ติ่ง เป็นศัพท์วัยจ๊าบบัญญัติ ใช้เรียกกลุ่มคลั่งไคล้ หลงใหล นิยม ในนักร้อง นักแสดง หรืออื่นๆ ต่างๆ
คนรุ่นใหม่ วัยจ๊าบ สารพัดติ่งแห่งยุคสมัย
ไม่เคยได้รับ การลิ้มรสแท้จริง ของการติดต่องานราชการ
ใน Generation รุ่นพ่อ รุ่นปู่ รุ่นทวด ทั้งหลายก่อนหน้า ว่า
ต้องยากลำบาก หวั่นเกรง เสงี่ยมเจียมตัว
ต้องยอมจ่ายสินบน สิ้นเปลืองเวลาไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ถูกกดขี่ต่างๆ เจ็บช้ำน้ำใจ
อย่างไร
เรื่องราวอย่างนั้นแทบสูญพันธุ์ ไปแทบหมดสิ้น
ในช่วงเวลาของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
ที่ประชาชนทั่วไปสามารถประจักษ์แก่ใจตนเอง
แต่ได้เริ่มย้อนกลับมา
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งหลังรัฐประหาร 2549
ดังเช่น
องค์กรอย่างหอการค้าแห่งประเทศไทย
เปิดโปงต่อสื่อว่า องค์กรธุรกิจต่างๆ ถูกเรียกสินบนอย่างหนัก
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549
ดังเช่น
ใบเหลือง ที่วัยจ๊าบ ไม่รู้จัก วัตถุชนิดนี้
ว่าเป็นสิ่งที่ใช้ถือแทนบัตรประชาชนไปพลางๆ ก่อนที่จะได้รับบัตรจริง
ที่บางคนได้มีโอกาสของชีวิต ในประสบการณ์ถือครองไว้อย่างยาวนานหลายเดือน หรืออาจเป็นปี
อย่างในอดีต อีกครั้ง
มีเงื่อนงำของการแก้ไข TOR (Term of Reference หรือข้อกำหนดการว่าจ้าง)
จากเดิม ให้กลายเป็นผลเอื้อต่อการจัดจ้างเฉพาะบางรายในการจัดทำบัตรประชาชน
ตามการให้การของ อธิบดีกรมการปกครอง นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์
ที่ปฏิเสธการถูกให้รับผิดชอบการดำเนินการแก้ไขดังกล่าว
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง
ถูกรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการ
ซึ่งนายวงศ์ศักดิ์ ได้ต่อสู้ร้องขอความเป็นธรรมต่อ กพค. (คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม)
อยู่เป็นเวลานาน จนชนะคดี
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ เป็นตัวอย่างผู้หนึ่ง
ในจำนวนข้าราชการจำนวนมากมายมโหฬาร ที่มีการถูกย้าย
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งหลังรัฐประหาร 2549
โดยที่ในเวลาภายหลังต่อจากนั้น
ที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งอย่างย่อยยับในปี 2554
ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ในการย้ายข้าราชการ คือนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกไปจากตำแหน่งเลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ
ทั้งได้มีการที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยย้ายใคร
โดยที่รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ ย้ายพลโทสุรพล เผื่อนอัยกา ออกจากตำแหน่ง
แล้วแต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคง แทน
เป็นการยืนยันฉายา ที่สาวโรงงานชูป้ายให้
แล้วเป็นที่เรียกขานกันอย่างแพร่หลายทั่วไปทั้งในสื่อและ Social Media ว่า
ดีแต่พูด
พูดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง
ประทับตราตรึงแก่ประเทศไทยไว้อีกครั้ง
ใช่หรือไม่ ?
รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549
แต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคง
นายถวิลเคยดำรงตำแหน่งในศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอฉ.) ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
คือ ศอฉ. ที่ซึ่งปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ และกระชับพื้นที่ ด้วยกระสุนจริง
ต่อการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เรียกร้องให้เลือกตั้ง มีผู้เสียชีวิต 99 ศพ บาดเจ็บกว่าสองพันคน
นายถวิล มีพฤติการณ์และการกระทำสนับสนุนม็อบ กปปส. ดังเช่น การเข้าร่วมชุมนุมปราศรัย
ซึ่งเป็นม็อบที่ประกาศและดำเนินการ
ทำลายกลไกราชการ จะให้เป็นรัฐล้มเหลว
ปิดเสันทางคมนาคมสำคัญ จะปิดประเทศ
ขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง เช่น
บีบคอผู้จะไปลงคะแนนเลือกตั้ง
ปิดหน่วยเลือกตั้งต่างๆ
ยึดหีบบัตรเลือกตั้ง
เอาถุงป๊อบคอร์น ครอบอำพรางอาวุธปืน ไล่ยิงกลุ่มประชาชนที่จะเอาหีบบัตรเลือกตั้งคืนจากม็อบ กปปส.
