สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 71
คุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทแย่ๆนี้บ้างครับ
แล้วคุณจะอึ้ง ทึ่ง เสียว
1.ถ้าคุณเป็นพนักงาน บริษัทนี้ คุณจะขี่มอไซด์เข้าไปจอดที่จอดไม่ได้ เพราะคุณต้องมีสติ๊กเกอร์ผ่าน ซึ่งสติ๊กเกอร์ผ่านก็ต้องเสียเงินให้บริษัทเพื่อทำ จำไม่ได้ว่า10 หรือ 20 บาทครับ แต่หากคุณไม่มีสติ๊กเกอร์ คุณต้องเสียค่าปรับครับ น่าจะ10 บาท ครับ แหม่ที่จอดรถก็เป็นหินกรวดแดง หลังคาก็ไม่มี ดีจริงๆ
2 . ถ้าคุณมีรถยนต์คุณขับไปทำงาน มีที่จอดครับ. อย่างโครตดี (หรา) ก็เหมือนที่จอดรถในห้างครับ แต่เดี๋ยวก่อน !!!
ให้จ่ายค่าจอดรถ กำเวร นี่กูมาทำงานบริษัทกูรึป่าว ได้แต่คิดในใจ น่าจะเดือนละหลายร้อยครับ จำไม่ค่อยได้ ดีจริงๆ
3.รถยนต์ที่วิ่งเข้าบริษัท ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ ผ่านป้อมยาม มาๆๆจ่ายตังค์กันก่อน แหม่คิดได้ไง ครั้งละ10 บาทครับ รถที่มาส่งของ ส่งสินค้า หรือติดต่อต่างๆบ่นกันเป็นแถบ ดีจริงๆ
...ยังมีต่ออีกเยอะครับ อยากทราบกันรึเปล่า กดไลค์ให้หน่อยครับ ถึงไม่กดผมก็จะแฉให้หมดครับ ..คราวต่อไปเป็นเรื่องมือถือ โน๊ตบุ๊ค โบนัส และค่าน้ำมัน 555 ของเขาดีจริงๆ
แล้วคุณจะอึ้ง ทึ่ง เสียว
1.ถ้าคุณเป็นพนักงาน บริษัทนี้ คุณจะขี่มอไซด์เข้าไปจอดที่จอดไม่ได้ เพราะคุณต้องมีสติ๊กเกอร์ผ่าน ซึ่งสติ๊กเกอร์ผ่านก็ต้องเสียเงินให้บริษัทเพื่อทำ จำไม่ได้ว่า10 หรือ 20 บาทครับ แต่หากคุณไม่มีสติ๊กเกอร์ คุณต้องเสียค่าปรับครับ น่าจะ10 บาท ครับ แหม่ที่จอดรถก็เป็นหินกรวดแดง หลังคาก็ไม่มี ดีจริงๆ
2 . ถ้าคุณมีรถยนต์คุณขับไปทำงาน มีที่จอดครับ. อย่างโครตดี (หรา) ก็เหมือนที่จอดรถในห้างครับ แต่เดี๋ยวก่อน !!!

