สวัสดีค่ะ ขออนุญาติ แทก ทั้ง 3 ห้องนะคะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ อยากขอคำแนะนำ ดีดีไปช่วยเพื่อนที่ กำลังตกที่นั่งลำบากค่ะ พอดีเจ้าของกระทู้ ไม่ได้เก่งด้าน ทำธุรกิจ หรือ เรื่องหุ้นส่วนมากมาย จำได้แค่พื้นฐาน
พอดี เพื่อนเราร่วมลงหุ้นกับเพื่อนอีก 1 คน และรุ่นพี่อีกคน ซื้อร้านอาหารไทยเล็ก ๆ มาทำกันเองค่ะ ราคา 35,000 เหรียญสหรัฐนะคะ
เพื่อนเรา แทนด้วย เอ นะคะ เพื่อน ของเพื่อนเรา แทนด้วย บี และรุ่นพี่ นะคะ ความสัมพันธิ ของ 3 คนนี้ พวกเขาไม่ได้ รู้จักกัน
มาก่อนนะคะ เพิ่งมารู้จักกันที่นี่ และทำงานร่วมกัน มาสักประมาณ 2 ปี รุ่นพี่คุยว่า รุ่นพี่เคยทำมาก่อน ทำได้หมด เข้าใจ ร้านเล็ก ๆ แค่นี้
เราอยู่กันได้สบาย ๆ เหนาะ ๆ 30,000 - 50,000 เหรียญ ต่อเดือน เอ และ บี ยังไม่ได้กรีนการ์ด สถานะยังไม่มั่นคง เท่ารุ่นพี่ เริ่มมีความ
หวัง และฝันกับร้านนี้ เลยยอม ซื้อใจกันและกัน และลงทุนตามประสา พี่ ๆ น้อง ๆ
เอ ลงหุ้น 10% = $5,000 ทำเสริฟ คนเดียวข้างหน้า ทำทุกอย่างตั้งแต่ บัญชี โปรโมท กู้เงิน เมนู ซื้อของโอยเยอะค่ะ รุ่นพี่ไม่ทำอะไรเลยเพราะภาษาไม่ดี
บี ลงหุ้น 40% = $12,000 เป็นกุ้ก ผีมือดีมาก ๆ ทำทุกอย่างเหมือนกันหลังร้าน ผัด ล้าง ทำความสะอาด ช่วยเอ ซื้อของ ยกของ ขยันมาก
รุ่นพี่ ลงหุ้น 60% = $18,000 เจ้าของร้าน ไม่ทำอะไร ได้แต่นั่งเพ้อ จะเปิดสาขา 2
ลงขันร่วมกันครั้งนี้ ไม่มีสัญญา มีแต่ใจ และความหงัวที่จะประสบความสำเร็จล้วน ๆ แต่แล้ว รุ่นพี่ได้เป็นเจ้าของร้าน ไปกู้เงินมาซื้อร้าน
ประมาณว่านอกระบบ ดอกแสนแพง รายได้ที่ได้ จากทุก ๆ เดือน รุ่นพี่เอาไปโปะหนี้ตัวเอง เพื่อสร้าง เครดิต ให้ร้าน ด้วยความทะเยอะทะยาน
รุ่นพี่ จะทำให้ร้านเล็ก ๆ กลายเป็นระดับ 5 ดาวโรงแรมด้วยการ ทำเมนู ซะแฟนซี ราคาแพงขึ้นจากเจ้าจองคนก่อน ๆ จากที่เคยมีลูกค้าประจำ
ลูกค้าเริ่มหายเพราะ แพงเกินไป รายได้ก็น้อยลง รุ่นพี่จึงขอยืม บัตรเครดิตของ เอ ไปใช้เพื่อไว้ซื้อของเข้าร้าน ( จุดนี้เราเข้าใจนะคะว่า ใคร
จะคิดว่าเพื่อนเราบ้าไปแล้วหรอ ค่ะหล่อนบ้าไปเพราะความไว้ใจ ) จน ตอนนี้ เอ เป็นหนี้ บัตรเครดิจ มากกว่า 7,000 เหรียญ (จาก 12,000)โดยที่ตัวเอง
ไม่ได้ สร้าง และ บี ก็ ทำงานฟรี แบบไม่ได้เงินเดือน ตลอด 8 เดือน รุ่นพี่ จ่ายแล้ว รุ่นพี่ก็มาขอไปหมุนใหม่
