ผมมีเรื่องราวจะมาแบ่งปันสำหรับนักศึกษาที่กำลังจะทำโปรเจ็กจบแต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ผมเรียนวิศวะกรรมศาสตร์ สาขาวิศวะกรรมเครื่องกล
กลุ่มโปรเจคผมมี 3 คนครับ
มีอยู่วันหนึ่งคือในวันที่ต้องเลือกหัวข้อโปรเจค ผมก็ได้เลือกหัวข้อ vacuum engine ด้วยที่ว่าเห็นมันน่าจะทำง่ายๆ ดูจากวิดีโอที่ชาวบ้านเข้าลง
เฮ้ย...ง่ายจังว่ะ อาจารย์บอกด้วยว่าตั้งแต่ผมสอนมาเป็นสิบๆปี ยังไม่มีใครเคยทำหัวข้อนี้คุณจะเป็นคนแรกที่ทำหรือเปล่า
ผมไม่รู้น่ะว่ามีใครเคยทำหัวข้อเดียวกับผมหรือเปล่า แต่เท่าที่หาข้อมูลจากมหาลัยหลายๆที่ดูแล้วยังไม่มี แต่ถ้าไม่มีใครเคยทำจริงๆ โปรเจคที่ผมทำก็คงเป็นเล่มแรกของประเทศไทย แต่ถ้ามีใครเคยทำแล้วก็ข้ออภัย ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ
พอได้ฟังแค่นั้นแหละความฮึกเหิมมาทันที่(แต่เอาเข้าจริงๆไม่ง่ายสักนิด)

ดูๆไปก็ไม่มีอะไรมาก แต่สิ่งที่ยากคือ เงื่อนไขที่ทางอาจารย์ได้กำหนดไว้นี้แหละครับ เป็นความท่าท้ายที่ยากมาก คือ
1.เครื่องยนต์ต้องมีสองสูบแต่ใช้ไฟดวงเดียว
2.เครื่องยนต์ต้องทำงานเป็นวัฏจักรและต่อเหนื่องกันระหว่างสูบหนึ่งและสอง
และความท่าทายต่อมา คือข้อมูลที่จะใช้ในการอ้างอิงมีน้อยมาก (เพราะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องจริง และได้รับการยอมรับจากสากล ไม่ใช้ข้อมูลที่จะเอาจากในเน็ตได้)
สรุปแบบง่ายๆ โปรเจคเริ้มจากศูนย์ทั้งหมด ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แบบเครื่องยนต์ต้องเขียนเองหมด ต้องใช้ทฤษฎีพื้นฐานของทุกวิชาที่เกี่ยวข้องเข้ามาประกอบ เช่น วิศวะกรรมการออกแบบ เทอร์โมไดนามิกส์ ฟิสิกส์ สแตติก ใช้ความรู้ตั้งแต่ปี1กันเลยที่เดียว และสร้างเครื่องเองทั้งหมด เลือกวัสดุเอง กำหนดขนาดทุกอย่างเองหมด อาจารย์บอกว่าเครื่องๆนี้จะเป็นมาตราฐานของคุณ คุณจะเป็นคนกำหนดมาตราฐานของเครื่องคุณเอง
งานแรกเลยก็คือการออกแบบ จะแบ่งเป็นเจนเนอเรชั่น 1,2,3
เจนเนอเรชั่นที่ 1 พอเขียนแบบเสร็จก็ลงมือสร้างเครื่อง (ใช้เวลาเขียนแบบไปหลายอาทิตย์อยู่เหมือนกัน)
ใช้เวลาทำสี่เดือนเศษ แต่แน่นอนว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ พอลองทดสอบเครื่อง เครื่องไม่ทำงานครับแล้วปัญหาก็ตามมาอีรุงตุงนังเลย เอาปัญหาไปปรึกษาอาจารย์ อาจารย์บอกให้แก้หลายที่เลย จนต้องกลับมาเริ่มกันใหม่ตั้งแต่การเขียนแบบ อาจารย์บอกว่าให้เราไปเดินตามตลาดนัดคลองถมก่อน แล้วดูว่าพอจะมีอะไรที่พอจะเอามาทำเป็นอะไหร่ได้บ้างก่อน ไม่ใช้สร้างเองทั้งหมด แล้วมาตัดแปลงเอาที่หลังจะดีกว่า พอตรงไหนเสียก็แค่ไปซื้อมาใหม่ แล้วก็เป็นที่มาของการออกแบบเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมอุปกรณ์ ชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่มีขายเท่าไป หรือมีขายเฉพาะที่ เช่น น๊อตยึดชิ้นส่วนบางชิ้นของเครื่อง ร้านน๊อตไม่มีขายน่ะครับ ต้องไปซื้อแถวร้านขายรถบังขับแทน ใช้ตั้งแต่อะไหร่ของของเล่น ไปจนถึงอะไหร่ของคอมพิวเตอร์

