ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยค่ะ ว่านี่คือเรื่องจริงของเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เลยขออนุญาติใช้นามสมมุติว่า วารี นะคะ
วารี เป็นสาวประเภทสอง อายุ 39 ปี ก่อนหน้านี้เคยเป็นนางโชว์ ตามโชว์ทีมีชื่อในจังหวัดท่องเที่ยวเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว (2550) มีช่วงหนึ่งกลับมาเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด รู้สึกไม่ค่อยสบาย ปวดหัว มีไข้นึกยังไงไม่รู้ ไปขอตรวจเอชไอวีที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนนั้นประเมินตัวเองแล้วว่าเสี่ยงแน่ๆ เพราะเราก็ไม่ได้มีแฟนคนเดียว มีมาไม่น้อยเลยหละ เริ่มมี sex จริงๆก็เรียกว่ายังเด็กๆ สาวๆอายุสิบนิดๆ แถมไม่พอมีเพื่อนรุ่นๆ เดียวกันบางคนป่วยแล้วด้วย
พอผลตรวจจากคลินิกเอกชนออกมาบอกว่าผลเลือดเราเป็นบวกมีเชื้อเอชไอวี ความรู้สึกตอนนั้น บอกไม่ถูก เสียใจนิดเดียว เพราะคิดๆอยู่ว่ามีสิทธิ์ แต่คิดเสียใจว่าทำไมเพิ่งจะตรวจ น่าจะตรวจมานานแล้ว คนที่คิดมากกว่าคือครอบครัว เพราะพอบอกไปมาเครียดแทน จะเอาไปฝากไว้วัดที่ดังๆ เรารู้สึกว่าไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะเราแข็งแรง ไม่มีอาการอะไรเลย เคยอ่านเจอว่ารักษากันได้ ก็เลยตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบ แล้วก้อรักษา ระหว่างนั้นไปบวชเป็นพระอยู่ 1 ปีเพื่อสงบจิตใจ ตอนมารับยารักษาแรกๆก็หลบๆซ่อนๆ จนตอนหลังมาเจอคนที่เค้าเป็นแกนนำ ช่วยแนะนำเรื่องการดูแล การกินยา ก็สบายใจขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานก็สึกออกมาทำงาน จนกระทั่งในปี 51 พบแฟนคนนี้ เพราะตามเพื่อนไปเที่ยวที่หมู่บ้านหนึ่ง รู้สึกชอบพอกัน และคบหากัน ใช้เวลาไม่นานก็มาอยู่ด้วยกัน จริงๆเค้าก็เป็นผู้ชาย แต่ก็เคยมีแฟนเป็นสาวประเภทสองมาก่อน เค้าชอบเราเพาะพูดเก่ง พูดเพราะ แรกๆ เค้าไม่กล้าพาเข้าบ้านเจอครอบครัว
พาเราไปอยู่ข้างนอก ใช้ชีวิตกันค่อนข้างลำบากจนวันหนึ่งพ่อเค้าก็บอกว่าทำไมไม่พามาอยู่ด้วยกัน ก็ปลื้มค่ะ เค้ายอมรับเรา รับเราเป็นแบบลูกสะใภ้ ค่อนข้างให้เกียรติ คนในหมู่บ้านก้อยอมรับดี
สำหรับเรื่องที่เรามีเชื้อ ตอนแรกไม่กล้าบอก กลัวแฟนรับไม่ได้ แฟนก็เหมือนจะรู้ๆ เราไม่แน่ใจ แต่เราให้เค้าใช้ถุงยางอนามัยตลอดๆ จนผ่านเป็นปี ถึงบอกแฟน พอตัดสินใจบอกก็เหมือนโล่งเลย เพราะแฟนกลับบอกว่าเค้ารับได้ อยากให้เราดูแลรักษาตัวเองดีๆ รู้สึกผิดนิดหน่อยเพราะตอนแรกๆเคยคิดว่าจะไม่ป้องกัน ปล่อยๆจะได้ติดด้วยกันไม่ทิ้งเรา แต่ตอนนี้ดีใจมากที่ไม่ทำอย่างนั้น เพราะเค้าเข้าใจดูแลเราดีมาก