สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอแชร์ประสบการในการติดเชื้อซิฟิลิสมาให้ฟังเพื่อเป็นบทเรียนสอนผู้อื่นให้ระวังตัวนะครับ
ก่อนอื่นอนุญาตบอกก่อนว่า ผมเป็นเพศ LGBT (เกย์-รับ) และทุกครั้งที่ผมมีเพศสัมพันธ์ผมจะป้องกันโดยการให้คู่นอนใส่ถุงยางตลอดเพราะเป็นคนที่กลัวจะติดเชื้อ HIV มาก
เริ่มต้นจากการที่ผมเป็นคนตรวจสุขภาพประจำอยู่แล้ว วันที่ 11 ม.ค. 68 ได้มีการ check up ร่างกายกับโรงบาลแห่งหนึ่ง(ขออนุญาตไม่บอกชื่อ) คือเป็นการตรวจค่าไขมันมันต่างๆ ค่าน้ำตาล ค่าตับ ค่าไต รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย ได้แก่ HIV ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบ B,C พร้อมกันทั้งหมด ผลออกมาว่าทุกค่าปกติหมด (ทุกครั้งที่ตรวจสุขภาพจะดีใจเป็นพิเศษที่ผลออกมาดี 555) แต่ต่อจากนี้ไปจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไม่มีวันลืมไปจนวันตาย เพราะเดือนเมษาทั้งเดือนที่ผ่านมา ผมได้มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนถึง 3 คน ต้องบอกก่อนว่าผมไม่มีแฟน เป็นประเภท one night stand รักสนุกแต่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้ง อย่างที่บอกไปว่าผมจะกลัวการติดเชื้อ HIV มากๆเพราะไม่อยากกินยาตลอดชีวิต รู้สึกว่าถ้าผมติดเชื้อนี้ขึ้นมา ชีวิตผมจะเปลี่ยนไปอย่างมากแน่นอน ผมรู้มาว่า HIV หลักๆติดได้จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน การจูบ การใช้ปาก ออรัลเซ็กซ์ แทบจะไม่มีโอกาสในการติดเชื้อนี้เลย กลับมาที่ผมบอกว่าช่วง เมษา ผมมีคู่นอนถึง 3 คนแล้วทั้ง 3 คนก็ใส่ถุงยางป้องกันตลอดมีการใช้ปาก ดูดดื่ม ออรัลเซ็กซ์เหมือนกันทุกคน แต่ในช่วงเดือนเมษาทั้งเดือน ทุกคนที่ผมมีอะไรกัน มีแค่ครั้งเดียวต่อคนไม่ได้มีกันหลายครั้ง นับได้ว่ามีแค่ 3 ครั้งนั่นเอง ตัดมาวันที่ 27 พ.ค. ผมได้ทำการตรวจ check up ร่างกายของโรงบาลนั้นอีกครั้ง คืนวันนั้น จนท.ของโรงบาลโทรหาผมบอกว่า มีค่าเลือดตัวนึงผิดปกติ จึงขอให้ผมมาทำการตรวจเพื่อยืนยันผลอีกครั้งนึง (ในใจผมคิดว่าคงเป็นพวกค่าไขมัน หรือค่าตับที่ผิดปกติแน่นอนเลย ไม่คิดว่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพราะป้องกันทุกครั้ง) มาถึงวันที่ 28 พ.ค. ได้ทำการเจาะเลือดตรวจอีกครั้งนึงผ่านไป 2 ชม.