ทำร้ายประชาชนบาดเจ็บสาหัส หากไปแตะต้องหรือขยับกรวยจราจรที่ม็อบวางปิดหรือจำกัดการจราจรไว้
ขัดขวางทำลายโครงการรับจำนำข้าวทุกวิถีทาง
ซึ่งเป็นม็อบที่กระทำการต่างๆ แล้วตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เปลี่ยนจากเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นติดลบอย่างหนักฉับพลันทันที
โดยพรรคประชาธิปัตย์ที่แพ้เลือกตั้งอย่างย่อยยับครั้งแล้วครั้งเล่า กล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับม็อบ
แต่บุคลากรแทบหมดทั้งพรรคเข้าร่วมหรือปรากฏตัวในม็อบในลักษณะต่างๆ
ในเวลาต่อมา ในสมัยของคณะรัฐประหาร 2557
ก็ได้ดำเนินการย้ายข้าราชการต่างๆ เป็นจำนวนมากมายมโหฬาร เช่นกัน
7 พฤษภาคม 2557
ศาลรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
มีมติให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ้นสภาพนายกรัฐมนตรี
รวมถึงคณะรัฐมนตรีทุกคนที่ร่วมประชุมและลงมติโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี
ศาลรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
อ้างว่าการโยกย้ายนายถวิลออกไป เอาพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี มาแทน
เพื่อที่จะเอาพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ไปดำรงตำแหน่งแทนพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
เป็นการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กระทำเพื่อพวกพ้อง
ทั้งนี้ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เคยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสสูงสุด
ที่จะเลื่อนขึ้นไปผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์แต่งตั้งพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
ให้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ต่อมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงได้แต่งตั้งพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์
ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามเกณฑ์กำหนดคุณสมบัติของกรมตำรวจแต่เดิม
แล้วกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคณะรัฐประหาร 2557
แต่งตั้งน้องชายของตนเอง คือ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา
(ที่ซึ่งยื่นบัญชีทรัพย์สิน โดยส่วนที่เป็นเงินฝากมีจำนวนมหาศาล 89,418,876 บาท
เป็นของพลโทปรีชา 42,051,468 บาท เป็นของภรรยาที่ไม่มีรายได้ประจำ 46,995,296 บาท
แล้วชี้แจงต่อสังคมที่แสดงความสงสัยถึงที่มาของทรัพย์สินที่เป็นเงินฝากว่า
เป็นมรดกของบิดาจากการขายที่ดิน
และเป็นข้อผิดพลาดที่มีชื่อของภรรยา นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากของกองทัพ)
จะเป็นการกระทำเพื่อพวกพ้องด้วยหรือไม่ ?
แล้วกรณีศาลรัฐธรรมนูญ (นายบุญส่ง กุลบุปผา) แต่งตั้งลูกชายของตนเป็นเลขานุการ
ทั้งไม่ทำงานจริงตามที่แต่งตั้ง แต่กลับลาไปเรียนต่างประเทศ
โดยรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง 47,100 บาทตลอดทุกเดือน โดยไม่ได้ทำงานใด
จะเป็นการกระทำเพื่อพวกพ้องด้วยหรือไม่ ?
คณะรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ดำเนินการจัดตั้ง สนช. 2557 (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2557)
สนช. 2557 อ้างว่ามีอำนาจหน้าที่เทียบเคียงได้กับอำนาจหน้าที่ของ สว. 2550 (สมาชิกวุฒิสภา 2550)
จึงถือเอา ว่าเป็นสิทธิของพวกตน สนช. 2557 จะกระทำได้ แม้ถูกทักท้วงโดยนักวิชาการต่างๆ
ขะมักเขม้นพยายามจะถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แม้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว
ขะมักเขม้นพยายามจะถอดถอนประธานสภา รองประธานสภา และ สส. ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ตลอดจน สว. จากการเลือกตั้ง
แม้ทั้งหมดจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
ด้วยข้อหาต่างๆ
โดยสรุปว่า
จะถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ด้วยข้อหา ละเลยให้เกิดความเสียหายในการรับจำนำข้าว
ที่ซึ่งการรับจำนำข้าวถูกทำลายทุกวิถีทางไม่ให้ประสบความสำเร็จ
โดยม็อบที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่บุคลากรแทบหมดทั้งพรรคเข้าร่วมหรือปรากฏตัวในม็อบในลักษณะต่างๆ
จะถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา
และนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานสภา
ซึ่งทั้งสองต่างก็เป็น สส. พรรคเพื่อไทย
ด้วยข้อหา จะแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.)
ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง
จะแก้รัฐธรรมนูญ ให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.)
ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง
เป็นความผิดมหันต์ ร้ายแรงอย่างไร ? ต่อใคร ?
การเจาะจงใช้ข้อหาการรับจำนำข้าว แยกออกมาจากข้อหาแก้รัฐธรรมนูญ
เพื่อการสร้างกระแสข่าว โหมประโคมระดมกระหน่ำ ล้างสมอง
ว่าการรับจำนำข้าว ขาดทุนมหาศาล
หรือไม่ ?
โดยที่สื่อเสนอข่าวว่า
จะมีการออกกฎหมาย ตัดสิทธิผู้เคยถูกถอดถอน ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ในรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างใหม่ โดย สนช. 2557
ประเด็นหนึ่ง ท่ามกลางอีกหลายประเด็นนานัปการคือ
สนช. 2557 ควรที่จะถอดถอนนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
และ
สนช. 2557 ควรที่จะถอดถอนนายกรัฐมนตรีคณะรัฐประหาร 2557
ในข้อหาย้ายข้าราชการ เพื่อพวกพ้อง ด้วยหรือไม่ ?
อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
ถึงกับมีมติสั่งให้พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
สำหรับคณะรัฐมนตรีผู้ที่ร่วมประชุมทั้งหมด มาแล้ว
สนช. 2557
ประกอบด้วยผู้เคยสังกัดกลุ่มที่เรียกตนเองว่า กลุ่ม 40 สว. ที่แทบทั้งหมด
มาจากการแต่งตั้ง หลังรัฐประหาร 2549 ด้วยรัฐธรรมนูญ 2550
ที่มีการข่มขู่ให้ประชาชนลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550
ไม่เช่นนั้นคณะรัฐประหาร 2549 จะเลือกใช้รัฐธรรมนูญตามอำเภอใจ
ทั้งชักจูง ซึ่งเป็นการหลอกลวง หรือไม่ ?
โดย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และศาลรัฐธรรมนูญ (นายจรัญ ภักดีธนากุล)
บอกว่าให้ลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน แล้วค่อยแก้ในภายหลังได้
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างท่วมท้น
ได้ดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศหาเสียงไว้กับประชาชน
อย่างหนึ่ง ก็คือ จะแก้รัฐธรรมนูญ 2550
พรรคประชาธิปัตย์
เข้ารุมล้อมแล้วบีบคอ สส. พรรคเพื่อไทย ในที่ประชุมรัฐสภา
ปาแฟ้มแอกสารใส่รองประธานสภา
ลากประธานสภาออกจากเก้าอี้
ลากเก้าอี้ประธานสภาออกจากห้อง
ในช่วงเวลาของการดำเนินการ
ให้มี พรบ. ปรองดอง นิรโทษกรรมให้แก่ม็อบประชาชนทุกฝ่าย
และแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ให้ สว. ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
ก่อนมีการรัฐประหาร ในเวลาต่อมา คือการรัฐประหาร 2557
ที่ซึ่งหากเป็นพรรคอื่น จะถูกยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง หรือไม่ ?
จากการที่บีบคอ สส.
ปาแฟ้มใส่รองประธานสภา
ลากประธานสภาออกจากเก้าอี้
ลากเก้าอี้ประธานสภาออกจากห้อง
ประเด็นสำคัญ คือ
สนช. 2557
ควรจะต้องถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และศาลรัฐธรรมนูญ
แทนการถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคม
จากการที่นายอภิสิทธิ์และศาลรัฐธรรมนูญ
กล่าวชักจูง ซึ่งเป็นการหลอกลวง หรือไม่ ? (เพราะขัดกับ สนช. 2557)
ว่าให้ลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน แล้วแก้ไขภายหลังได้
และจากการที่มีคำวินิจฉัยกลางโดยศาลรัฐธรรมนูญ
ว่าให้แก้รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรายมาตราได้
หรือไม่ ?
