม่ทำให้เสียอรรถรสเลยแม้แต่นิดเดียว
บางทีอาจจะทำให้เข้าถึงเรื่องมากขึ้นก็ได้นะคะ

พูดกันถึงตัวหนังเลยดีกว่า
งานภาพ
สิ่งที่เด่นที่สุดสำหรับภาพยนต์เรื่องนี้ ที่เป็นที่กล่าวขานกันอันดับแรกคือ ภาพเป็นภาพวาดแบบ เส้นพู่กัน และสีน้ำ
ซึ่งสวยงามมากกกกกกกกกกกกก ฉากธรรมชาติสวยราวกับภาพวาด
ฉากสื่ออารมณ์ก็เข้าใจได้ง่ายดูมีมิติทางภาพวาด ทำให้เน้นความรู้สึกกะคนดูเข้าไปใหญ่
ใครชอบเสพภาพสวยๆ แนะนำอย่างแรงงง



เนื้อเรื่อง
จากที่กล่าวว่าเรื่องนี้นำมาจากนิทานพื้นบ้าน ถูกดัดแปลงบ้างบางส่วน เพื่อให้เกิดมุมมองที่ครบถ้วนของตัวละครเอก
ถึงแม้ว่าหนังนั้นจะนำมาจากเรื่องที่จินตนาการขึ้น และเป็นสมัยโบราณ
แต่ก็สามารถซ้อนทับเรื่องเหล่านี้กับยุคสมัยปัจจุบันได้แบบเนียนมาก
หลายๆฉาก ทำให้เราฉุกคิด รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ผู้สร้างต้องการสื่อถึงผู้ชม ค่อนข้างชัดเจน และไม่ซับซ้อน
ส่วนนี้เป็นอะไรที่เราชอบมาก เพราะการดัดแปลงนิทานโบราณมาสะท้อนสังคมสมัยใหม่นั้นไม่ค่อยได้เห็นกันซักเท่าไหร่

อีกเรื่องนึงที่เราไม่ค่อยได้ดูกันบ่อย คือพวกธรรมเนียมของชนชั้นสูง ที่มีพิธีรีตองมากมาย
เช่นการตั้งชื่อให้ การฉลอง ดูตัว รวมไปถึงการอบรมกิริยามารยาหญิงชนชั้นสูงอีกด้วย
อีกด้านนึงก็เป็นวิถีชีวิตชาวป่าบ้านไร่ ที่ต้องใช้ป่าเป็นที่เลี้ยงชีพ ใช้ชีวิตเรียบง่าย
ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบกันได้ไม่ยากนัก


เพลง
เรื่องเจ้าหญิงคางูยะ เราดีใจที่ลุง Joe hisaishi มาทำเพลงให้อีก เพราะปกติลุงมักจะมาทำเพลงให้เรื่องที่พีคๆ
แต่เรื่องนี้ดูเผินๆ ก็ไม่ได้พีคจัด ลุงก็มาประพันธ์เพลงให้ เป็นส่วนนึงที่ทำให้หนัง สมบูรณ์ และตรึงใจมากขึ้น
ดนตรีที่ค่อยๆ ลากอารมณ์คนดูไปเรื่อยๆ จนถึงพาไปถึงสุดยอด และสามารถพาเราดำดิ่งได้ในเสี้ยวเวลา
ฉากธรรมชาติ ก็ช่วยเสริมให้ดูยิ่งใหญ่ และสวยงาม ฉากที่ดูหม่นหมอง ดนตรีก็กดหัวใจคนดูไว้จนเจ็บปวดแทนตัวละครได้
เพลงสไตล์โบราณก็ทำได้เพราะมาก โดยเฉพาะเพลงตอนท้าย
แม้ว่ามันจะเป็นเพลงที่ฟังดูรื่นรมย์ แต่แฝงกลิ่นอายแห่งการจากลา ทำให้เราเสียน้ำตาแบบไม่รู้ตัว



เรื่องนี้ส่วนตัวเราชอบ และสามารถเข้าถึงได้ มากกว่า The Wind Rises ที่ฉายไปเมื่อกลางปี แต่ก็ชอบเหมือนกัน
แนะนำทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ทุกเพศทุกวัย ผู้ที่ชื่นชอบการดูภาพยนต์ หรือ การ์ตูน และแน่นอนว่า แฟนๆ Ghibli Studio ต้องไปดูนะๆๆๆ
แนะนำสำหรับใครที่ยังว่างช่วงปีใหม่ ไม่มีแพลนไปไหน แนะนำค่ะ อาทิตย์นี้ยังฉายอยู่ที่สกาล่า
ไม่ชัวว่าโรงใหญ่มีแพลนจะเอาเข้าไหม เราก็แอบหวังไว้ลึกๆ

สุดท้ายนี่ เราเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่เรื่องนี้อาจจะ (อาจจะ) เป็นเรื่องสุดท้ายของ Ghibli Studio ที่เราจะได้ดูกัน
( When Marnie was there  นี่เข้ามาฉายหรือยังนะ)
แม้ว่าลุง Hayao Miyazaki ออกมาประกาศแล้วว่าจะทำการ์ตูนต่อ แต่ด้วยสภาวะการเงินของสตูดิโอ และทางญี่ปุ่นเอง
ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากที่เห็นหนังฟอร์มใหญ่ๆ จากค่ายนี้กันทุกปีเหมือนเดิม
หวังว่าสตูดิโอนี้จะเจอมือทองมาช่วยลุงฮายาโอะ ทำการ์ตูนที่ดี และยิ่งใหญ่ แบบนี้ให้เราดูอีกเรื่อยๆ จนลูก จนหลาน ต่อไป
ชื่อสินค้า:   Tale of Princess Kaguya
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่