กว่าผลออก พยาบาลเรียกผมไปคุยที่ห้องแบบเป็นส่วนตัวแล้วแจ้งรายละเอียดผลเลือด พยาบาลแจ้งมาว่าผลเลือดจากที่ตรวจยืนยันออกมาพบว่าเกือบทุกค่าปกติหมด แต่พบการติดเชื้อซิฟิลิส (ในตอนนั้นหัวใจของผมตกลงมาอยู่ตาตุ่มนึกว่าตัวเองฝันไปมันไม่จริงใช่มั้ย นิ่งไปพักใหญ่) พยาบาลจึงสอบถามรายละเอียดผมถึงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ เพราะซิฟิลิสเป็นโรคหนึ่งที่ติดต่อได้จากทางนี้ แต่ก่อนที่ผมจะตอบคำถามพยาบาลคนนั้น ผมเกริ่นไปก่อนว่า พี่ครับทุกครั้งที่ผมมีเพศสัมพันธ์ผมให้คู่นอนสวมถุงยางตลอดเลยนะครับ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ติด แล้วเชื้อซิฟิลิสคืออะไร ณ เวลานั้นผมพูดอยู่กับตัวเอง ซิฟิลิสคืออะไร มันเป็นไปได้ยังไงที่ผมติดเชื้อนี้ ผมไม่มีความรู้ทางโรคนี้เลย เคยได้ยินชื่อแล้วก็รู้ว่าโรคนี้สามารถหายขาดได้แค่นั้นเอง แต่ไม่รู้รายละเอียดว่ามันคืออะไร โรคที่ผมคิดว่ามันอยู่ไกลตัวผม กลายเป็นว่ามันเข้ามาอยู่ในร่างกายผมไปแล้ว คุณหมอจึงถามผมว่าทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์คุณได้ป้องกันทุกครั้งมั้ย แล้วมีความรู้เกี่ยวกับซิฟิลิสมั้ย รู้จักโรคนี้มั้ย ผมเลยตอบไปว่าผมไม่รู้จักซิฟิลิส พี่พยาบาลช่วยอธิบายให้ฟังหน่อย พี่พยาบาลคนนั้นจึงอธิบายให้ฟังว่า มันคือเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ต่อให้สวมถุงยางป้องกันแล้วก็ตาม แต่มันสามารถติดได้จากทางอื่นอีก เช่น ออรัลเซ็กส์ มีเพศสัมพันธ์ทางปาก โรคนี้ไม่เหมือนกับ HIV ที่มันจะติดทางนี้ไม่ได้ โอกาสในการติดเชื้อซิฟิลิสมันติดกันได้ง่ายมาก แล้วถ้าติดแล้วมักมีมีโรคทางเพศสัมพันธ์โรคอื่นติดพ่วงมาด้วย แต่โชคดีที่ตรวจมาแล้วพบแค่ซิฟิลิสเพียงโรคเดียว พี่พยาบาลจึงบอกให้ผมรีบไปรักษาตามสิทธิ อีกอย่างหนึ่งถ้าโรคนี้รักษาเร็วโอกาสก็จะหายเร็วมาก ตอนนั้นพี่เค้าส่งผลตรวจให้ผมดูให้ดูค่าซิฟิลิสที่ผมติดมา TPHA 1:80 VDRL 1:32 เค้าบอกว่า 1:32 เชื้อมันเริ่มเยอะขึ้นแล้วรีบไปรักษาจะได้หายไวๆ ถ้าปล่อยไว้เชื้อจะลามเข้าสู่ระบบปราสาทได้ กลับมาถึงบ้านผมทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าโรคนี้จะมาเกิดกับตัวเองได้ง่ายขนาดนี้ กลับบ้านไปวันที่ 29 พ.ค. คือนั่งๆนอนๆ หมดอะไรตายอยาก ผมช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่มีสติเลย ไม่กล้าบอกคนที่บ้าน ได้แต่บอกเพื่อนสนิทผมที่มีอยู่เพียง 3 คน คืนวันนั้นผมเริ่มคิดได้ว่าผมจะต้องหายขาดจากโรคนี้ให้ได้ ตอนนั้นสติเริ่มกลับมาแล้ว อย่างแรกที่คิดเลยต้องไปติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิที่ตัวเองมี วันรุ่งขึ้น 30 พ.ค. เวลา 08:00 คลินิกเปิดทำการได้คิวแรกๆจึงไปขอรักษาที่คลินิกแถวบ้านเพราะตัวเองมีบัตรทองที่นี่ เอาผลตรวจจาก รพ นั้นมาแจ้งพยาบาลแล้วบอกว่า จนท ของ รพ นี้ให้มารักษาตามสิทธิ ทาง จนท ของคลินิกก็บอกว่า ถ้าเป็นโรคนี้จะไม่สามารถรักษาที่นี่ได้ต้องส่งตัวไปรักษาอีกที่นะคะ ผมเลยบอกว่าได้เลยครับ ไม่มีปัญหา ถ้าไม่เสียค่าใช้จ่ายผมทำได้หมดขอให้ผมหายขาดจากโรคนี้ก็พอ พยาบาลจึงทำเรื่องส่งตัว ให้ผมให้นัดวันมาว่าอยากไปรักษาเมื่อไร ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงวันหยุดพิเศษอะไรซักอย่างนึงด้วย ผมจึงได้เร็วสุดวันที่ 4 มิ.