3.รถยนต์ที่วิ่งเข้าบริษัท ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ ผ่านป้อมยาม มาๆๆจ่ายตังค์กันก่อน แหม่คิดได้ไง ครั้งละ10 บาทครับ รถที่มาส่งของ ส่งสินค้า หรือติดต่อต่างๆบ่นกันเป็นแถบ ดีจริงๆ
...ยังมีต่ออีกเยอะครับ อยากทราบกันรึเปล่า กดไลค์ให้หน่อยครับ ถึงไม่กดผมก็จะแฉให้หมดครับ ..คราวต่อไปเป็นเรื่องมือถือ โน๊ตบุ๊ค โบนัส และค่าน้ำมัน 555 ของเขาดีจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 13
กระผมทำงานที่นี้มา14ปี เจอการเปลียนแปลงมาเยยะตั้งแต่ยังเป็นโรงงานฝรั่งจนมาเป้นของเจ๊กที่โกงฝรั่งมา ผมก็ปรับตัวเหมือนกิ่งก่าให้ทำไรทำตามแนวทางของโรงงานไม่มีทางบวกของพนักงานเลยมีแต่พนักงานได้ทางลบ ไม่หักก็ไม่จ่ายมี2อย่าง แต่3ปีให้หลัง ผมทำงานทำโอทีแทบตาย(โอทีนี้โดนบังคับให้ทำเพราะเครื่องจักรเสีย)เพราะกลัวโรงงานเสียหาย ผลตอบแทน ให้แรกวันหยุด จนมาถึง เงินค่าล่วงเวลาโอที ไม่จ่าย อะไรที่ทำกับพนักงานที่ต่ำๆสรรหามาหมดทำไม่ได้ออกไปโรงงานกูทำนองนั้น ทั้งที่ลูกพี่ใหญ่บางคนโกงโรงงานก็มีเยยะให้ลูกน้องทำงานแทบตายพอจบงานพรีเซนต์ได้อย่างกะว่าอยู่ทำด้วย ผมขอยกตัวอย่างอีกหนึ่งคนนะครับ แกเป็นหัวหน้า Manager Maintenance โรงไฟฟ้า งานก็ไม่ทำ มาแต่นิ้ว ตัวอยู่ที่บ้าน(เมียน้อย) เรียนสูงแต่สมองไม่แตกต่างอนุบาล จบมาดูแบบยังไม่เป็นเลย พังนิดพังหน่อย เปลียน เล่นแบบไม่ซ่อมเลยสั่งให้เปลียนอย่างเดี่ยว แล้วจะจ้างพวกผมมาMaintenance ทำไหมครับ มีอะไรหนักกว่านั้นอีก คือ เบิกของโรงงานไปขายให้อีกโรงงาน คือโรงงานSupplierของโรงไฟฟ้าอีกที พอพวกผมจะซ่อมหาของมาซ่อมไม่ได้ ก็ไปถามว่าใครเบิก พอรู้ตัวไปถาม บอกว่าเบิกให้ โรงงานในเครือ Manager Maintenance คนนี้ก็ไปสั่งให้น้องEngineering แผนกหนึ่ง อยู่คนละแผนกกัน สั่งซื้อคืนพวกผม ครั้งเดี่ยวผมจะไม่ว่าผมได้ถามรุ่นน้องๆที่โดนแกสั่งให้เบิกของให้โดนคนล่ะไม่ต่ำกว่า2-3ครั้ง ของที่เอาไปขายโรงงานสั่งซื้อมาเกือบหลักแสนต่อชิ้นคิดดูขโมยไปขายแต่ล่ะครั้งจะได้เงินเท่าไร นี้แหละครับโรงงานอันดับต้นๆ(ที่โกงพนักงาน)ของประเทศไทย
ความคิดเห็นที่ 1
ทำงานล่วงเวลาแลกวันหยุด หลายสถานประกอบการนิยมใช้กัน ลูกจ้างเองก็ไม่ทราบสิทธิ แต่แท้ที่จริงแล้ว ทำไม่ได้ครับ ขัดกฎหมายทันที ทำงานล่วงเวลาต้องจ่ายค่าทำงานล่วงเวลา กฎหมายระบุให้จ่ายเป็น "เงิน" เพียงอย่างเดียว ไม่มีระบุให้จ่ายเป็นวันหยุด
ให้ผู้บริหารสถานประกอบการนี้ ไปลองค้นคดีเก่าๆของห้างโลตัสมาอ่านครับ แล้าจะพบว่า ศาลอุทธรณ์ท่านตัดสินไว้อย่างไร (ถึงชั้นศาลฎีกา แต่จำเลยยอมความเสียก่อน) จะเป็นแนวกรณีเทียบเคียงกรณีนี้เลยครับ ซึ่งครั้งนั้น มีการจ่ายคืนค่าจ้างทำงานในวันหยุดแก่ลูกจ้าง ในอายุความสองปี เป็นเงินหลายล้านบาทครับ
ให้ผู้บริหารสถานประกอบการนี้ ไปลองค้นคดีเก่าๆของห้างโลตัสมาอ่านครับ แล้าจะพบว่า ศาลอุทธรณ์ท่านตัดสินไว้อย่างไร (ถึงชั้นศาลฎีกา แต่จำเลยยอมความเสียก่อน) จะเป็นแนวกรณีเทียบเคียงกรณีนี้เลยครับ ซึ่งครั้งนั้น มีการจ่ายคืนค่าจ้างทำงานในวันหยุดแก่ลูกจ้าง ในอายุความสองปี เป็นเงินหลายล้านบาทครับ
