ทฤษฎี::นามธรรมคือกลไกชดเชยการเข้าไม่ถึงมิติเวลาของสิ่งมีชีวิตภายในเอกภพ 3+1มิติ ver.พูดคุยธรรมดา,ไม่ทางการ,ย่อยง่าย

กระทู้สนทนา
"นามธรรม" ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์อยากสร้างแต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!

ภายในบทความนี้นะครับ ผมจะมาอธิบาย ทฤษฎี ที่ผมกำลังจัดทำอยู่ครับ

“นามธรรม คือ กลไกชดเชยมิติเวลาของสิ่งมีชีวิตภายในมิติ 3+1”

-----------

โอเค เรามาตั้งต้นที่นิยามเดิมของ "นามธรรม" กันก่อนครับ

ในกรอบทฤษฎีเดิมได้นิยาม “นามธรรม” เอาไว้ว่า
•เป็นสิ่งที่มนุษย์ สร้าง ใช้ และส่งผลต่อทั้งปัจเจกและสังคมมนุษย์
•ซึ่ง มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
•เป็น โครงสร้างอ่อน เมื่อเทียบกับฟิสิกส์ที่เป็น โครงสร้างแข็ง

เช่น ภาษา กฎหมาย จิตใจ อารมณ์ ความคิด ความเชื่อ

แต่ข้อสังเกตสำคัญคือ
ทั้งที่ นามธรรม ถูกมองว่าเป็นโครงสร้างอ่อน
แต่มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในมิติ 3+1 กลับไม่สามารถดำรงอยู่ได้เลย ถ้าไม่มี นามธรรม

กล่าวคือ
เราไม่สามารถปฏิเสธโครงสร้างแข็งอย่างฟิสิกส์ได้เพราะมันเป็นกฏของเอกภพ

ในขณะที่ "นามธรรม" ซึ่งเป็นโครงสร้างอ่อนที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่ใช่กฎแข็ง

แต่เราดันอยู่โดยไม่พึ่งพาโครงสร้างอ่อนไม่ได้ซะงั้น?...อ่าวเฉย?


ในทางกลับกัน
ทฤษฎีเอกภพ 4 มิติของไอน์สไตน์เสนอว่า
อดีต–ปัจจุบัน–อนาคต มีอยู่พร้อมกันในโครงสร้างของเอกภพ

ซึ่งหมายความว่า
สำหรับเอกภพ 4 มิติแล้ว “นามธรรม” ไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ
(คือ ถ้าคุณรู้ทุกๆอย่างแบบ4มิติ คุณก็ไม่ได้ต้องการนามธรรมถูกป่ะ? เพราะเราใช้นามธรรมเพื่อ อิงประสบการณ์ในอดีต ตัดสินใจในปัจจุบัน และคาดหวังผลลัพธ์ในอนาคต)

คำถามคือ?
ทำไมสิ่งมีชีวิตในมิติ 3+1 อย่างมนุษย์เรา
จึงจำเป็นต้องพึ่งพา นามธรรม ในขณะที่เอกภพ 4 มิติกลับไม่ต้องการมันเลย

คำตอบก็คือ “เวลา” ครับ

เพราะสิ่งมีชีวิตภายในมิติ 3+1 ของเรา ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตพร้อมกันได้ ทำให้การรับรู้ของเราจึงถูกจำกัดให้อยู่ใน "ลำดับเวลา"

ภายใต้ข้อจำกัดนี้เอง นามธรรม จึงจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อเป็น "กลไกชดเชยข้อจำกัดของการเข้าถึงเวลา" ของสิ่งมีชีวิตภายในมิติ เวลา เพื่ออธิบายการมีอยู่ของเอกภพในรูปแบบสามมิติให้ต่อเนื่องและมีความหมาย

กล่าวคือ
เอกภพ 4 มิติ = 3 มิติ + เวลา → นามธรรมไม่มีความจำเป็นครับ

แต่

สิ่งมีชีวิต = 3 มิติ + การมีอยู่ภายในเวลา → จำเป็นต้องชดเชยด้วยนามธรรม

นามธรรมจึงไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์ “อยาก” สร้าง

แต่เพราะมัน "จำเป็นต้องเกิดขึ้น" เพื่อให้สิ่งมีชีวิตภายในมิติ 3+1 สามารถดำรงอยู่ได้