ย. ในขณะเดียวกันทางคลินิกก็ขอตรวจซิฟิลิส กับ HIV ที่นี่อีกครั้งนึงด้วย ผมก็ยินดีและได้เจาะเลือดอีกครั้ง ปรากฎว่าที่ตรวจได้คือค่า VDRL 1:64 ต่างจากที่ผมตรวจกับทาง รพ นั้นคือ VDRL 1:32
สิ่งที่ทำให้ผมช็อกมากคือ เพิ่งรู้ว่าต่อให้สวมถุงยางป้องกัน แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันโรคคิดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดได้ อธิบายไปยาวพอสมควรแล้ว ครั้งหน้าผมจะเล่าให้ฟังต่ออีกหลังจากวันที่ไป รพ ส่งต่อตามสิทธินั่นคือ โรงพยาบาลตากสิน กทม จะมาอธิบายต่ออีกรวมถึงเรื่องของการรักษานะครับ แต่ก่อนหน้านี้ผมเคยออกมาพูดถึงเรื่องการรักษาในกระทู้ข้างล่างนี้แล้วนะครับ 👇
https://m.pantip.com/topic/43720848
ยังไงครั้งหน้าจะอธิบายเรื่องของการรักษาที่โรงพยาบาลตากสินนะครับว่าเป็นยังไงต่อ สุดท้ายนี้สิ่งที่ผมออกมาบอกก็คืออยากเตือนทุกคนให้ระวังตัวเองให้ดีเพราะขนาดผมดูแลตัวเองดีแล้ว ป้องกันก็แล้ว ก็ยังติดมาได้เลย เป็นห่วงทุกคนไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้เหมือนผมนะครับ
ประสบการณ์ในการติดซิฟิลิส ทั้งๆที่สวมถุงยาง
ก่อนอื่นอนุญาตบอกก่อนว่า ผมเป็นเพศ LGBT (เกย์-รับ) และทุกครั้งที่ผมมีเพศสัมพันธ์ผมจะป้องกันโดยการให้คู่นอนใส่ถุงยางตลอดเพราะเป็นคนที่กลัวจะติดเชื้อ HIV มาก
เริ่มต้นจากการที่ผมเป็นคนตรวจสุขภาพประจำอยู่แล้ว วันที่ 11 ม.ค. 68 ได้มีการ check up ร่างกายกับโรงบาลแห่งหนึ่ง(ขออนุญาตไม่บอกชื่อ) คือเป็นการตรวจค่าไขมันมันต่างๆ ค่าน้ำตาล ค่าตับ ค่าไต รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย ได้แก่ HIV ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบ B,C พร้อมกันทั้งหมด ผลออกมาว่าทุกค่าปกติหมด (ทุกครั้งที่ตรวจสุขภาพจะดีใจเป็นพิเศษที่ผลออกมาดี 555) แต่ต่อจากนี้ไปจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไม่มีวันลืมไปจนวันตาย เพราะเดือนเมษาทั้งเดือนที่ผ่านมา ผมได้มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนถึง 3 คน ต้องบอกก่อนว่าผมไม่มีแฟน เป็นประเภท one night stand รักสนุกแต่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้ง อย่างที่บอกไปว่าผมจะกลัวการติดเชื้อ HIV มากๆเพราะไม่อยากกินยาตลอดชีวิต รู้สึกว่าถ้าผมติดเชื้อนี้ขึ้นมา ชีวิตผมจะเปลี่ยนไปอย่างมากแน่นอน