คำกล่าวของนายอภิสิทธิ์ และนายจรัญ และคำวินิจฉัยของศาล รธน.
https://www.youtube.com/watch?v=SqAxDptIbVU
https://www.youtube.com/watch?v=DqR9eU3Coeg
http://hilight.kapook.com/view/74243
พรรคประชาธิปัตย์
สื่อบางแห่ง
ม็อบสารพัดชื่อ สารพัดข้ออ้างก่อม็อบ สารพัดข้ออ้างเรียกร้อง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แต่หน้าเดิม คนเดิม กลุ่มเดิม
ที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับม็อบ
แต่บุคลากรแทบหมดทั้งพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมหรือปรากฏตัวในม็อบในลักษณะต่างๆ
คณะรัฐประหาร 2549
องค์กรอิสระต่างๆ ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มาจากการแต่งตั้ง หลังรัฐประหาร 2549 ที่นำโดยกลุ่ม 40 สว.
คณะรัฐประหาร 2557
องค์กรอิสระต่างๆ ที่สืบทอดหลังรัฐประหาร 2557
สมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ 2557 (สนช. 2557)
องค์กรต่างๆ ที่คณะรัฐประหาร 2557 ดำเนินการจัดตั้งขึ้น
และคนบางกลุ่มในมุมมืด
คือ คนกลุ่มเดียวกัน หรือพรรคพวกเดียวกัน หรือพวกร่วมมือกัน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนกัน
ทำอะไรกับอำนาจอธิบไตยของประชาชน
หรือไม่ ?
ท่ามกลางประเด็นนานัปการ
ที่สักวันหนึ่งไม่ว่าจะอีกยาวนานสักเท่าใดก็ตาม
ต้องให้ผู้ก่อกรรมทำเข็ญ รับผิดชอบผลกรรมสถานหนัก
หรือไม่ ?
วัยจ๊าบ ไม่รู้จัก วัตถุชนิดนี้
คนรุ่นใหม่ วัยจ๊าบ สารพัดติ่งแห่งยุคสมัย
ไม่เคยได้รับ การลิ้มรสแท้จริง ของการติดต่องานราชการ
ใน Generation รุ่นพ่อ รุ่นปู่ รุ่นทวด ทั้งหลายก่อนหน้า ว่า
ต้องยากลำบาก หวั่นเกรง เสงี่ยมเจียมตัว
ต้องยอมจ่ายสินบน สิ้นเปลืองเวลาไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ถูกกดขี่ต่างๆ เจ็บช้ำน้ำใจ
อย่างไร
เรื่องราวอย่างนั้นแทบสูญพันธุ์ ไปแทบหมดสิ้น
ในช่วงเวลาของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและผู้สืบทอด
ที่ประชาชนทั่วไปสามารถประจักษ์แก่ใจตนเอง
แต่ได้เริ่มย้อนกลับมา
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งหลังรัฐประหาร 2549
ดังเช่น
องค์กรอย่างหอการค้าแห่งประเทศไทย
เปิดโปงต่อสื่อว่า องค์กรธุรกิจต่างๆ ถูกเรียกสินบนอย่างหนัก
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549
ดังเช่น
ใบเหลือง ที่วัยจ๊าบ ไม่รู้จัก วัตถุชนิดนี้
ว่าเป็นสิ่งที่ใช้ถือแทนบัตรประชาชนไปพลางๆ ก่อนที่จะได้รับบัตรจริง
ที่บางคนได้มีโอกาสของชีวิต ในประสบการณ์ถือครองไว้อย่างยาวนานหลายเดือน หรืออาจเป็นปี
อย่างในอดีต อีกครั้ง
มีเงื่อนงำของการแก้ไข TOR (Term of Reference หรือข้อกำหนดการว่าจ้าง)
จากเดิม ให้กลายเป็นผลเอื้อต่อการจัดจ้างเฉพาะบางรายในการจัดทำบัตรประชาชน
ตามการให้การของ อธิบดีกรมการปกครอง นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์
ที่ปฏิเสธการถูกให้รับผิดชอบการดำเนินการแก้ไขดังกล่าว
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง
ถูกรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการ
ซึ่งนายวงศ์ศักดิ์ ได้ต่อสู้ร้องขอความเป็นธรรมต่อ กพค. (คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม)
อยู่เป็นเวลานาน จนชนะคดี
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ เป็นตัวอย่างผู้หนึ่ง
ในจำนวนข้าราชการจำนวนมากมายมโหฬาร ที่มีการถูกย้าย
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งหลังรัฐประหาร 2549
โดยที่ในเวลาภายหลังต่อจากนั้น
ที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งอย่างย่อยยับในปี 2554
ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ในการย้ายข้าราชการ คือนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกไปจากตำแหน่งเลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ
ทั้งได้มีการที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยย้ายใคร
โดยที่รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ ย้ายพลโทสุรพล เผื่อนอัยกา ออกจากตำแหน่ง
แล้วแต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคง แทน