พอเขียนแบบเสร็จก็ลงมือทำตามแบบ

ลองสังเกตุดูเอาครับว่าชิ้นส่วนไหนเอามาจากไหน
กว่าจะเสร็จใช้เวลาสร้างและปรับแต่งอยู่หลายเดือนเลยครับ ไม่รู้กี่เดือน จำไม่ได้ ไม่อย่างจำ เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยและท้อสุดๆ แต่ที่แน่ๆเกินปีแน่นอน
แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น แสงปลายอุโมงค์เริ่มส่องให้เห็นที่ล่ะนิดๆ เพราะคราวนี้เครื่องติดแล้วครับถึงแม้จะติดแค่ข้างเดี่ยวก็เหอะ

นี้เป็นครั้งแรกที่เครื่องทำงานครับ ขอบอกเลยครับ 1 ปีที่เสียไปมันสอนอะไรเรามากเลยครับ พอได้เห็นค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย(เพราะอาจารย์บอกเครื่องไม่ติดคุณไม่จบ ยอมรับเลยครับวันที่เครื่องติดวันนั้นเป็นวันที่ผมนอนหลับเหมือนตาย)
เหมือนจะจบน่ะครับแต่ยังก่อน เพราะคราวนี้ต้องทดสอบเครื่องครับ ไม่ใช้เครื่องติดแล้วจบเลยน่ะครับ ต้องทดสอบประสิทธภาพของเครื่องยนต์ให้เป็นมาตราฐานก่อน เพื่อเอาไว้เป็นตัวกำหนดให้กับใครก็ตามที่จะมาต่อยอดจากเครื่องผมว่าต้องทำได้ให้เหมือนของผมหรือดีกว่าของผม ปัญหามันอยู่ที่ชุดหลังของเครื่องผมไม่สามารถเอาอุปกรณ์เข้าไปทดสอบได้ จึงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชุดหลังใหม่ จึงกลายมาเป็นการออกแบบเจนเนอเรชั่นที่ 3

แบบของเจนเนอเรชั่นที่ 3 จะเห็นได้ว่าได้เปลี่ยนชุดหลังใหม่หมด เลือกวัสดุใหม่เช่นเดียวกัน


รูปนี้ขอสวยหน่อยน่ะเดียวจะเบื่อกันซ่ะก่อน

รูปนี้เป็นส่วนหนึ่งของเล่มโปรเจค เพราะต้องบอกชื่อชิ้นส่วนแต่ละชิ้น บางชิ้นต้องตั้งชื่อเอง

และนี้คืออุปกรณที่จะใช้ทดสอบเครื่องยนต์ครับ

เครื่องติดแล้วเป็นปรื้มสุดๆ
แต่ปัญหาก็มาแบบไม่ให้พักเพราะมาวันหนึ่งเครื่องก็ไม่เดินเอาซ่ะดื้อๆ ต้องใช้เวลาแก้ไขกันเป็นอาทิตย์ ขนาดตัวเราเองยังทำไม่ติดแล้วใครที่ไหนจะมาทำติด สมาชิกกลุ่มทั้ง3หัวช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุ กว่าจะหาสาเหตุได้ทำเอาเหนื่อยเลยครับเพราะผมจำได้ว่าตั้งแต่ตื่นนอนก็ทำโปรเจค ทำกันจนตีสองตีสาม ทำกันอยู่อย่างเนี้ยเป็นอาทิตย์ เหนื่อยและก็เหนื่อยครับ จนสามารถหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องไม่ติดได้แล้วนั้นก็คือ วาล์วสุญญากาศปิดไม่สนิทนั้นเอง จึงต้องเปลี่ยนวาล์วใหม่ และก็เปลี่ยนเป็นแบบอื่นไปเลย