ความคิดเห็นที่ 27
ผมมีข้อสงสัยอยู่เรื่องนึงครับ คือ ผมสงสัยว่าผู้บริหารระดับสูงๆของที่นี่ ท่านเหล่านั้นได้อ่านข้อความหรือความคิดเห็นของเราๆท่านๆที่ได้มาโพสกันในนี้บ้างมั๊ย เพราะนี่คือกระทู้ที่สามแล้วนะครับในรอบปีนี้ เกี่ยวกับเรื่องนโยบายที่เอารัดเอาเปรียบพนักงานของที่นี่ (หนึ่ง ก็คือ นโยบายเรื่อง BMI การนำดัชนีมวลกายมาใช้ในการปรับเงินประจำปี สอง ก็คือ นโยบายเรื่องโครงการสมาร์ทโฟน และสามก็คือกระทู้นี้)
ทีนี้ถ้าถามผม ผมก็ต้องบอกว่าอ่านแน่ครับ ท่านผู้บริหารระดับสูงๆเหล่านั้นต้องได้อ่านแน่ๆ และคนที่อ่านต้องมีอำนาจพอที่จะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ด้วย เพราะเห็นได้ชัดๆว่าพอเกิดกระแสต่อต้านและความไม่พอใจไปทั่วในหมู่พนักงาน สุดท้ายแล้วนโยบายเหล่านั้นก็ต้องยกเลิกไป (นโยบาย BMI โดนยกเลิก ส่วนโครงการสมาร์ทโฟนจากทีแรกจะบังคับให้พนักงานซื้อทุกคน ตอนนี้เปลี่ยนมาแจกฟรีแล้ว) จะด้วยเพราะทานกระแสไม่ไหว หรือกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ก็แล้วแต่
คำถามก็คือ ถ้าท่านได้อ่าน ท่านก็น่าจะทราบถึงความคิดเห็นของบรรดาเหล่าพนักงานที่มีต่อนโยบายอันประเทืองปัญญาของท่านผู้บริหารทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว แต่เหตุใด ท่านก็ยังปล่อยให้มีนโยบายแบบนี้ออกมา ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆซากๆที่มันทำให้บริษัทต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง (ย้ำว่ากระทู้ที่สามแล้ว) ท่านเคยได้ใช้รอยหยักในสมองของท่านตรึกตรองนโยบายให้ดีก่อนรึไม่
ผมไม่ทราบว่าในการคิดการออกนโยบายต่างๆใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง แต่ท่านผู้ที่คิดริเริ่มนโยบายที่วันวันมีแต่จะบั่นทอนจิตใจพนักงานที่นี่ลงเรื่อยๆ ท่านควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วนะครับ เพราะนโยบายต่างๆที่ท่านคิดมานอกจากจะบั่นทอนจิตใจพนักงานให้แย่ลงแล้ว ซึ่งมันมีแต่จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลงๆทุกวัน ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ทำลายชื่อเสียงบริษัทตัวเองไปในตัว ซึ่งในเรื่องของจิตใจพนักงาน ผมรู้ว่าท่านคงไม่สนใจ แต่ท่านควรจะสนใจในเรื่องภาพลักษณ์ขององค์กรบ้าง เพราะที่มีอยู่มันก็แย่เต็มทนแล้ว
ทีนี้ท่านจะมาโทษพนักงานก็ไม่ได้ เพราะถามว่าพวกเค้าผิดมั๊ยที่มาโพสมาคอมเม้นท์กันในนี้ ผมก็บอกได้เลยว่าไม่ผิดแน่นอน เพราะเป็นสิทธิ์ของเค้าในเมื่อที่นี่ไม่มีสหภาพ พนักงานทุกคนโดนกดหัวไม่มีสิทธ์มีเสียง (และผู้บริหารก็ไม่เคยคิดที่จะฟัง) หลายๆคนก็ทำงานมานาน อายุอานามก็มากจะไปที่อื่นคงไม่ได้แล้ว เวลาออกนโยบายต่างๆมาต่อให้มันแย่แค่ไหนก็ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว ทางออกของเค้าก็คือต้องเอามาประจานออกสื่อแบบนี้ ผลเสียที่ได้ก็คือบริษัทเสียหาย ภาพลักษณ์องค์กรย่ำแย่ เป็นการบ่อนทำลายตัวเองลงทุกวัน