เป็นการยืนยันฉายา ที่สาวโรงงานชูป้ายให้
แล้วเป็นที่เรียกขานกันอย่างแพร่หลายทั่วไปทั้งในสื่อและ Social Media ว่า
ดีแต่พูด
พูดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง
ประทับตราตรึงแก่ประเทศไทยไว้อีกครั้ง
ใช่หรือไม่ ?
รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549
แต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคง
นายถวิลเคยดำรงตำแหน่งในศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอฉ.) ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
คือ ศอฉ. ที่ซึ่งปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ และกระชับพื้นที่ ด้วยกระสุนจริง
ต่อการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เรียกร้องให้เลือกตั้ง มีผู้เสียชีวิต 99 ศพ บาดเจ็บกว่าสองพันคน
นายถวิล มีพฤติการณ์และการกระทำสนับสนุนม็อบ กปปส. ดังเช่น การเข้าร่วมชุมนุมปราศรัย
ซึ่งเป็นม็อบที่ประกาศและดำเนินการ
ทำลายกลไกราชการ จะให้เป็นรัฐล้มเหลว
ปิดเสันทางคมนาคมสำคัญ จะปิดประเทศ
ขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง เช่น
บีบคอผู้จะไปลงคะแนนเลือกตั้ง
ปิดหน่วยเลือกตั้งต่างๆ
ยึดหีบบัตรเลือกตั้ง
เอาถุงป๊อบคอร์น ครอบอำพรางอาวุธปืน ไล่ยิงกลุ่มประชาชนที่จะเอาหีบบัตรเลือกตั้งคืนจากม็อบ กปปส.
ทำร้ายประชาชนบาดเจ็บสาหัส หากไปแตะต้องหรือขยับกรวยจราจรที่ม็อบวางปิดหรือจำกัดการจราจรไว้
ขัดขวางทำลายโครงการรับจำนำข้าวทุกวิถีทาง
ซึ่งเป็นม็อบที่กระทำการต่างๆ แล้วตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เปลี่ยนจากเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นติดลบอย่างหนักฉับพลันทันที
โดยพรรคประชาธิปัตย์ที่แพ้เลือกตั้งอย่างย่อยยับครั้งแล้วครั้งเล่า กล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับม็อบ
แต่บุคลากรแทบหมดทั้งพรรคเข้าร่วมหรือปรากฏตัวในม็อบในลักษณะต่างๆ
ในเวลาต่อมา ในสมัยของคณะรัฐประหาร 2557
ก็ได้ดำเนินการย้ายข้าราชการต่างๆ เป็นจำนวนมากมายมโหฬาร เช่นกัน
7 พฤษภาคม 2557
ศาลรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
มีมติให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ้นสภาพนายกรัฐมนตรี
รวมถึงคณะรัฐมนตรีทุกคนที่ร่วมประชุมและลงมติโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี
ศาลรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
อ้างว่าการโยกย้ายนายถวิลออกไป เอาพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี มาแทน
เพื่อที่จะเอาพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ไปดำรงตำแหน่งแทนพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
เป็นการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กระทำเพื่อพวกพ้อง
ทั้งนี้ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เคยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสสูงสุด
ที่จะเลื่อนขึ้นไปผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์แต่งตั้งพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
ให้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ต่อมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงได้แต่งตั้งพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์
ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามเกณฑ์กำหนดคุณสมบัติของกรมตำรวจแต่เดิม
แล้วกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคณะรัฐประหาร 2557
แต่งตั้งน้องชายของตนเอง คือ พลเอกปรีชา จันทร์โอชา
(ที่ซึ่งยื่นบัญชีทรัพย์สิน โดยส่วนที่เป็นเงินฝากมีจำนวนมหาศาล 89,418,876 บาท
เป็นของพลโทปรีชา 42,051,468 บาท เป็นของภรรยาที่ไม่มีรายได้ประจำ 46,995,296 บาท
แล้วชี้แจงต่อสังคมที่แสดงความสงสัยถึงที่มาของทรัพย์สินที่เป็นเงินฝากว่า
เป็นมรดกของบิดาจากการขายที่ดิน
และเป็นข้อผิดพลาดที่มีชื่อของภรรยา นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากของกองทัพ)
จะเป็นการกระทำเพื่อพวกพ้องด้วยหรือไม่ ?
