บทสนทนาในไลน์ใช้เป็นหลักฐานสู้คดีได้ไหม

กระทู้คำถาม
ขอคำปรึกษาจากพี่ๆน้องๆและผู้มีความรู้ด้านกฎหมายหน่อยค่ะ
ขอย้อนเรื่องไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 เรื่องมีอยู่ว่าดิฉันได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการค้ำประกันเงินกู้ให้กับนางเอ(นามสมมุติ)โดยมีนายบีเป็นเจ้าหนี้(โดยส่วนตัวดิฉันรู้จักกับนางเอในระดับหนึ่ง) วันนั้นดิฉันได้อยู่ในเหตุการณ์ที่ทั้ง2ฝ่ายกำลังตกลงจะทำสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ให้แก่กัน(โดยมีฉบับเก่าอยู่ที่นางเอ)แต่ฝ่ายนายบี ที่เป็นเจ้าหนี้อยากให้นางเอ รวมหนี้สินให้เป็นยอดเงินเดียวกันเพราะก่อนหน้านี้นายบีได้ทำสัญญาเงินกู้กับนางเอหลายฉบับ แต่ละฉบับมียอดเงินไม่เท่ากัน นายบีเจ้าหนี้จึงอยากให้นางเอ รวมหนี้สินเป็นยอดเดียวกัน ซึ่งรวมหนี้สินทั้งหมดมารวมกันแล้วเป็นเงินกว่า 2,300,000 บาทโดยก่อนหน้านี้ในการกู้ยืมเงินหลายครั้งของนางเอลูกหนี้กับนายบีเจ้าหนี้ ดิฉันไม่ได้รู้เห็น หรือมีส่วนได้เสียกับการกู้ยืมเงินทั้งสองฝ่ายเลย แต่พอวันที่ทั้ง 2 ฝ่ายคือนางเอกับนายบีจะทำสัญญาใหม่เพื่อรวมหนี้ให้เป็นยอดเงินเดียวกันนั้น ดิฉันบังเอิญเดินเข้ามาในห้องพอดีและได้เห็นทั้ง2ฝ่ายกำลังตกลงกันว่าจะทำสัญญาใหม่ นายบีซึ่งเป็นเจ้าหนี้กำลังเขียนสัญญาฉบับใหม่ให้กับนางเอซึ่งเป็นลูกหนี้และมีนางซีภรรยานายบีรวมอยู่ในห้องด้วย โดยนายบีได้ยื่นสัญญาฉบับใหม่ซึ่งมียอดหนี้รวม 2,300,000บาทให้กับนางเอเพื่อเซ็นต์รับทราบในการเป็นลูกหนี้ เมื่อนางเอได้เซ็นต์สัญญาเป็นลูกหนี้แล้ว นายบีซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้บอกให้ดิฉันเซ็นต์ค้ำให้หน่อยเพื่อเป็นพยานว่า นางเอต้องรับใช้หนี้ให้แก่นายบี ดิฉันจึงหยิบสัญญาเงินกู้มาอ่านและดิฉันจึงทักท้วงไปว่าดิฉันไม่กล้าเซ็นต์ให้ เพราะดิฉันไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการกู้ยืมเงินของทั้ง2ฝ่ายมาตั้งแต่แรก ถ้าเกิดนางเอไม่ใช้หนี้นายบี ดิฉันก็ต้องรับผิดชอบนะสิ นายบีจึงพูดออกมาว่า เซ็นต์ให้ผมหน่อยผมไม่เอาเรื่องคุณหรอกแค่เซ็นต์ให้สัญญาเงินกู้ให้มันสมบูรณ์เฉยๆแล้วนางซีภรรยานายบี จึงพูดขึ้นว่า พวกเราไม่เอาเรื่องคุณหรอก เรารู้ว่าคุณไม่ได้มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ ถึงนางเอจะไม่ใช้หนี้ให้กับทางเรา พวกเราก็ไม่เอาเรื่องคุณหรอก ด้วยความไว้ใจที่นายบีพูดรับปากหมายมั่นว่าไม่เอาเรื่อง ขอแค่เซ็นต์ค้ำให้สัญญามันสมบูรณ์เฉยๆดิฉันจึงยอมเซ็นต์ค้ำให้ โดยมีนางซีภรรยานายบีเซ็นต์เป็นพยาน