อยากฝากให้ไปคิดกันนิดนึงครับก่อนออกนโยบายอะไรออกมา อยากให้ท่านคิดถึงใจเขาใจเราบ้าง ท่านกินเงินเดือนกันเป็นแสนๆ อย่างตัดโอทีท่านไม่เดือดร้อน แต่พนักงานล่างๆเค้าไม่ได้รับเงินเดือนเท่ากับท่านเค้ามีครอบครัวต้องกินต้องใช้ แค่สะกดคำว่า "ธรรมาภิบาล" ก็พอครับ
ทีนี้ถ้าถามผม ผมก็ต้องบอกว่าอ่านแน่ครับ ท่านผู้บริหารระดับสูงๆเหล่านั้นต้องได้อ่านแน่ๆ และคนที่อ่านต้องมีอำนาจพอที่จะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ด้วย เพราะเห็นได้ชัดๆว่าพอเกิดกระแสต่อต้านและความไม่พอใจไปทั่วในหมู่พนักงาน สุดท้ายแล้วนโยบายเหล่านั้นก็ต้องยกเลิกไป (นโยบาย BMI โดนยกเลิก ส่วนโครงการสมาร์ทโฟนจากทีแรกจะบังคับให้พนักงานซื้อทุกคน ตอนนี้เปลี่ยนมาแจกฟรีแล้ว) จะด้วยเพราะทานกระแสไม่ไหว หรือกลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ก็แล้วแต่
คำถามก็คือ ถ้าท่านได้อ่าน ท่านก็น่าจะทราบถึงความคิดเห็นของบรรดาเหล่าพนักงานที่มีต่อนโยบายอันประเทืองปัญญาของท่านผู้บริหารทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว แต่เหตุใด ท่านก็ยังปล่อยให้มีนโยบายแบบนี้ออกมา ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆซากๆที่มันทำให้บริษัทต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง (ย้ำว่ากระทู้ที่สามแล้ว) ท่านเคยได้ใช้รอยหยักในสมองของท่านตรึกตรองนโยบายให้ดีก่อนรึไม่
ผมไม่ทราบว่าในการคิดการออกนโยบายต่างๆใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง แต่ท่านผู้ที่คิดริเริ่มนโยบายที่วันวันมีแต่จะบั่นทอนจิตใจพนักงานที่นี่ลงเรื่อยๆ ท่านควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วนะครับ เพราะนโยบายต่างๆที่ท่านคิดมานอกจากจะบั่นทอนจิตใจพนักงานให้แย่ลงแล้ว ซึ่งมันมีแต่จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลงๆทุกวัน ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ทำลายชื่อเสียงบริษัทตัวเองไปในตัว ซึ่งในเรื่องของจิตใจพนักงาน ผมรู้ว่าท่านคงไม่สนใจ แต่ท่านควรจะสนใจในเรื่องภาพลักษณ์ขององค์กรบ้าง เพราะที่มีอยู่มันก็แย่เต็มทนแล้ว
ทีนี้ท่านจะมาโทษพนักงานก็ไม่ได้ เพราะถามว่าพวกเค้าผิดมั๊ยที่มาโพสมาคอมเม้นท์กันในนี้ ผมก็บอกได้เลยว่าไม่ผิดแน่นอน เพราะเป็นสิทธิ์ของเค้าในเมื่อที่นี่ไม่มีสหภาพ พนักงานทุกคนโดนกดหัวไม่มีสิทธ์มีเสียง (และผู้บริหารก็ไม่เคยคิดที่จะฟัง) หลายๆคนก็ทำงานมานาน อายุอานามก็มากจะไปที่อื่นคงไม่ได้แล้ว เวลาออกนโยบายต่างๆมาต่อให้มันแย่แค่ไหนก็ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว ทางออกของเค้าก็คือต้องเอามาประจานออกสื่อแบบนี้ ผลเสียที่ได้ก็คือบริษัทเสียหาย ภาพลักษณ์องค์กรย่ำแย่ เป็นการบ่อนทำลายตัวเองลงทุกวัน
อยากฝากให้ไปคิดกันนิดนึงครับก่อนออกนโยบายอะไรออกมา อยากให้ท่านคิดถึงใจเขาใจเราบ้าง ท่านกินเงินเดือนกันเป็นแสนๆ อย่างตัดโอทีท่านไม่เดือดร้อน แต่พนักงานล่างๆเค้าไม่ได้รับเงินเดือนเท่ากับท่านเค้ามีครอบครัวต้องกินต้องใช้ แค่สะกดคำว่า "ธรรมาภิบาล" ก็พอครับ
ความคิดเห็นที่ 2