เปลี่ยนวาล์วสุญญากาศเป็นจากแบบบนเป็นแบบล้างครับ เพราะแบบล้างปิดได้สนิดกว่า แต่ความเสียดทานก็จะเยอะกว่าเพราะหน้าสัมผัสเยอะกว่า
พอเปลี่ยนวาล์วใหม่ก็ต้องทดสอบกันหน่อย ทดสอบที่ละสูบเลย

สูบซ้ายเคลียร์เรียบร้อย เครื่องติดสมใจหมาย

สูบขวาเคลียร์เรียบร้อย เครื่องติดดังใจปอง

สองสูบเป็นไง ก็เคลียร์เรียบร้อย

และแล้วก็ได้เครื่องยนต์สุญญากาศที่เสร็จสมบูรณ์ จนทำให้ผมจบได้ด้วยความภาคภูมิใจด้วยเวลา2ปี เป็นโปรเจคที่ยากจริงๆ อย่าลืมน่ะครับที่ผมนำมาแบ่งปั่นกันนี้แค่การสร้างและการออกแบบ ยังไม่รวมเรื่องของรูปเล่มโปรเจคเลยน่ะครับ รูปเล่มก็ยากใช้ย่อย เพราะแก้กันไปทั้งหมด 17 รอบ รวมกระดาษประมาณ 4A สี่กล่องใหญ่
สิ่งที่สำคัญในการทำโปรเจคไม่ว่าจะทำเรื่องง่ายหรือเรื่องยากนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพื่อนร่วมกลุ่มครับ โปรเจคที่ผมและเพื่อนร่วมกันทำมานั้นลำบากมากๆครับมีทั้ง ความเหนื่อยถึงเหยื่อยมาก ความท้อ ความเครียด แม้กระทั้งน้ำตาก็ไหลได้ พวกผมก็ต้องกวดคอล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน ถึงจะทะเลาะกันบ้างแต่ยังไงงานก็ต้องเดิน มิตรภาพสำคัญจริงๆ
vacuum engine เครื่องจักรเก่าแแก่ (โปรเจคสองปี ที่ต้องใช้ทั้งหมดที่เรียนมา)
กลุ่มโปรเจคผมมี 3 คนครับ
มีอยู่วันหนึ่งคือในวันที่ต้องเลือกหัวข้อโปรเจค ผมก็ได้เลือกหัวข้อ vacuum engine ด้วยที่ว่าเห็นมันน่าจะทำง่ายๆ ดูจากวิดีโอที่ชาวบ้านเข้าลง
เฮ้ย...ง่ายจังว่ะ อาจารย์บอกด้วยว่าตั้งแต่ผมสอนมาเป็นสิบๆปี ยังไม่มีใครเคยทำหัวข้อนี้คุณจะเป็นคนแรกที่ทำหรือเปล่า
ผมไม่รู้น่ะว่ามีใครเคยทำหัวข้อเดียวกับผมหรือเปล่า แต่เท่าที่หาข้อมูลจากมหาลัยหลายๆที่ดูแล้วยังไม่มี แต่ถ้าไม่มีใครเคยทำจริงๆ โปรเจคที่ผมทำก็คงเป็นเล่มแรกของประเทศไทย แต่ถ้ามีใครเคยทำแล้วก็ข้ออภัย ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ
พอได้ฟังแค่นั้นแหละความฮึกเหิมมาทันที่(แต่เอาเข้าจริงๆไม่ง่ายสักนิด)
ดูๆไปก็ไม่มีอะไรมาก แต่สิ่งที่ยากคือ เงื่อนไขที่ทางอาจารย์ได้กำหนดไว้นี้แหละครับ เป็นความท่าท้ายที่ยากมาก คือ
1.เครื่องยนต์ต้องมีสองสูบแต่ใช้ไฟดวงเดียว
2.เครื่องยนต์ต้องทำงานเป็นวัฏจักรและต่อเหนื่องกันระหว่างสูบหนึ่งและสอง
และความท่าทายต่อมา คือข้อมูลที่จะใช้ในการอ้างอิงมีน้อยมาก (เพราะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องจริง และได้รับการยอมรับจากสากล ไม่ใช้ข้อมูลที่จะเอาจากในเน็ตได้)
