กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้โยงวิทย์กับศาสนามั่วๆ แต่มีหลักวิชาการและเป็นประเด็นที่น่าสนใจ โปรดพูดคุยกันด้วยเหตุผล งดดราม่า
ถ้าว่ากันตามนิยาม ปรมัตถธรรมหรือความจริงอันสูงสุด หรือ ultimate truth มันคือ ธรรมชาติที่เป็นความจริงแท้แน่นอน ที่ดำรงลักษณะเฉพาะของตนไว้โดย ไม่ผันแปรเปลี่ยนแปลง เป็นธรรมที่ปฏิเสธความเป็นสัตว์ ความเป็นบุคคล ความเป็นตัวตนโดยสิ้นเชิง ปรมัตถธรรม นี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สภาวธรรม แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ประสูติและตรัสรู้ สภาพธรรมทั้งหลายก็ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยอยู่แล้ว
นี่คล้ายกับ ไม่ใช่คล้ายสินี่คือลักษณะของ วิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์เลย คือ
1.ฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ก็คือธรรมะ เพราะธรรมะคือธรรมชาติ วิชาฟิสิกส์ศึกษาความจริงของธรรมชาติ
2.ฟิสิกส์นั้นเป็นความจริงแท้แน่นอน เป็นกฎของเอกภพ เช่น กฎการอนุรักษ์พลังงาน กฎของนิวตัน กฎพวกนี้จริงแท้แน่นอน
ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
3.แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ประสูติและตรัสรู้ สภาพธรรมทั้งหลายก็ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยอยู่แล้ว เช่นกันกฎของฟิสิกส์แม้
แมกเวลไม่ไปค้นพบสมการแม่เหล็กไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้าก็ยังปฎิบัติตามหลักนั้นเหมือนเดิม หรือง่ายๆเรื่องแรงดึดูดของโลก
แม้ไม่มีใครใครพบอธิบายแรงนี้ได้ แต่แรงนี้ก็ยังมีอยู่
ที่นี้ ศาสนาพุทธก็มีพูดถึงเรื่อง ปรมัตถธรรม ว่าได้แก่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
จะเห็นว่าถ้าความจริงอันสูงสุดมีแค่นี้ เอกภพก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะมันมีกฎที่ง่ายเกินไปจนไม่ทำให้มี quantum fluctuations
ไปทำให้เกิด การพัฒนาโครงสร้างของเอกภพ
แต่ถ้าเราบอกว่า ปรมัตถธรรม คือกฎของฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ทั้งหมดมารวมกัน แม้ตอนนี้เราจะไม่ทราบกฎทั้งหมด แต่มันเป็นจิกซอที่กำลัง
ต่อพอเห็นรูปลางๆ แล้ว เราไม่รู้ว่ามีจิกซอจำนวนกี่ชิ้น บางทีเราไม่มีวันรู้ได้ แต่ด้วยกฎสองวิชาอย่างนี้ ทำให้เอกภพเกิดขึ้นได้
และกฎเหล่านี้เองคือกฎที่อยู่เบื้องหลังของสิ่งต่างๆ
กล่าวโดยสรุปศาสนาพุทธ สอนเน้นไปทางเรื่องศาสนา ปรัชญา จริยศาสตร์ การปฎิบัติตนต่อผู้อื่น the way of life ซึ่งเป็นการสอนแบบมีเหตุมีผล และยังสอนเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท อธิบายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น ซึ่งถือเป็นรากฐานของการคิดแบบเหตุผลนิยม ซึ่งพัฒนามาเป็นวิทยาศาสตร์
ส่วนฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ไม่มีเรื่องจริยศาสตร์ เพราะมักอธิบายเกี่ยวกับวัตถุวิ่งไม่มีชีวิต แต่ อธิบายสิ่งต่างๆด้วยระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และสะสมกฎ ความรู้ ต่างๆมากมาย คือศาสนาพุทธบอกเป็นแนวหลักๆว่าเพราะสิ่งนั้นมีสิ่งนี้จึงมี แต่ฟิสิกส์เข้าไปอธิบายเลย ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น เพราะมีมวล ทำให้เกิดมีแรงดึงดูด เพราะมีแรงดูงดูดทำให้วัถตุมีพลังงานศักย์ เพราะมีพลังงานศักย์ทำให้น้ำตกไหลลงมา
เป็นต้น และฟิสิกส์ก็ประสพความสำเร็จในการอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในธรรมชาติอย่างมากมาย ถ้าอยากเข้าใจ ปรมัตถธรรมหรือความจริงอันสูงสุด ก็ต้องอ่านหนังสือ เทกบุค วิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ อย่างตำราเรียนเลขและฟิสิกส์มอปลายก็ถือเป็น ปรมัตถธรรม เช่นกัน แต่เป็นพื้นฐานเบื้องต้น
ถ้าเราจะหา ปรมัตถธรรมหรือความจริงอันสูงสุดเราควรศึกษาฟิสิกส์มากกว่าศึกษาพุทธศาสนาหรือเปล่าครับ ?