เป็นคนหาเลี้ยงเป็นหลัก ให้กำลังใจเราตลอด ซึ่งเวลาเรามีอะไรกันก็ใส่ถุงยางทุกครั้ง เค้าไม่เคยรังเกียจอะไรเราเลย ยังกอดจูบเหมือนคู่รักทั่วไปต้องบอกว่าเราโชคดีมากๆ ที่พอตรวจแล้วก็รักษาเลย ไม่เคยมีอาการอะไรให้ต้องเป็นกังวล ทุกวันนี้เราก็ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งเราก็รู้จากพี่ๆที่เคยให้คำแนะนำเรา ว่าบางคนรู้ตัวว่าติดและรักษาเป็น 10 /20 ปี ก็ใช้ชีวิตได้แข็งแรงดีเราตอนนี้ก็ช่วยพี่ๆ ให้คำแนะนำคนอื่นๆด้วย จริงๆ คิดว่าถ้าเราตรวจแล้วรู้ผลหนะยิ่งเร็วยิ่งดีที่สุด เดี๋ยวนี้ยาก้อดี การรักษาตัวก็ไม่ได้ยุ่งยากมาก ขอเพียงปฏิบัติตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด รักษาตัวให้ดีให้แข็งแรงอยู่เสมอ เราก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขและไม่เป็นภาระของสังคม เราเชื่อว่าความรักที่แท้มีอยู่จริง เราขอเป็นกำลังใจทุกท่านที่ติดเชื้อและผู้ที่ไม่แน่ใจว่าจะติดเชื้อรึปล่าวด้วยนะคะ พี่วารีเค้าอยากแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน แต่เค้าไม่ถนัดเขียนเล่าออกมาเป็นตัวหนังสือ เลยเล่าให้เราฟังแล้วเราก็เอามาช่วยเขียนให้ เรื่องราวของพี่เค้าอาจเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนได้ไม่มากก็น้อยเลยนะคะ (เราฟังแล้วน้ำตาคลอตามเลยค่ะ ซึ้งในความรักของพี่เค้าสองคนมากจริงๆ)
เรื่องจริงของสาวนางโชว์
วารี เป็นสาวประเภทสอง อายุ 39 ปี ก่อนหน้านี้เคยเป็นนางโชว์ ตามโชว์ทีมีชื่อในจังหวัดท่องเที่ยวเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว (2550) มีช่วงหนึ่งกลับมาเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด รู้สึกไม่ค่อยสบาย ปวดหัว มีไข้นึกยังไงไม่รู้ ไปขอตรวจเอชไอวีที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนนั้นประเมินตัวเองแล้วว่าเสี่ยงแน่ๆ เพราะเราก็ไม่ได้มีแฟนคนเดียว มีมาไม่น้อยเลยหละ เริ่มมี sex จริงๆก็เรียกว่ายังเด็กๆ สาวๆอายุสิบนิดๆ แถมไม่พอมีเพื่อนรุ่นๆ เดียวกันบางคนป่วยแล้วด้วย
พอผลตรวจจากคลินิกเอกชนออกมาบอกว่าผลเลือดเราเป็นบวกมีเชื้อเอชไอวี ความรู้สึกตอนนั้น บอกไม่ถูก เสียใจนิดเดียว เพราะคิดๆอยู่ว่ามีสิทธิ์ แต่คิดเสียใจว่าทำไมเพิ่งจะตรวจ น่าจะตรวจมานานแล้ว คนที่คิดมากกว่าคือครอบครัว เพราะพอบอกไปมาเครียดแทน จะเอาไปฝากไว้วัดที่ดังๆ เรารู้สึกว่าไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะเราแข็งแรง ไม่มีอาการอะไรเลย เคยอ่านเจอว่ารักษากันได้ ก็เลยตัดสินใจไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบ แล้วก้อรักษา