สรุปแบบง่ายๆ โปรเจคเริ้มจากศูนย์ทั้งหมด ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แบบเครื่องยนต์ต้องเขียนเองหมด ต้องใช้ทฤษฎีพื้นฐานของทุกวิชาที่เกี่ยวข้องเข้ามาประกอบ เช่น วิศวะกรรมการออกแบบ เทอร์โมไดนามิกส์ ฟิสิกส์ สแตติก ใช้ความรู้ตั้งแต่ปี1กันเลยที่เดียว และสร้างเครื่องเองทั้งหมด เลือกวัสดุเอง กำหนดขนาดทุกอย่างเองหมด อาจารย์บอกว่าเครื่องๆนี้จะเป็นมาตราฐานของคุณ คุณจะเป็นคนกำหนดมาตราฐานของเครื่องคุณเอง
งานแรกเลยก็คือการออกแบบ จะแบ่งเป็นเจนเนอเรชั่น 1,2,3
เจนเนอเรชั่นที่ 1 พอเขียนแบบเสร็จก็ลงมือสร้างเครื่อง (ใช้เวลาเขียนแบบไปหลายอาทิตย์อยู่เหมือนกัน)
ใช้เวลาทำสี่เดือนเศษ แต่แน่นอนว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ พอลองทดสอบเครื่อง เครื่องไม่ทำงานครับแล้วปัญหาก็ตามมาอีรุงตุงนังเลย เอาปัญหาไปปรึกษาอาจารย์ อาจารย์บอกให้แก้หลายที่เลย จนต้องกลับมาเริ่มกันใหม่ตั้งแต่การเขียนแบบ อาจารย์บอกว่าให้เราไปเดินตามตลาดนัดคลองถมก่อน แล้วดูว่าพอจะมีอะไรที่พอจะเอามาทำเป็นอะไหร่ได้บ้างก่อน ไม่ใช้สร้างเองทั้งหมด แล้วมาตัดแปลงเอาที่หลังจะดีกว่า พอตรงไหนเสียก็แค่ไปซื้อมาใหม่ แล้วก็เป็นที่มาของการออกแบบเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมอุปกรณ์ ชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่มีขายเท่าไป หรือมีขายเฉพาะที่ เช่น น๊อตยึดชิ้นส่วนบางชิ้นของเครื่อง ร้านน๊อตไม่มีขายน่ะครับ ต้องไปซื้อแถวร้านขายรถบังขับแทน ใช้ตั้งแต่อะไหร่ของของเล่น ไปจนถึงอะไหร่ของคอมพิวเตอร์
พอเขียนแบบเสร็จก็ลงมือทำตามแบบ
ลองสังเกตุดูเอาครับว่าชิ้นส่วนไหนเอามาจากไหน
กว่าจะเสร็จใช้เวลาสร้างและปรับแต่งอยู่หลายเดือนเลยครับ ไม่รู้กี่เดือน จำไม่ได้ ไม่อย่างจำ เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยและท้อสุดๆ แต่ที่แน่ๆเกินปีแน่นอน
แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น แสงปลายอุโมงค์เริ่มส่องให้เห็นที่ล่ะนิดๆ เพราะคราวนี้เครื่องติดแล้วครับถึงแม้จะติดแค่ข้างเดี่ยวก็เหอะ
นี้เป็นครั้งแรกที่เครื่องทำงานครับ ขอบอกเลยครับ 1 ปีที่เสียไปมันสอนอะไรเรามากเลยครับ พอได้เห็นค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย(เพราะอาจารย์บอกเครื่องไม่ติดคุณไม่จบ ยอมรับเลยครับวันที่เครื่องติดวันนั้นเป็นวันที่ผมนอนหลับเหมือนตาย)