“โลตัส” ยอมถอนคดี พร้อมจ่ายเงินชดเชยลูกจ้าง มูลค่าร่วม 35 ล้าน ปลายเดือนนี้ หลังลูกจ้างร้องเรียนกรณีเอาเปรียบให้ทำงานวันหยุดตามประเพณีโดยไม่จ่ายค่าจ้าง “สรอรรถ” ย้ำกฎหมายยังศักดิ์สิทธิ์
ภายหลังจากพนักงานห้างเทสโก้-โลตัส ซึ่งประกอบกิจการค้าปลีกและค้าส่งได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ว่านายจ้างเอาเปรียบแรงงาน โดยให้ทำงานในวันหยุดตามประเพณีและไม่ได้จ่ายค่าจ้าง ทำให้กรมสวัสดิการฯ มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย แต่นายจ้างกลับอุทธรณ์คำสั่งและได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงานกลาง ต่อมาศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณีตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน อย่างไรก็ตาม นายจ้างห้างเทสโก้-โลตัส ก็ยังอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลฎีกา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีนั้น
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงได้รับการประสานจากผู้บริหารห้างเทสโก้-โลตัส ว่ายินดีปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยยินดีถอนคดีออกจากศาลฎีกาและจ่ายเงินค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณี ค่าล่วงเวลาให้กับพนักงานทุกคนที่มาปฏิบัติงานในวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวมทั้งยินดีจ่ายค่าจ้างย้อนหลัง 2 ปี ตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ว่าด้วยการกำหนดอายุความการเรียกร้องสิทธิค่าจ้าง หากนายจ้างไม่ปฏิบัติการตามกฎหมาย นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างย้อนหลังเป็นเวลา 2 ปี
สำหรับรายละเอียดในเรื่องนี้ ได้สั่งการให้นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาพิจารณาก่อนที่จะมีการแถลงข่าวให้ทราบวันที่ 3 มิถุนายนอีกครั้ง ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว แต่เป็นการคุยด้วยเหตุด้วยผลซึ่งทางห้างฯก็ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า จำนวนเงินค่าจ้างที่ห้างเทสโก้-โลตัส ต้องจ่ายให้พนักงานคิดเป็นยอดเงินทั้งสิ้นประมาณ 35 ล้านบาท โดยเป็นการคำนวณจากตัวเลขพนักงานที่มาปฏิบัติงานโดยคิดเป็น 40% ของพนักงานทั้งหมด 22,000 คน จาก 125 สาขาทั่วประเทศ หรือประมาณ 8,000 คนคูณด้วยค่าจ้างวันละ 160 บาทโดยเฉลี่ย แล้วคูณด้วยจำนวนวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2 ปีจำนวน 26 วัน ซึ่งค่าจ้างทั้งหมดห้างเทสโก้-โลตัส จะเริ่มทยอยจ่ายให้กับพนักงานตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
ภายหลังจากพนักงานห้างเทสโก้-โลตัส ซึ่งประกอบกิจการค้าปลีกและค้าส่งได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ว่านายจ้างเอาเปรียบแรงงาน โดยให้ทำงานในวันหยุดตามประเพณีและไม่ได้จ่ายค่าจ้าง ทำให้กรมสวัสดิการฯ มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย แต่นายจ้างกลับอุทธรณ์คำสั่งและได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงานกลาง ต่อมาศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณีตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน อย่างไรก็ตาม นายจ้างห้างเทสโก้-โลตัส ก็ยังอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลฎีกา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีนั้น