ระหว่างนั้นไปบวชเป็นพระอยู่ 1 ปีเพื่อสงบจิตใจ ตอนมารับยารักษาแรกๆก็หลบๆซ่อนๆ จนตอนหลังมาเจอคนที่เค้าเป็นแกนนำ ช่วยแนะนำเรื่องการดูแล การกินยา ก็สบายใจขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานก็สึกออกมาทำงาน จนกระทั่งในปี 51 พบแฟนคนนี้ เพราะตามเพื่อนไปเที่ยวที่หมู่บ้านหนึ่ง รู้สึกชอบพอกัน และคบหากัน ใช้เวลาไม่นานก็มาอยู่ด้วยกัน จริงๆเค้าก็เป็นผู้ชาย แต่ก็เคยมีแฟนเป็นสาวประเภทสองมาก่อน เค้าชอบเราเพาะพูดเก่ง พูดเพราะ แรกๆ เค้าไม่กล้าพาเข้าบ้านเจอครอบครัว
พาเราไปอยู่ข้างนอก ใช้ชีวิตกันค่อนข้างลำบากจนวันหนึ่งพ่อเค้าก็บอกว่าทำไมไม่พามาอยู่ด้วยกัน ก็ปลื้มค่ะ เค้ายอมรับเรา รับเราเป็นแบบลูกสะใภ้ ค่อนข้างให้เกียรติ คนในหมู่บ้านก้อยอมรับดี
สำหรับเรื่องที่เรามีเชื้อ ตอนแรกไม่กล้าบอก กลัวแฟนรับไม่ได้ แฟนก็เหมือนจะรู้ๆ เราไม่แน่ใจ แต่เราให้เค้าใช้ถุงยางอนามัยตลอดๆ จนผ่านเป็นปี ถึงบอกแฟน พอตัดสินใจบอกก็เหมือนโล่งเลย เพราะแฟนกลับบอกว่าเค้ารับได้ อยากให้เราดูแลรักษาตัวเองดีๆ รู้สึกผิดนิดหน่อยเพราะตอนแรกๆเคยคิดว่าจะไม่ป้องกัน ปล่อยๆจะได้ติดด้วยกันไม่ทิ้งเรา แต่ตอนนี้ดีใจมากที่ไม่ทำอย่างนั้น เพราะเค้าเข้าใจดูแลเราดีมาก เป็นคนหาเลี้ยงเป็นหลัก ให้กำลังใจเราตลอด ซึ่งเวลาเรามีอะไรกันก็ใส่ถุงยางทุกครั้ง เค้าไม่เคยรังเกียจอะไรเราเลย ยังกอดจูบเหมือนคู่รักทั่วไปต้องบอกว่าเราโชคดีมากๆ ที่พอตรวจแล้วก็รักษาเลย ไม่เคยมีอาการอะไรให้ต้องเป็นกังวล ทุกวันนี้เราก็ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งเราก็รู้จากพี่ๆที่เคยให้คำแนะนำเรา ว่าบางคนรู้ตัวว่าติดและรักษาเป็น 10 /20 ปี ก็ใช้ชีวิตได้แข็งแรงดีเราตอนนี้ก็ช่วยพี่ๆ ให้คำแนะนำคนอื่นๆด้วย จริงๆ คิดว่าถ้าเราตรวจแล้วรู้ผลหนะยิ่งเร็วยิ่งดีที่สุด เดี๋ยวนี้ยาก้อดี การรักษาตัวก็ไม่ได้ยุ่งยากมาก ขอเพียงปฏิบัติตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด รักษาตัวให้ดีให้แข็งแรงอยู่เสมอ เราก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขและไม่เป็นภาระของสังคม เราเชื่อว่าความรักที่แท้มีอยู่จริง เราขอเป็นกำลังใจทุกท่านที่ติดเชื้อและผู้ที่ไม่แน่ใจว่าจะติดเชื้อรึปล่าวด้วยนะคะ พี่วารีเค้าอยากแชร์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน แต่เค้าไม่ถนัดเขียนเล่าออกมาเป็นตัวหนังสือ เลยเล่าให้เราฟังแล้วเราก็เอามาช่วยเขียนให้ เรื่องราวของพี่เค้าอาจเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนได้ไม่มากก็น้อยเลยนะคะ (เราฟังแล้วน้ำตาคลอตามเลยค่ะ ซึ้งในความรักของพี่เค้าสองคนมากจริงๆ)