ถ้าเราจะหา ปรมัตถธรรมหรือความจริงอันสูงสุดเราควรศึกษาฟิสิกส์มากกว่าศึกษาพุทธศาสนาหรือเปล่าครับ
ถ้าว่ากันตามนิยาม ปรมัตถธรรมหรือความจริงอันสูงสุด หรือ ultimate truth มันคือ ธรรมชาติที่เป็นความจริงแท้แน่นอน ที่ดำรงลักษณะเฉพาะของตนไว้โดย ไม่ผันแปรเปลี่ยนแปลง เป็นธรรมที่ปฏิเสธความเป็นสัตว์ ความเป็นบุคคล ความเป็นตัวตนโดยสิ้นเชิง ปรมัตถธรรม นี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สภาวธรรม แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ประสูติและตรัสรู้ สภาพธรรมทั้งหลายก็ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยอยู่แล้ว
นี่คล้ายกับ ไม่ใช่คล้ายสินี่คือลักษณะของ วิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์เลย คือ
1.ฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ก็คือธรรมะ เพราะธรรมะคือธรรมชาติ วิชาฟิสิกส์ศึกษาความจริงของธรรมชาติ
2.ฟิสิกส์นั้นเป็นความจริงแท้แน่นอน เป็นกฎของเอกภพ เช่น กฎการอนุรักษ์พลังงาน กฎของนิวตัน กฎพวกนี้จริงแท้แน่นอน
ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
3.แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ประสูติและตรัสรู้ สภาพธรรมทั้งหลายก็ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยอยู่แล้ว เช่นกันกฎของฟิสิกส์แม้
แมกเวลไม่ไปค้นพบสมการแม่เหล็กไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้าก็ยังปฎิบัติตามหลักนั้นเหมือนเดิม หรือง่ายๆเรื่องแรงดึดูดของโลก
แม้ไม่มีใครใครพบอธิบายแรงนี้ได้ แต่แรงนี้ก็ยังมีอยู่
ที่นี้ ศาสนาพุทธก็มีพูดถึงเรื่อง ปรมัตถธรรม ว่าได้แก่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
จะเห็นว่าถ้าความจริงอันสูงสุดมีแค่นี้ เอกภพก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะมันมีกฎที่ง่ายเกินไปจนไม่ทำให้มี quantum fluctuations
ไปทำให้เกิด การพัฒนาโครงสร้างของเอกภพ
แต่ถ้าเราบอกว่า ปรมัตถธรรม คือกฎของฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ทั้งหมดมารวมกัน แม้ตอนนี้เราจะไม่ทราบกฎทั้งหมด แต่มันเป็นจิกซอที่กำลัง
ต่อพอเห็นรูปลางๆ แล้ว เราไม่รู้ว่ามีจิกซอจำนวนกี่ชิ้น บางทีเราไม่มีวันรู้ได้ แต่ด้วยกฎสองวิชาอย่างนี้ ทำให้เอกภพเกิดขึ้นได้
และกฎเหล่านี้เองคือกฎที่อยู่เบื้องหลังของสิ่งต่างๆ
กล่าวโดยสรุปศาสนาพุทธ สอนเน้นไปทางเรื่องศาสนา ปรัชญา จริยศาสตร์ การปฎิบัติตนต่อผู้อื่น the way of life ซึ่งเป็นการสอนแบบมีเหตุมีผล และยังสอนเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท อธิบายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น ซึ่งถือเป็นรากฐานของการคิดแบบเหตุผลนิยม ซึ่งพัฒนามาเป็นวิทยาศาสตร์
ส่วนฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ไม่มีเรื่องจริยศาสตร์ เพราะมักอธิบายเกี่ยวกับวัตถุวิ่งไม่มีชีวิต แต่ อธิบายสิ่งต่างๆด้วยระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และสะสมกฎ ความรู้ ต่างๆมากมาย คือศาสนาพุทธบอกเป็นแนวหลักๆว่าเพราะสิ่งนั้นมีสิ่งนี้จึงมี แต่ฟิสิกส์เข้าไปอธิบายเลย ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น เพราะมีมวล ทำให้เกิดมีแรงดึงดูด เพราะมีแรงดูงดูดทำให้วัถตุมีพลังงานศักย์ เพราะมีพลังงานศักย์ทำให้น้ำตกไหลลงมา
เป็นต้น และฟิสิกส์ก็ประสพความสำเร็จในการอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในธรรมชาติอย่างมากมาย ถ้าอยากเข้าใจ ปรมัตถธรรมหรือความจริงอันสูงสุด ก็ต้องอ่านหนังสือ เทกบุค วิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ อย่างตำราเรียนเลขและฟิสิกส์มอปลายก็ถือเป็น ปรมัตถธรรม เช่นกัน แต่เป็นพื้นฐานเบื้องต้น
ถ้าเราจะหา ปรมัตถธรรมหรือความจริงอันสูงสุดเราควรศึกษาฟิสิกส์มากกว่าศึกษาพุทธศาสนาหรือเปล่าครับ ?