คือเราฟังปัญหา เราก็โมโห นะคะ ว่า นี่คิดอะไรกันอยู่ ทำอะไรกัน ให้รุ่นพี่ มาทำนาบนหลังกันสบายใจ วัน ๆ ไม่ทำอะไร เข้าร้าน ตอนฟ้ามืดแล้ว
แทบทุกวัน แต่เอาเงินเดือนทุกเดือน ใช่ค่ะ เอ และ บี พลาดไปแล้ว พลาดครั้งใหญ่ บีเลยตัดสินใจ ออกไปทำานที่อื่น เพราะอยู่ไปนอกจากหุ้นที่
ี่ลงไป สูญเปล่าแล้ว ยังไม่มีรายได้อีก
ทีนี้ รุ่นพี่เริ่มไม่สนุก กับการที่ต้องลงมาทำ มาผัดกับข้าวเอง เหนื่อย ทั้ง ๆ ที่สมัยทำอยู่ในครัว เขาไม่ใช่คนแบบนี้เลย ขยัน ตรงเวลา แต่ตอนนี้
ลายออก แล้วก็อยากจะขายร้าน บอกเพื่อนเราว่า ให้หาคนมาซื้อ 35,000 แล้วเอาไปเลย เอ และ บี เลยปรึกษากันว่า จะช่วยกันหาเงินมาซื้อ
ร้านคืน จากรุ่นพี่แล้วทำกันเอง แต่เราบอก เอ ว่า ทำไมต้องหาเงินมาด้วย ในเมื่อเงินที่ เอ และ บี ลงทุนไป ก็ยังไม่ได้คืน แถมไม่ได้เงินเดือน
อีก 8 เดือน เดือนละ 2,500 เหรียญ ดูเอาแล้วกันค่ะ ว่าเป็นเงินเท่าไร คือเราก็ไม่แน่ใจว่า ที่เราบอก เอไป มันถูกหลักการของการร่วมหุ้นไหม
แต่ มันแย่นะคะ เพราะ เอและบี ไม่เคยได้จับเงินเลย ทุกบาททุกสตางค์ไป อยู่ที่รุ่นพี่หมด คือเราก็ไม่เข้าใจ ว่าเขาเกรงใจอะไรกันมากมาย
ถึงยอมให้ รุ่นพี่กันขนาดนี้ แต่คนเราไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ
คำถามนะคะ : 1. เราอยากทราบว่า จะเป็นไปได้ไหมคะ ที่ เอ และ บี จะตกลงกับรุ่นพี่ ให้เขาหัก หนี้ ของ เอ 7,600 ของ บี 12,000 + 2,500x8
เหลือเท่าไรเขาก็เอาส่วนต่างไป เพราะ เอ และ บี ก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าได้ร้านคืนแล้วมาทำกันเอง เอากำไร มาแบ่งกันไปใช้หนี้ ที่ รุ่นพี่สร้างไว้
ยังดีกว่า มารอว่า เขาจะเคลียร์หนี้ให้ เอ และ บี ได้เมื่อไหร่ ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์ อักษรด้วยค่ะ แต่ ร้านเป็นชื่อรุ่นพี่
2. เรามีความรู้สึกว่า ถ้า รุ่นพี่ได้ เงินจากการขายร้านได้ 35,000 จริง ๆ เขาต้องไป แน่ ๆ จะมีทางไหน ไหมคะที่เรา จะสามารถทำให้เขายอม
ได้ เขาคงไม่ยอมเสียผลประโยชน์ ขายให้หุ้นส่วนตัวเอง เพราะถ้าเขาขายให้คนอื่น เขาได้เงินเต็ม ๆ ถ้าเขาไม่ยอม เราจะขู่ว่าเราจะ ทำเรื่อง
ฟ้องอะไรแบบนี้ได้ไหมค่ะ แบบไม่ได้ทำจริง ๆ แค่ให้เขากลัวและยอมไปดีดี ดีกว่ามาทะเลาะกัน ตอนที่ต้องตกลงกันค่ะ
ขอบคุณนะคะ ขอบคุณล่วงหน้า จากใจจริงค่ะ
อยากทราบเรื่อง การร่วมหุ้น ด้วยสัญญาปากเปล่า ร้านอาหารไทยในอเมริกาค่ะ.