  พอเวลาผ่านไป 1เดือนนางเอที่เป็นลูกหนี้ผิดนัดกับนายบีซึ่งเป็นเจ้าหนี้และนายบีได้สืบทราบว่านางเอไม่สามารถใช้หนี้ให้กับนายบีได้ เพราะนางเอ กำลังถูกฝากคุมขังอยู่ที่เรือนจำ โดยนางเอโดนจับข้อหาฉ้อโกงประชาชน นายบีจึงได้ส่งหนังสือมาหาดิฉันทางไปรษณีย์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ดิฉันในฐานะคนค้ำต้องใช้หนี้แทน😢ถ้าดิฉันเพิกเฉย หรือ ไม่ยอมชำระหนี้ให้กับนายบี ทางนายบีจะฟ้องร้องเพื่อจะดำเนินคดีกับดิฉันแทน
ดิฉันจึงส่งไลน์ไปหานางซีภรรยานายบีที่เป็นเจ้าหนี้ เพื่อสอบถาม
การสนทนาพูดคุยในแชทไลน์ระหว่างดิฉันกับนางซี(ภรรยานายบี)มีดังนี้ค่ะ  
   ตอนแรกก่อนที่คุณจะให้ดิฉันเซ็นต์ค้ำให้กับนางเอ ดิฉันเองได้ทักท้วงและบอกแล้วว่าดิฉันไม่กล้าเซ็นต์ค้ำให้ แต่เพราะคุณ(นางซี)และนายบีรับปากว่า จะไม่เอาเรื่องดิฉันถึงแม้ว่านางเอจะไม่ใช้หนี้พวกคุณ คุณเองก็จะไม่เอาเรื่องดิฉัน ฝ่ายนางซีจึงไลน์กลับมาว่า "วันนั้นนางเอจะรับผิดชอบใช้หนี้เองแต่วันนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันไม่ได้บังคับให้เธอเซ็นต์เธอเป็นคนเซ็นต์เอง ก่อนเซ็นต์เธอก็อ่านแล้ว เธอก็รู้ว่านางเอติดหนี้ฉันเเล้วเธอเซ็นต์ทำไม" โอ้ววว์แม่เจ้านางซีตอบกลับแบบไม่มีเยื่อใยไม่มีความเมตตาอะไรเลยค่ะ สรุปคือหนูโง่เองที่ไปเซ็นต์ค้ำให้นางเอ😢นางซีบอกดิฉันว่าถ้าดิฉันไม่หาเงินมาคืน นางซีและนายบีจะฟ้องศาล เพื่อให้ดิฉันใช้หนี้แทนนางเอ หากดิฉันไม่ใช้คืนก็จะยึดทรัพย์ดิฉันแทน..
ยอมรับเลยค่ะว่าตัวเองโง่มากๆๆๆๆที่ไปยอมเซ็นต์ค้ำให้กับนางเอ เเต่สิ่งที่ดิฉันอยากปรึกษาคือ ดิฉันมีแชททางไลน์ ของการสนทนากันระหว่างนางซีภรรยาของนายบีที่เป็นเจ้าหนี้กับดิฉันที่เป็นคนค้ำประกัน ว่าที่ดิฉันยอมเซ็นต์ค้ำให้กับนายบี เพราะนายบีและนางซียืนยันว่าจะไม่เอาเรื่องดิฉันในฐานะคนค้ำประกัน โดยการพูดคุยกันในทางไลน์นั้น นางซีภรรยานายบีได้พูดต่ออีกว่า "วันที่ให้ดิฉันเซ็นต์ค้ำให้นั้น นางซีและนายบีไม่ได้คิดว่าจะให้ดิฉันรับหนี้แทนอยู่แล้วแค่อยากให้เอกสารสัญญาเงินกู้สมบูรณ์เฉยๆ แต่พอมาวันนี้สถานะการณ์เปลี่ยนไป ในเมื่อนางเอลูกหนี้ไม่สามารถใช้หนี้ให้กับนางซีและนายบีเจ้าหนี้ได้ ดิฉันในฐานะคนค้ำก็ต้องใช้หนี้แทนตามกฎหมาย (เฮ้อ!!)