ผมรู้มาว่า HIV หลักๆติดได้จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน การจูบ การใช้ปาก ออรัลเซ็กซ์ แทบจะไม่มีโอกาสในการติดเชื้อนี้เลย กลับมาที่ผมบอกว่าช่วง เมษา ผมมีคู่นอนถึง 3 คนแล้วทั้ง 3 คนก็ใส่ถุงยางป้องกันตลอดมีการใช้ปาก ดูดดื่ม ออรัลเซ็กซ์เหมือนกันทุกคน แต่ในช่วงเดือนเมษาทั้งเดือน ทุกคนที่ผมมีอะไรกัน มีแค่ครั้งเดียวต่อคนไม่ได้มีกันหลายครั้ง นับได้ว่ามีแค่ 3 ครั้งนั่นเอง ตัดมาวันที่ 27 พ.ค. ผมได้ทำการตรวจ check up ร่างกายของโรงบาลนั้นอีกครั้ง คืนวันนั้น จนท.ของโรงบาลโทรหาผมบอกว่า มีค่าเลือดตัวนึงผิดปกติ จึงขอให้ผมมาทำการตรวจเพื่อยืนยันผลอีกครั้งนึง (ในใจผมคิดว่าคงเป็นพวกค่าไขมัน หรือค่าตับที่ผิดปกติแน่นอนเลย ไม่คิดว่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพราะป้องกันทุกครั้ง) มาถึงวันที่ 28 พ.ค. ได้ทำการเจาะเลือดตรวจอีกครั้งนึงผ่านไป 2 ชม.กว่าผลออก พยาบาลเรียกผมไปคุยที่ห้องแบบเป็นส่วนตัวแล้วแจ้งรายละเอียดผลเลือด พยาบาลแจ้งมาว่าผลเลือดจากที่ตรวจยืนยันออกมาพบว่าเกือบทุกค่าปกติหมด แต่พบการติดเชื้อซิฟิลิส (ในตอนนั้นหัวใจของผมตกลงมาอยู่ตาตุ่มนึกว่าตัวเองฝันไปมันไม่จริงใช่มั้ย นิ่งไปพักใหญ่) พยาบาลจึงสอบถามรายละเอียดผมถึงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ เพราะซิฟิลิสเป็นโรคหนึ่งที่ติดต่อได้จากทางนี้ แต่ก่อนที่ผมจะตอบคำถามพยาบาลคนนั้น ผมเกริ่นไปก่อนว่า พี่ครับทุกครั้งที่ผมมีเพศสัมพันธ์ผมให้คู่นอนสวมถุงยางตลอดเลยนะครับ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ติด แล้วเชื้อซิฟิลิสคืออะไร ณ เวลานั้นผมพูดอยู่กับตัวเอง ซิฟิลิสคืออะไร มันเป็นไปได้ยังไงที่ผมติดเชื้อนี้ ผมไม่มีความรู้ทางโรคนี้เลย เคยได้ยินชื่อแล้วก็รู้ว่าโรคนี้สามารถหายขาดได้แค่นั้นเอง แต่ไม่รู้รายละเอียดว่ามันคืออะไร โรคที่ผมคิดว่ามันอยู่ไกลตัวผม กลายเป็นว่ามันเข้ามาอยู่ในร่างกายผมไปแล้ว คุณหมอจึงถามผมว่าทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์คุณได้ป้องกันทุกครั้งมั้ย แล้วมีความรู้เกี่ยวกับซิฟิลิสมั้ย รู้จักโรคนี้มั้ย ผมเลยตอบไปว่าผมไม่รู้จักซิฟิลิส พี่พยาบาลช่วยอธิบายให้ฟังหน่อย พี่พยาบาลคนนั้นจึงอธิบายให้ฟังว่า มันคือเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ต่อให้สวมถุงยางป้องกันแล้วก็ตาม แต่มันสามารถติดได้จากทางอื่นอีก เช่น ออรัลเซ็กส์ มีเพศสัมพันธ์ทางปาก โรคนี้ไม่เหมือนกับ HIV ที่มันจะติดทางนี้ไม่ได้ โอกาสในการติดเชื้อซิฟิลิสมันติดกันได้ง่ายมาก แล้วถ้าติดแล้วมักมีมีโรคทางเพศสัมพันธ์โรคอื่นติดพ่วงมาด้วย แต่โชคดีที่ตรวจมาแล้วพบแค่ซิฟิลิสเพียงโรคเดียว