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงได้รับการประสานจากผู้บริหารห้างเทสโก้-โลตัส ว่ายินดีปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยยินดีถอนคดีออกจากศาลฎีกาและจ่ายเงินค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณี ค่าล่วงเวลาให้กับพนักงานทุกคนที่มาปฏิบัติงานในวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวมทั้งยินดีจ่ายค่าจ้างย้อนหลัง 2 ปี ตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ว่าด้วยการกำหนดอายุความการเรียกร้องสิทธิค่าจ้าง หากนายจ้างไม่ปฏิบัติการตามกฎหมาย นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างย้อนหลังเป็นเวลา 2 ปี
สำหรับรายละเอียดในเรื่องนี้ ได้สั่งการให้นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาพิจารณาก่อนที่จะมีการแถลงข่าวให้ทราบวันที่ 3 มิถุนายนอีกครั้ง ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว แต่เป็นการคุยด้วยเหตุด้วยผลซึ่งทางห้างฯก็ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า จำนวนเงินค่าจ้างที่ห้างเทสโก้-โลตัส ต้องจ่ายให้พนักงานคิดเป็นยอดเงินทั้งสิ้นประมาณ 35 ล้านบาท โดยเป็นการคำนวณจากตัวเลขพนักงานที่มาปฏิบัติงานโดยคิดเป็น 40% ของพนักงานทั้งหมด 22,000 คน จาก 125 สาขาทั่วประเทศ หรือประมาณ 8,000 คนคูณด้วยค่าจ้างวันละ 160 บาทโดยเฉลี่ย แล้วคูณด้วยจำนวนวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2 ปีจำนวน 26 วัน ซึ่งค่าจ้างทั้งหมดห้างเทสโก้-โลตัส จะเริ่มทยอยจ่ายให้กับพนักงานตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
แสดงความคิดเห็น
เมื่อบริษัทกระดาษรายใหญ่แห่งหนึ่งจ่ายค่า OT พนักงานแค่ 10% ที่เหลือแลกวันหยุด ( ฐานเงินเดือน*10% )
กรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงาน ตามพรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 61 กำหนดบังคับให้นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างนั้น นายจ้างจะให้ลูกจ้างได้รับประโยชน์เป็นวันหยุดหรือชดเชยชั่วโมงทำงานทดแทนไม่อาจกระทำได้ เป็นการฝ่าฝืนบทกฎหมาย ดังกล่าวที่เป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอันคุ้มครองการใช้แรงงานให้เป็นไปอย่างเป็นธรรม ดังนั้นเมื่อนายจ้างไม่จ่ายค่าล่วงเวลาลูกจ้างดังกล่าวชอบที่จะยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานแห่งท้องที่ที่ตนทำงานอยู่เพื่อทำการสอบสวนและมีคำสั่งแก่นายจ้างหรือฟ้องต่อศาลแรงงานเพื่อบังคับให้นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลาพร้อมเงินเพิ่มได้
การทำงานล่วงเวลา และการทำงานในวันหยุด