และนางซีก็พูดต่ออีกว่า ยังไงดิฉันก็ต้องใช้หนี้แทนนางเอ เพราะมีสัญญาเงินกู้ตามกฎหมายเป็นหลักฐานชัดเจน..😢 และดิฉันก็ตอบกลับไปว่า ที่ดิฉันเซ็นต์ค้ำให้เพราะนายบีและนางซีรับปากว่าจะไม่เอาเรื่องถึงยอมเซ็นต์ เพราะถ้านายบีและนางซีไม่รับปากดิฉันในฐานะคนค้ำประกันคงไม่กล้าเซ็นต์ค้ำเงินถึง 2,300,000 บาทให้แน่นอน ฝ่ายนางซีจึงตอบกลับมาว่า ดิฉันอ่านแล้วถึงเซ็นต์ ไม่ได้ถูกบังคับให้เซ็นต์ ดิฉันจึงตอบกลับไปว่า นั้นแสดงให้เห็นว่านายซีและนางบีรู้อยู่แก่ใจว่าถ้านางเอไม่ยอมใช้หนี้ นายบีและนางซีก็จะฟ้องหนูแทน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณรับปากว่าจะไม่เอาเรื่องดิฉัน ดิฉันคงไม่เซ็นต์ ฝ่ายนางซีจึงตอบกลับมาว่า ถ้าดิฉันอยากให้เรื่องจบก็ต้องไปเคลียร์กับนางเอเพื่อให้นางเอหาเงินมาคืนนายบีและนางซีแค่นั้นก็จบ..

  ดิฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเพราะความที่ดิฉันมองโลกในแง่ดีเกินไป(จริงๆก็โง่นั้นละค่ะ)คิดว่านายบีและนางซีคงจะไม่ฟ้องดิฉันจึงยอมเซ็นต์ค้ำให้ ด้วยความที่นายบีและนางซีค่อนข้างพูดดีและน่าเห็นใจว่าแค่อยากให้เอกสารสมบูรณ์ ดิฉันจึงยอมเซ็นต์ ดิฉันไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายเลยอยากขอความรู้จากพี่ๆน้องๆที่มีความรู้ด้านกฎหมายช่วยแนะนำดิฉันหน่อยได้ไหมค่ะว่า
    1.บทสนทนาในแชทไลน์(ดังที่กล่าวมาข้างต้น)จะสามารถเป็นหลักฐานทำให้ดิฉันไม่ต้องรับผิดชอบหนี้จำนวนนี้ได้ไหม
    2.จากบทสนทนาในแชทไลน์จะทำให้สัญญาเงินกู้เป็นโมฆะได้ด้วยหรือเปล่า ในกรณียื่นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าดิฉันถูกหลอกให้เซ็นต์ค้ำ
    3.บทสนทนาในแชทไลน์นี้ดิฉันสามารถนำไปแจ้งลงบันทึกประจำวันได้ไหมค่ะ ว่าดิฉันถูกหลอกให้เซ็นต์ค้ำ
    ดิฉันหมดหนทางจริงๆค่ะเพราะความโง่ของดิฉันเองที่เชื่อใจคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน😢
  พี่ๆน้องๆคนไหนที่มีความรู้ด้านกฎหมายช่วยแนะนำดิฉันหน่อยนะคะเพราะส่วนตัวดิฉันไม่มีรายได้อะไรเป็นแค่ชาวนา อยู่ชนบทไม่มีเงินจ้างทนายค่ะ.😢
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่