[๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราจักแสดงข้อปฏิบัติอันเป็นที่สบายแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญสิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะ และทิฐิแก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ข้อปฏิบัติอันเป็นที่สบายแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญ สิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะและทิฐิเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในศาสนานี้
ย่อมไม่สำคัญซึ่งจักษุ ... ในจักษุ ... แต่จักษุ ... ว่าจักษุของเรา ย่อมไม่สำคัญรูป ... ย่อมไม่สำคัญซึ่งจักษุวิญญาณ ...
ย่อมไม่สำคัญซึ่งจักษุสัมผัส ... ย่อมไม่สำคัญซึ่งสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
... ในเวทนานั้น ... แต่เวทนานั้น ... ว่า เวทนานั้นเป็นของเรา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะสิ่งใดที่ตนสำคัญไว้ เป็นที่ให้สำคัญเป็นแดนให้สำคัญ เป็นเหตุให้สำคัญว่า เป็นของเรา
สิ่งนั้นล้วนเป็นอื่นออกไปจากที่สำคัญนั้น คือ สัตว์ในภพก็มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น
สัตว์โลกย่อมเพลิดเพลินเฉพาะภพเท่านั้น ฯลฯ
ย่อมไม่สำคัญซึ่งใจ ... ในใจ ... แต่ใจ ... ว่าใจของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งธรรมารมณ์ ... ในธรรมารมณ์ ... แต่ธรรมารมณ์ ... ว่าธรรมารมณ์ของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งมโนวิญญาณ... ในมโนวิญญาณ ... แต่มโนวิญญาณ ... ว่า มโนวิญญาณของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งมโนสัมผัส ... ในมโนสัมผัส ...แต่มโนสัมผัส ... ว่า มโนสัมผัสของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งสุขเวทนา ทุกขเวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย...
ในเวทนานั้น...แต่เวทนานั้น ... ว่า เวทนานั้นเป็นของเรา ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลนั้นย่อมไม่สำคัญซึ่งขันธ์ ธาตุและอายตนะ... ในขันธ์ ธาตุและอายตนะ... แต่ขันธ์ ธาตุและอายตนะ ...
ว่า ขันธ์ ธาตุและอายตนะเป็นของเรา
บุคคลผู้ไม่สำคัญอยู่อย่างนี้ ย่อมไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่สะดุ้งกลัว
เมื่อไม่สะดุ้งกลัว ย่อมปรินิพพานได้เฉพาะตนทีเดียว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อันนี้แล คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นที่สบายแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญสิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะและทิฐิ ฯ
------------------------
สัปปายสูตรที่ ๑
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ บรรทัดที่ ๔๕๓ - ๔๗๙. หน้าที่ ๒๑ - ๒๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=18&A=453&Z=479&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=34
อันนี้แล คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นที่สบายแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญสิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะและทิฐิ
เราจักแสดงข้อปฏิบัติอันเป็นที่สบายแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญสิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะ และทิฐิแก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ข้อปฏิบัติอันเป็นที่สบายแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญ สิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะและทิฐิเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในศาสนานี้
ย่อมไม่สำคัญซึ่งจักษุ ... ในจักษุ ... แต่จักษุ ... ว่าจักษุของเรา ย่อมไม่สำคัญรูป ... ย่อมไม่สำคัญซึ่งจักษุวิญญาณ ...
ย่อมไม่สำคัญซึ่งจักษุสัมผัส ... ย่อมไม่สำคัญซึ่งสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
... ในเวทนานั้น ... แต่เวทนานั้น ... ว่า เวทนานั้นเป็นของเรา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะสิ่งใดที่ตนสำคัญไว้ เป็นที่ให้สำคัญเป็นแดนให้สำคัญ เป็นเหตุให้สำคัญว่า เป็นของเรา
สิ่งนั้นล้วนเป็นอื่นออกไปจากที่สำคัญนั้น คือ สัตว์ในภพก็มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น
สัตว์โลกย่อมเพลิดเพลินเฉพาะภพเท่านั้น ฯลฯ
ย่อมไม่สำคัญซึ่งใจ ... ในใจ ... แต่ใจ ... ว่าใจของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งธรรมารมณ์ ... ในธรรมารมณ์ ... แต่ธรรมารมณ์ ... ว่าธรรมารมณ์ของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งมโนวิญญาณ... ในมโนวิญญาณ ... แต่มโนวิญญาณ ... ว่า มโนวิญญาณของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งมโนสัมผัส ... ในมโนสัมผัส ...แต่มโนสัมผัส ... ว่า มโนสัมผัสของเรา
ย่อมไม่สำคัญซึ่งสุขเวทนา ทุกขเวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย...
ในเวทนานั้น...แต่เวทนานั้น ... ว่า เวทนานั้นเป็นของเรา ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลนั้นย่อมไม่สำคัญซึ่งขันธ์ ธาตุและอายตนะ... ในขันธ์ ธาตุและอายตนะ... แต่ขันธ์ ธาตุและอายตนะ ...
ว่า ขันธ์ ธาตุและอายตนะเป็นของเรา
บุคคลผู้ไม่สำคัญอยู่อย่างนี้ ย่อมไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่สะดุ้งกลัว
เมื่อไม่สะดุ้งกลัว ย่อมปรินิพพานได้เฉพาะตนทีเดียว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อันนี้แล คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นที่สบายแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญสิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะและทิฐิ ฯ
------------------------
สัปปายสูตรที่ ๑
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ บรรทัดที่ ๔๕๓ - ๔๗๙. หน้าที่ ๒๑ - ๒๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=18&A=453&Z=479&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=34