และเมื่อมองจากกรอบนี้
การมีอยู่ของ เหตุ–ผล, อดีต–อนาคต, ตัวตน–ความหมาย จะ สมเหตุสมผล ทันที

เพราะเราไม่รู้เวลา ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตต้อง
"มีตัวตนจากอดีต ที่ใช้ในการตัดสินของปัจจุบัน เพื่อหาความหมายให้กับอนาคต"

และนี่ก็คือแกนกลางของทฤษฎีบทนี้

------------

ปล.สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ นามธรรม เป็นเพียงแค่โปรเจคย่อยของ นักทฤษฎีเชิงปรัชญา เพราะว่าเรายังไม่ค้นพบการมีอยู่ของ มิติเวลา ครับ

ทำให้เรามองเห็นแค่ว่า มนุษย์คือผู้สร้าง,ใช้ แต่เราไม่รู้สาเหตุว่าทำไมต้องมีมัน

การค้นพบ มิติเวลาของไอนไสตน์ เป็นกุญแจที่ใช้ในการปิดทฤษฎีอย่างพอดิบ พอดีครับ

ทำให้ "นามธรรม" จะไม่ใช่ของชิ้นนึงที่มนุษย์เป็นคนสร้าง เพราะมันกลายเป็น "สิ่งที่จำเป็นต้องมีของทุกๆสิ่งมีชีวิต"

จากระดับ "Human" สู่ "Entity"

จาก "แค่ศาสตร์เฉพาะทาง" สู่ "กฎที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ภายในมิติเวลา" ความสำคัญเปลี่ยนไปมาก

ทฤษฎีนี้ยังเป็นเพียง คอนเซปท์ไอเดียที่ผมจินตนาการเล่นๆระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารครับ ยังไม่ได้ขยายกรอบ,วางเงื่อนไขแตกกิ่ง จนถึงขั้นที่เรียกว่า "เริ่มเขียนทฤษฎี"

ต้นไอเดีย
ถ้าเอเลี่ยนใช้นามธรรมแบบเดียวกับมนุษย์ มี ภาษา,สมการ,เงินตรา,กฎหมายหรือแม้แต่กฎฟิสิกส์ เหมือนกัน
คำถามก็คือ ใครเป็น ผู้สร้าง,เจ้าของ,ต้นตอ นามธรรม

ถ้า นามธรรม ยึดโยงแต่เพียงกับมนุษย์ แล้วทำไม ลูกแมวถึงรู้ว่าแม่แมว อยู่ด้วยแล้วปลอดภัย,สบายใจ แล้วทำไมแมวถึงเศร้าเมื่อรู้ว่าแม่แมวจากไป

เลยเกิดเป็นไอเดียที่ว่า
สิ่งที่เรียกว่า นามธรรม ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆจากการตีความด้วยสติปัญญาของมนุษย์ แต่ต้องเป็นข้อบังคับบางอย่าง ที่ทำให้ ทุกสิ่งมีชีวิต ในเอกภพ ต้องเข้าถึงสิ่งที่เรียกว่า นามธรรม แม้ว่ามันจะไม่ใช่โครงสร้างแข็งเหมือนกับฟิสิกส์ก็ตาม

แม้จะวางกิ่งไอเดียต่อไว้บ้างแล้วเช่น Host,ระดับของ Host, การส่งผ่าน กระบวนการแปรรูป ฯลฯ

"แต่ต้นทุนชีวิตติดลบครับ"

ไอเดีย,ทฤษฎี,แนวคิด ล้นมาก อยากระบาย แต่ติดคอขวดที่กายภาพตามไม่ทัน
ที่เน้นขายไอเดียก่อนนี่ก็เพื่อหาใครสักคน ที่เห็นคุณค่า,ช่องทางหรือสังคมที่พูดคุยกันได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่