พี่พยาบาลจึงบอกให้ผมรีบไปรักษาตามสิทธิ อีกอย่างหนึ่งถ้าโรคนี้รักษาเร็วโอกาสก็จะหายเร็วมาก ตอนนั้นพี่เค้าส่งผลตรวจให้ผมดูให้ดูค่าซิฟิลิสที่ผมติดมา TPHA 1:80 VDRL 1:32 เค้าบอกว่า 1:32 เชื้อมันเริ่มเยอะขึ้นแล้วรีบไปรักษาจะได้หายไวๆ ถ้าปล่อยไว้เชื้อจะลามเข้าสู่ระบบปราสาทได้ กลับมาถึงบ้านผมทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าโรคนี้จะมาเกิดกับตัวเองได้ง่ายขนาดนี้ กลับบ้านไปวันที่ 29 พ.ค. คือนั่งๆนอนๆ หมดอะไรตายอยาก ผมช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่มีสติเลย ไม่กล้าบอกคนที่บ้าน ได้แต่บอกเพื่อนสนิทผมที่มีอยู่เพียง 3 คน คืนวันนั้นผมเริ่มคิดได้ว่าผมจะต้องหายขาดจากโรคนี้ให้ได้ ตอนนั้นสติเริ่มกลับมาแล้ว อย่างแรกที่คิดเลยต้องไปติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิที่ตัวเองมี วันรุ่งขึ้น 30 พ.ค. เวลา 08:00 คลินิกเปิดทำการได้คิวแรกๆจึงไปขอรักษาที่คลินิกแถวบ้านเพราะตัวเองมีบัตรทองที่นี่ เอาผลตรวจจาก รพ นั้นมาแจ้งพยาบาลแล้วบอกว่า จนท ของ รพ นี้ให้มารักษาตามสิทธิ ทาง จนท ของคลินิกก็บอกว่า ถ้าเป็นโรคนี้จะไม่สามารถรักษาที่นี่ได้ต้องส่งตัวไปรักษาอีกที่นะคะ ผมเลยบอกว่าได้เลยครับ ไม่มีปัญหา ถ้าไม่เสียค่าใช้จ่ายผมทำได้หมดขอให้ผมหายขาดจากโรคนี้ก็พอ พยาบาลจึงทำเรื่องส่งตัว ให้ผมให้นัดวันมาว่าอยากไปรักษาเมื่อไร ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงวันหยุดพิเศษอะไรซักอย่างนึงด้วย ผมจึงได้เร็วสุดวันที่ 4 มิ.ย. ในขณะเดียวกันทางคลินิกก็ขอตรวจซิฟิลิส กับ HIV ที่นี่อีกครั้งนึงด้วย ผมก็ยินดีและได้เจาะเลือดอีกครั้ง ปรากฎว่าที่ตรวจได้คือค่า VDRL 1:64 ต่างจากที่ผมตรวจกับทาง รพ นั้นคือ VDRL 1:32
สิ่งที่ทำให้ผมช็อกมากคือ เพิ่งรู้ว่าต่อให้สวมถุงยางป้องกัน แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันโรคคิดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดได้ อธิบายไปยาวพอสมควรแล้ว ครั้งหน้าผมจะเล่าให้ฟังต่ออีกหลังจากวันที่ไป รพ ส่งต่อตามสิทธินั่นคือ โรงพยาบาลตากสิน กทม จะมาอธิบายต่ออีกรวมถึงเรื่องของการรักษานะครับ แต่ก่อนหน้านี้ผมเคยออกมาพูดถึงเรื่องการรักษาในกระทู้ข้างล่างนี้แล้วนะครับ 👇
https://m.pantip.com/topic/43720848
ยังไงครั้งหน้าจะอธิบายเรื่องของการรักษาที่โรงพยาบาลตากสินนะครับว่าเป็นยังไงต่อ สุดท้ายนี้สิ่งที่ผมออกมาบอกก็คืออยากเตือนทุกคนให้ระวังตัวเองให้ดีเพราะขนาดผมดูแลตัวเองดีแล้ว ป้องกันก็แล้ว ก็ยังติดมาได้เลย เป็นห่วงทุกคนไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้เหมือนผมนะครับ