เหมือนจะจบน่ะครับแต่ยังก่อน เพราะคราวนี้ต้องทดสอบเครื่องครับ ไม่ใช้เครื่องติดแล้วจบเลยน่ะครับ ต้องทดสอบประสิทธภาพของเครื่องยนต์ให้เป็นมาตราฐานก่อน เพื่อเอาไว้เป็นตัวกำหนดให้กับใครก็ตามที่จะมาต่อยอดจากเครื่องผมว่าต้องทำได้ให้เหมือนของผมหรือดีกว่าของผม ปัญหามันอยู่ที่ชุดหลังของเครื่องผมไม่สามารถเอาอุปกรณ์เข้าไปทดสอบได้ จึงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชุดหลังใหม่ จึงกลายมาเป็นการออกแบบเจนเนอเรชั่นที่ 3
แบบของเจนเนอเรชั่นที่ 3 จะเห็นได้ว่าได้เปลี่ยนชุดหลังใหม่หมด เลือกวัสดุใหม่เช่นเดียวกัน
รูปนี้ขอสวยหน่อยน่ะเดียวจะเบื่อกันซ่ะก่อน
รูปนี้เป็นส่วนหนึ่งของเล่มโปรเจค เพราะต้องบอกชื่อชิ้นส่วนแต่ละชิ้น บางชิ้นต้องตั้งชื่อเอง
และนี้คืออุปกรณที่จะใช้ทดสอบเครื่องยนต์ครับ
เครื่องติดแล้วเป็นปรื้มสุดๆ
แต่ปัญหาก็มาแบบไม่ให้พักเพราะมาวันหนึ่งเครื่องก็ไม่เดินเอาซ่ะดื้อๆ ต้องใช้เวลาแก้ไขกันเป็นอาทิตย์ ขนาดตัวเราเองยังทำไม่ติดแล้วใครที่ไหนจะมาทำติด สมาชิกกลุ่มทั้ง3หัวช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุ กว่าจะหาสาเหตุได้ทำเอาเหนื่อยเลยครับเพราะผมจำได้ว่าตั้งแต่ตื่นนอนก็ทำโปรเจค ทำกันจนตีสองตีสาม ทำกันอยู่อย่างเนี้ยเป็นอาทิตย์ เหนื่อยและก็เหนื่อยครับ จนสามารถหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องไม่ติดได้แล้วนั้นก็คือ วาล์วสุญญากาศปิดไม่สนิทนั้นเอง จึงต้องเปลี่ยนวาล์วใหม่ และก็เปลี่ยนเป็นแบบอื่นไปเลย
เปลี่ยนวาล์วสุญญากาศเป็นจากแบบบนเป็นแบบล้างครับ เพราะแบบล้างปิดได้สนิดกว่า แต่ความเสียดทานก็จะเยอะกว่าเพราะหน้าสัมผัสเยอะกว่า
พอเปลี่ยนวาล์วใหม่ก็ต้องทดสอบกันหน่อย ทดสอบที่ละสูบเลย
สูบซ้ายเคลียร์เรียบร้อย เครื่องติดสมใจหมาย
สูบขวาเคลียร์เรียบร้อย เครื่องติดดังใจปอง
สองสูบเป็นไง ก็เคลียร์เรียบร้อย
และแล้วก็ได้เครื่องยนต์สุญญากาศที่เสร็จสมบูรณ์ จนทำให้ผมจบได้ด้วยความภาคภูมิใจด้วยเวลา2ปี เป็นโปรเจคที่ยากจริงๆ อย่าลืมน่ะครับที่ผมนำมาแบ่งปั่นกันนี้แค่การสร้างและการออกแบบ ยังไม่รวมเรื่องของรูปเล่มโปรเจคเลยน่ะครับ รูปเล่มก็ยากใช้ย่อย เพราะแก้กันไปทั้งหมด 17 รอบ รวมกระดาษประมาณ 4A สี่กล่องใหญ่
สิ่งที่สำคัญในการทำโปรเจคไม่ว่าจะทำเรื่องง่ายหรือเรื่องยากนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพื่อนร่วมกลุ่มครับ โปรเจคที่ผมและเพื่อนร่วมกันทำมานั้นลำบากมากๆครับมีทั้ง ความเหนื่อยถึงเหยื่อยมาก ความท้อ ความเครียด แม้กระทั้งน้ำตาก็ไหลได้ พวกผมก็ต้องกวดคอล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน ถึงจะทะเลาะกันบ้างแต่ยังไงงานก็ต้องเดิน มิตรภาพสำคัญจริงๆ