"อภิสิทธิ์" แนะระบุให้ชัด ที่มานายกฯ ค้านใช้หน่วยราชการจัดเลือกตั้ง ย้ำขอทำประชามติ รธน.ฉบับใหม่ พร้อมลงสนามปี 59
วันที่ 27 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของ กมธ.ยกร่างฯ ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.หรือสังกัดพรรคการเมืองว่า ควรจะระบุให้ชัดว่าเป็นข้อยกเว้นตามสถานการณ์ซึ่งจะต้องพิจารณากันอีกครั้ง แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ควรเขียนในลักษณะบททั่วไปว่า ห้ามเป็น ส.ส.เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา จะทำให้ระบบประชาธิปไตยถอยหลัง ที่ผ่านมาปัญหาอยู่ที่การใช้อำนาจของฝ่ายบริหารและกระบวนการที่จะทำอย่างไรให้ฝ่ายบริหารรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจในทางที่ผิด ส่วนการเพิ่มอำนาจให้ ส.ว. ในการตรวจสอบนั้น เหมือนเป็นสิ่งที่เกินอำนาจขอบเขตที่ทำหน้าที่ดูแลกลั่นกรองกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการปรับปรุงองค์กรอิสระ ทั้งและ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ตนเห็นด้วยในการปรับปรุง แต่หากจะให้มีการคานอำนาจโดยใช้ศาลก็ถือเป็นแนวทางหนึ่ง ส่วนการนำเอาหน่วยราชการมาดำเนินการจัดการเลือกตั้งจะต้องให้มั่นใจว่าอยู่ภายใต้การกำกับของ กกต. ที่เป็นกลาง หลุดพ้นการอิทธิพลของฝ่ายบริหาร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2559 ถ้าหากเป็นประชาธิปไตยและเป็นการเลือกตั้งที่เป็นธรรม แต่อาจมีปัญหาหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็จะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ จึงเสนอว่าให้มีการลงประชามติ หากผ่านก็ใช้ฉบับที่ทำมา แต่หากไม่ผ่านก็กลับไปใช้ฉบับปี 2550 ที่มีก่อนการรัฐประหาร เพื่อให้บ้านเมืองมีความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่มีการทำประชามติจะกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง อาจทำให้ประเทศกลับไปเป็นแบบเดิม ซึ่งตนเสียดายโอกาสของประเทศ.
http://www.thairath.co.th/content/471619
มาร์ค ยํ้าขอทำประชามติ รธน.ฉบับใหม่ ยันพร้อมลงเลือกตั้งปี 59
"อภิสิทธิ์" แนะระบุให้ชัด ที่มานายกฯ ค้านใช้หน่วยราชการจัดเลือกตั้ง ย้ำขอทำประชามติ รธน.ฉบับใหม่ พร้อมลงสนามปี 59
วันที่ 27 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของ กมธ.ยกร่างฯ ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.หรือสังกัดพรรคการเมืองว่า ควรจะระบุให้ชัดว่าเป็นข้อยกเว้นตามสถานการณ์ซึ่งจะต้องพิจารณากันอีกครั้ง แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ควรเขียนในลักษณะบททั่วไปว่า ห้ามเป็น ส.ส.เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา จะทำให้ระบบประชาธิปไตยถอยหลัง ที่ผ่านมาปัญหาอยู่ที่การใช้อำนาจของฝ่ายบริหารและกระบวนการที่จะทำอย่างไรให้ฝ่ายบริหารรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจในทางที่ผิด ส่วนการเพิ่มอำนาจให้ ส.ว. ในการตรวจสอบนั้น เหมือนเป็นสิ่งที่เกินอำนาจขอบเขตที่ทำหน้าที่ดูแลกลั่นกรองกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการปรับปรุงองค์กรอิสระ ทั้งและ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ตนเห็นด้วยในการปรับปรุง แต่หากจะให้มีการคานอำนาจโดยใช้ศาลก็ถือเป็นแนวทางหนึ่ง ส่วนการนำเอาหน่วยราชการมาดำเนินการจัดการเลือกตั้งจะต้องให้มั่นใจว่าอยู่ภายใต้การกำกับของ กกต. ที่เป็นกลาง หลุดพ้นการอิทธิพลของฝ่ายบริหาร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2559 ถ้าหากเป็นประชาธิปไตยและเป็นการเลือกตั้งที่เป็นธรรม แต่อาจมีปัญหาหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็จะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ จึงเสนอว่าให้มีการลงประชามติ หากผ่านก็ใช้ฉบับที่ทำมา แต่หากไม่ผ่านก็กลับไปใช้ฉบับปี 2550 ที่มีก่อนการรัฐประหาร เพื่อให้บ้านเมืองมีความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่มีการทำประชามติจะกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง อาจทำให้ประเทศกลับไปเป็นแบบเดิม ซึ่งตนเสียดายโอกาสของประเทศ.
http://www.thairath.co.th/content/471619