แล้วกรณีศาลรัฐธรรมนูญ (นายบุญส่ง กุลบุปผา) แต่งตั้งลูกชายของตนเป็นเลขานุการ
ทั้งไม่ทำงานจริงตามที่แต่งตั้ง แต่กลับลาไปเรียนต่างประเทศ
โดยรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง 47,100 บาทตลอดทุกเดือน โดยไม่ได้ทำงานใด
จะเป็นการกระทำเพื่อพวกพ้องด้วยหรือไม่ ?
คณะรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ดำเนินการจัดตั้ง สนช. 2557 (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2557)
สนช. 2557 อ้างว่ามีอำนาจหน้าที่เทียบเคียงได้กับอำนาจหน้าที่ของ สว. 2550 (สมาชิกวุฒิสภา 2550)
จึงถือเอา ว่าเป็นสิทธิของพวกตน สนช. 2557 จะกระทำได้ แม้ถูกทักท้วงโดยนักวิชาการต่างๆ
ขะมักเขม้นพยายามจะถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แม้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว
ขะมักเขม้นพยายามจะถอดถอนประธานสภา รองประธานสภา และ สส. ที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ตลอดจน สว. จากการเลือกตั้ง
แม้ทั้งหมดจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
ด้วยข้อหาต่างๆ
โดยสรุปว่า
จะถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ด้วยข้อหา ละเลยให้เกิดความเสียหายในการรับจำนำข้าว
ที่ซึ่งการรับจำนำข้าวถูกทำลายทุกวิถีทางไม่ให้ประสบความสำเร็จ
โดยม็อบที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่บุคลากรแทบหมดทั้งพรรคเข้าร่วมหรือปรากฏตัวในม็อบในลักษณะต่างๆ
จะถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา
และนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานสภา
ซึ่งทั้งสองต่างก็เป็น สส. พรรคเพื่อไทย
ด้วยข้อหา จะแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.)
ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง
จะแก้รัฐธรรมนูญ ให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.)
ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง
เป็นความผิดมหันต์ ร้ายแรงอย่างไร ? ต่อใคร ?
การเจาะจงใช้ข้อหาการรับจำนำข้าว แยกออกมาจากข้อหาแก้รัฐธรรมนูญ
เพื่อการสร้างกระแสข่าว โหมประโคมระดมกระหน่ำ ล้างสมอง
ว่าการรับจำนำข้าว ขาดทุนมหาศาล
หรือไม่ ?
โดยที่สื่อเสนอข่าวว่า
จะมีการออกกฎหมาย ตัดสิทธิผู้เคยถูกถอดถอน ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ในรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างใหม่ โดย สนช. 2557
ประเด็นหนึ่ง ท่ามกลางอีกหลายประเด็นนานัปการคือ
สนช. 2557 ควรที่จะถอดถอนนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
และ
สนช. 2557 ควรที่จะถอดถอนนายกรัฐมนตรีคณะรัฐประหาร 2557
ในข้อหาย้ายข้าราชการ เพื่อพวกพ้อง ด้วยหรือไม่ ?
อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
ถึงกับมีมติสั่งให้พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
สำหรับคณะรัฐมนตรีผู้ที่ร่วมประชุมทั้งหมด มาแล้ว
สนช. 2557
ประกอบด้วยผู้เคยสังกัดกลุ่มที่เรียกตนเองว่า กลุ่ม 40 สว. ที่แทบทั้งหมด
มาจากการแต่งตั้ง หลังรัฐประหาร 2549 ด้วยรัฐธรรมนูญ 2550
ที่มีการข่มขู่ให้ประชาชนลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550
ไม่เช่นนั้นคณะรัฐประหาร 2549 จะเลือกใช้รัฐธรรมนูญตามอำเภอใจ
ทั้งชักจูง ซึ่งเป็นการหลอกลวง หรือไม่ ?
โดย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และศาลรัฐธรรมนูญ (นายจรัญ ภักดีธนากุล)
บอกว่าให้ลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน แล้วค่อยแก้ในภายหลังได้
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างท่วมท้น
ได้ดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศหาเสียงไว้กับประชาชน
อย่างหนึ่ง ก็คือ จะแก้รัฐธรรมนูญ 2550
พรรคประชาธิปัตย์
เข้ารุมล้อมแล้วบีบคอ สส. พรรคเพื่อไทย ในที่ประชุมรัฐสภา
ปาแฟ้มแอกสารใส่รองประธานสภา
ลากประธานสภาออกจากเก้าอี้
ลากเก้าอี้ประธานสภาออกจากห้อง
ในช่วงเวลาของการดำเนินการ
ให้มี พรบ. ปรองดอง นิรโทษกรรมให้แก่ม็อบประชาชนทุกฝ่าย
และแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ให้ สว. ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
ก่อนมีการรัฐประหาร ในเวลาต่อมา คือการรัฐประหาร 2557
ที่ซึ่งหากเป็นพรรคอื่น จะถูกยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง หรือไม่ ?
จากการที่บีบคอ สส.
ปาแฟ้มใส่รองประธานสภา
ลากประธานสภาออกจากเก้าอี้
ลากเก้าอี้ประธานสภาออกจากห้อง
ประเด็นสำคัญ คือ
สนช. 2557
ควรจะต้องถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และศาลรัฐธรรมนูญ
แทนการถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคม
จากการที่นายอภิสิทธิ์และศาลรัฐธรรมนูญ
กล่าวชักจูง ซึ่งเป็นการหลอกลวง หรือไม่ ? (เพราะขัดกับ สนช. 2557)
ว่าให้ลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน แล้วแก้ไขภายหลังได้
และจากการที่มีคำวินิจฉัยกลางโดยศาลรัฐธรรมนูญ
ว่าให้แก้รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรายมาตราได้
หรือไม่ ?
คำกล่าวของนายอภิสิทธิ์ และนายจรัญ และคำวินิจฉัยของศาล รธน.
https://www.youtube.com/watch?v=SqAxDptIbVU
https://www.youtube.com/watch?v=DqR9eU3Coeg
http://hilight.kapook.com/view/74243
พรรคประชาธิปัตย์
สื่อบางแห่ง
ม็อบสารพัดชื่อ สารพัดข้ออ้างก่อม็อบ สารพัดข้ออ้างเรียกร้อง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แต่หน้าเดิม คนเดิม กลุ่มเดิม
ที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับม็อบ
แต่บุคลากรแทบหมดทั้งพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมหรือปรากฏตัวในม็อบในลักษณะต่างๆ
คณะรัฐประหาร 2549
องค์กรอิสระต่างๆ ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549
สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มาจากการแต่งตั้ง หลังรัฐประหาร 2549 ที่นำโดยกลุ่ม 40 สว.
คณะรัฐประหาร 2557
องค์กรอิสระต่างๆ ที่สืบทอดหลังรัฐประหาร 2557
สมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ 2557 (สนช. 2557)
องค์กรต่างๆ ที่คณะรัฐประหาร 2557 ดำเนินการจัดตั้งขึ้น
และคนบางกลุ่มในมุมมืด
คือ คนกลุ่มเดียวกัน หรือพรรคพวกเดียวกัน หรือพวกร่วมมือกัน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนกัน
ทำอะไรกับอำนาจอธิบไตยของประชาชน
หรือไม่ ?
ท่ามกลางประเด็นนานัปการ
ที่สักวันหนึ่งไม่ว่าจะอีกยาวนานสักเท่าใดก็ตาม
ต้องให้ผู้ก่อกรรมทำเข็ญ รับผิดชอบผลกรรมสถานหนัก
หรือไม่ ?