พอดี เพื่อนเราร่วมลงหุ้นกับเพื่อนอีก 1 คน และรุ่นพี่อีกคน ซื้อร้านอาหารไทยเล็ก ๆ มาทำกันเองค่ะ ราคา 35,000 เหรียญสหรัฐนะคะ
เพื่อนเรา แทนด้วย เอ นะคะ เพื่อน ของเพื่อนเรา แทนด้วย บี และรุ่นพี่ นะคะ ความสัมพันธิ ของ 3 คนนี้ พวกเขาไม่ได้ รู้จักกัน
มาก่อนนะคะ เพิ่งมารู้จักกันที่นี่ และทำงานร่วมกัน มาสักประมาณ 2 ปี รุ่นพี่คุยว่า รุ่นพี่เคยทำมาก่อน ทำได้หมด เข้าใจ ร้านเล็ก ๆ แค่นี้
เราอยู่กันได้สบาย ๆ เหนาะ ๆ 30,000 - 50,000 เหรียญ ต่อเดือน เอ และ บี ยังไม่ได้กรีนการ์ด สถานะยังไม่มั่นคง เท่ารุ่นพี่ เริ่มมีความ
หวัง และฝันกับร้านนี้ เลยยอม ซื้อใจกันและกัน และลงทุนตามประสา พี่ ๆ น้อง ๆ
เอ ลงหุ้น 10% = $5,000 ทำเสริฟ คนเดียวข้างหน้า ทำทุกอย่างตั้งแต่ บัญชี โปรโมท กู้เงิน เมนู ซื้อของโอยเยอะค่ะ รุ่นพี่ไม่ทำอะไรเลยเพราะภาษาไม่ดี
บี ลงหุ้น 40% = $12,000 เป็นกุ้ก ผีมือดีมาก ๆ ทำทุกอย่างเหมือนกันหลังร้าน ผัด ล้าง ทำความสะอาด ช่วยเอ ซื้อของ ยกของ ขยันมาก
รุ่นพี่ ลงหุ้น 60% = $18,000 เจ้าของร้าน ไม่ทำอะไร ได้แต่นั่งเพ้อ จะเปิดสาขา 2
ลงขันร่วมกันครั้งนี้ ไม่มีสัญญา มีแต่ใจ และความหงัวที่จะประสบความสำเร็จล้วน ๆ แต่แล้ว รุ่นพี่ได้เป็นเจ้าของร้าน ไปกู้เงินมาซื้อร้าน
ประมาณว่านอกระบบ ดอกแสนแพง รายได้ที่ได้ จากทุก ๆ เดือน รุ่นพี่เอาไปโปะหนี้ตัวเอง เพื่อสร้าง เครดิต ให้ร้าน ด้วยความทะเยอะทะยาน
รุ่นพี่ จะทำให้ร้านเล็ก ๆ กลายเป็นระดับ 5 ดาวโรงแรมด้วยการ ทำเมนู ซะแฟนซี ราคาแพงขึ้นจากเจ้าจองคนก่อน ๆ จากที่เคยมีลูกค้าประจำ
ลูกค้าเริ่มหายเพราะ แพงเกินไป รายได้ก็น้อยลง รุ่นพี่จึงขอยืม บัตรเครดิตของ เอ ไปใช้เพื่อไว้ซื้อของเข้าร้าน ( จุดนี้เราเข้าใจนะคะว่า ใคร
จะคิดว่าเพื่อนเราบ้าไปแล้วหรอ ค่ะหล่อนบ้าไปเพราะความไว้ใจ ) จน ตอนนี้ เอ เป็นหนี้ บัตรเครดิจ มากกว่า 7,000 เหรียญ (จาก 12,000)โดยที่ตัวเอง
ไม่ได้ สร้าง และ บี ก็ ทำงานฟรี แบบไม่ได้เงินเดือน ตลอด 8 เดือน รุ่นพี่ จ่ายแล้ว รุ่นพี่ก็มาขอไปหมุนใหม่
คือเราฟังปัญหา เราก็โมโห นะคะ ว่า นี่คิดอะไรกันอยู่ ทำอะไรกัน ให้รุ่นพี่ มาทำนาบนหลังกันสบายใจ วัน ๆ ไม่ทำอะไร เข้าร้าน ตอนฟ้ามืดแล้ว