- ใน กรณีที่งานมีลักษณะต้องทำติดต่อกันไป ถ้าหยุดจะ เสียหายแก่งานหรือเป็นงานฉุกเฉิน
นายจ้างอาจให้ลูกจ้าง ทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดเท่าที่จำเป็นก็ได้
- กิจการโรงแรม สถานมหรสพ งานขนส่ง ร้านขายอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม สโมสร สมาคม
สถานพยาบาล และกิจการอื่นตามที่กระทรวงจะได้กำหนดนายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานใน วันหยุดเท่า
ที่จำเป็นก็ได้ โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างเป็นคราวๆ ไป
- ใน กรณีที่มีการทำงานล่วงเวลาต่อจากเวลาทำงานปกติไม่น้อยกว่า สองชั่วโมง นายจ้าง
ต้องจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพัก ไม่น้อยกว่ายี่สิบนาที ก่อนที่ลูกจ้างเริ่ม ทำงานล่วงเวลา (ยกเว้นงานที่
มีลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกันไป โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างหรือเป็นงาน
ฉุกเฉิน)
? ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุดและค่าล่วงเวลาในวันหยุด
- ถ้า ทำงานเกินเวลาทำงานปกติของวันทำงาน นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ไม่น้อยกว่า
หนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวน ชั่วโมงที่ทำหรือไม่น้อยกว่าหนึ่ง
เท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อหน่วย ในวันทำงานตามจำนวนผลงานที่ทำได้สำหรับลูกจ้างที่ได้รับ
ค่าจ้างตามผลงาน
- ถ้า ทำงานในวันหยุดเกินเวลาทำงานปกติของวันทำงานนายจ้างต้องจ่าย ค่าล่วงเวลาใน
วันหยุดให้แก่ลูกจ้างในอัตราสามเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่
ทำหรือตามจำนวนผลงานที่ทำได้สำหรับ ลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
- ถ้า ทำงานในวันหยุดในเวลาทำงานปกติ นายจ้างต้องจ่ายค่าทำงานในวันหยุด ให้แก่ลูกจ้าง
ที่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าของค่าจ้าง ในวันทำงานตามชั่วโมงที่ทำงานใน
วันหยุด หรือตามจำนวนผลงานที่ทำได้ สำหรับลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็น
หน่วย สำหรับลูกจ้างที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 2 เท่า ของค่าจ้างใน
วันทำงานตามชั่วโมงที่ทำงานในวันหยุดหรือตามจำนวนผลงาน ที่ทำได้สำหรับลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้าง
ตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
มันคิดเป็น 10% ของฐานเงินเดือนไม่ได้หลอกนะ เค้าบอกว่า นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง หรือ ถ้า ทำงานในวันหยุดเกินเวลาทำงานปกติของวันทำงานนายจ้างต้องจ่าย ค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างในอัตราสามเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ต้องเอา (เงินเดือน/30วัน= ค่าแรงรายวัน/8ชั่วโมง=OT ที่ได้ต่อ ชม.*3แรง หรือ 1.5 แรง จะได้ออกมาเป็น OT ที่ถูกต้อง
คิดว่ายังไงครับกับนโยบายนี้เรามีสิทธิฟ้องกรมแรงงานหรือไม่ เพราะเดี๋ยวนี้หักแต่เงินพนักงานเงินประจำปีก็ไม่ปรับ