แทบทุกวัน แต่เอาเงินเดือนทุกเดือน ใช่ค่ะ เอ และ บี พลาดไปแล้ว พลาดครั้งใหญ่ บีเลยตัดสินใจ ออกไปทำานที่อื่น เพราะอยู่ไปนอกจากหุ้นที่
ี่ลงไป สูญเปล่าแล้ว ยังไม่มีรายได้อีก
ทีนี้ รุ่นพี่เริ่มไม่สนุก กับการที่ต้องลงมาทำ มาผัดกับข้าวเอง เหนื่อย ทั้ง ๆ ที่สมัยทำอยู่ในครัว เขาไม่ใช่คนแบบนี้เลย ขยัน ตรงเวลา แต่ตอนนี้
ลายออก แล้วก็อยากจะขายร้าน บอกเพื่อนเราว่า ให้หาคนมาซื้อ 35,000 แล้วเอาไปเลย เอ และ บี เลยปรึกษากันว่า จะช่วยกันหาเงินมาซื้อ
ร้านคืน จากรุ่นพี่แล้วทำกันเอง แต่เราบอก เอ ว่า ทำไมต้องหาเงินมาด้วย ในเมื่อเงินที่ เอ และ บี ลงทุนไป ก็ยังไม่ได้คืน แถมไม่ได้เงินเดือน
อีก 8 เดือน เดือนละ 2,500 เหรียญ ดูเอาแล้วกันค่ะ ว่าเป็นเงินเท่าไร คือเราก็ไม่แน่ใจว่า ที่เราบอก เอไป มันถูกหลักการของการร่วมหุ้นไหม
แต่ มันแย่นะคะ เพราะ เอและบี ไม่เคยได้จับเงินเลย ทุกบาททุกสตางค์ไป อยู่ที่รุ่นพี่หมด คือเราก็ไม่เข้าใจ ว่าเขาเกรงใจอะไรกันมากมาย
ถึงยอมให้ รุ่นพี่กันขนาดนี้ แต่คนเราไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ
คำถามนะคะ : 1. เราอยากทราบว่า จะเป็นไปได้ไหมคะ ที่ เอ และ บี จะตกลงกับรุ่นพี่ ให้เขาหัก หนี้ ของ เอ 7,600 ของ บี 12,000 + 2,500x8
เหลือเท่าไรเขาก็เอาส่วนต่างไป เพราะ เอ และ บี ก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าได้ร้านคืนแล้วมาทำกันเอง เอากำไร มาแบ่งกันไปใช้หนี้ ที่ รุ่นพี่สร้างไว้
ยังดีกว่า มารอว่า เขาจะเคลียร์หนี้ให้ เอ และ บี ได้เมื่อไหร่ ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์ อักษรด้วยค่ะ แต่ ร้านเป็นชื่อรุ่นพี่
2. เรามีความรู้สึกว่า ถ้า รุ่นพี่ได้ เงินจากการขายร้านได้ 35,000 จริง ๆ เขาต้องไป แน่ ๆ จะมีทางไหน ไหมคะที่เรา จะสามารถทำให้เขายอม
ได้ เขาคงไม่ยอมเสียผลประโยชน์ ขายให้หุ้นส่วนตัวเอง เพราะถ้าเขาขายให้คนอื่น เขาได้เงินเต็ม ๆ ถ้าเขาไม่ยอม เราจะขู่ว่าเราจะ ทำเรื่อง
ฟ้องอะไรแบบนี้ได้ไหมค่ะ แบบไม่ได้ทำจริง ๆ แค่ให้เขากลัวและยอมไปดีดี ดีกว่ามาทะเลาะกัน ตอนที่ต้องตกลงกันค่ะ
ขอบคุณนะคะ ขอบคุณล่วงหน้า จากใจจริงค่ะ