คณิน บุญสุวรรณ : ลิเกหลงโรง?.....มติชนออนไลน์ ....กับรายการจิกกัด .... อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ... sao..เหลือ..noi

กระทู้สนทนา
นับตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นมา ประเทศไทยอยู่ภายใต้บังคับของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถึงแม้จะได้ชื่อ
ว่าเป็น "รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว" แต่ก็ถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

เมื่อเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ องค์กรที่จะทำหน้าที่นอกเหนือจากฝ่ายนิติบัญญัติ
ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการแล้ว ก็อาจจะมี "องค์กรตามรัฐธรรมนูญ" ด้วย ซึ่งจะทำหน้าที่
ในการตรวจสอบเป็นส่วนใหญ่

องค์กรตามรัฐธรรมนูญฉบับใด ก็จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง เฉพาะที่บัญญัติให้มีตามรัฐธรรมนูญฉบับนั้น


ดังนั้น เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงต้องสิ้นสุดการดำรง
ตำแหน่งไปแล้ว จากผลของการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับที่บัญญัติให้พวกตนดำรงตำแหน่ง
องค์กรตามรัฐธรรมนูญเหล่านั้น ถึงแม้จะไม่ถูกยกเลิกไปพร้อมกับรัฐธรรมนูญฉบับที่ถูก
รัฐประหารก็ตาม แต่อำนาจหน้าที่ที่เคยมีตอนที่รัฐธรรมนูญฉบับนั้นยังไม่ยกเลิกก็ต้อง
สิ้นสุดลงตามไปด้วย

เพราะในเมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงไม่มีเสียแล้วองค์กร
ตามรัฐธรรมนูญที่ไม่มีแม้แต่รัฐธรรมนูญรองรับ จะไปตรวจสอบใครได้?

จะอ้างเพียงกฎหมายลูก แล้วบอกว่ายังมีอำนาจอยู่ เห็นจะไม่ได้ เพราะเท่ากับว่าเอากฎหมาย
ลูกไปอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ

องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช2550 ก็มี กกต., ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดิน, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน,
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น ในเมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ถูกยกเลิกไปโดยการรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 อำนาจหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญเหล่านั้นจึงต้องสิ้นสุดลง
ตามไปด้วย

ถึงแม้จะมีคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหารให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญบางองค์กรอยู่ต่อไป
ก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าองค์กรตามรัฐธรรมนูญเหล่านั้นจะยังมีอำนาจหน้าที่ที่จะตรวจสอบ
เอาเรื่องเอาราวกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงซึ่งสิ้นสุดการดำรง
ตำแหน่งไปแล้วตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ถูกยกเลิกได้

เว้นเสียแต่ว่า จะได้มีคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหาร หรือมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับ
ชั่วคราว ให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญยังคงมีอำนาจหน้าที่ที่จะตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิกไปเป็นการย้อนหลัง

ดังเช่นที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 และบทบัญญัติ
มาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2549 ให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญทำหน้าที่แทน
ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยสั่งยุบพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดภายใต้
รัฐธรรมนูญ 2550 รวมทั้งให้สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคการเมือง
ที่ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคมีกำหนดห้าปีเป็นการย้อนหลัง

ผิดกับเมื่อตอนที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ถูกยกเลิกโดยการรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งหรือประกาศของคณะรัฐประหารหรือแม้แต่บท
บัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ให้องค์กรใดมีอำนาจในการตรวจสอบหรือดำเนินการเอา
ผิดย้อนหลังแก่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามรัฐธรรมนูญ2550 แต่
ประการใด

อย่าว่าแต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ถูกยก
เลิกไปเลย แม้แต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว
ปี 2557 องค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งถือกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญ 2550 ก็ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะไปตรวจ
สอบหรือดำเนินการเอาผิดใดๆ แก่บุคคลเหล่านั้นได้

คำถามก็คือ แล้วบรรดาองค์กรตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ คสช.ไม่สั่งยกเลิกจะทำหน้าที่อะไร? คำตอบ
ก็ชัดเจนอยู่ในตัวเองแล้ว นั่นก็คือ "ไม่มีงานทำ"

ในเมื่อไม่มีงานทำ แล้วยังอยู่ในตำแหน่งรับเงินเดือนกันคนละแสนกว่าบาทได้อย่างไร?

เป็นคำถามที่องค์กรตามรัฐธรรมนูญต้องตอบเพราะองค์กรเหล่านั้นมีหน้าที่ตรวจสอบป้องกันและปราบ
ปรามการคอร์รัปชั่นเป็นหลัก ก็แล้วการอยู่รับเงินเดือนแสนกว่าบาท รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมาก
มายโดยไม่มีงานทำนั้น ถือเป็นการคอร์รัปชั่นหรือไม่?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งถึงแม้จะได้รับแต่งตั้งโดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549
ประกอบมาตรา 299 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 พร้อมทั้งได้
รับความคุ้มครองตามมาตรา 309 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวก็ตาม แต่ก็ต้องไม่
ลืมว่า ทั้งมาตรา 299 วรรคสอง และมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเมื่อวันที่
22 พฤษภาคม 2557

ดังนั้น ถึงแม้ตัวองค์กร ป.ป.ช.จะยังคงอยู่ตามประกาศของ คสช.ก็ตาม แต่ตัวบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง
กรรมการ ป.ป.ช.อยู่ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น ต้องถือว่าได้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งไปแล้ว
พร้อมๆ กับการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั่นเอง

ดังนั้น การที่ ป.ป.ช.ดำเนินการเอาเรื่องย้อนหลังแบบกัดติดต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณี
ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด
เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการส่งเรื่องให้สภานิติ
บัญญัติแห่งชาติทำการลงมติถอดถอนก็ดี รวมทั้งกรณีที่ส่งให้ สนช.ทำการลงมติถอดถอนนายสมศักดิ์
เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ในข้อหาร่วมกัน
แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็ดี

จึงล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำซึ่งอยู่นอกเหนือกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญคือ เป็นการ
กระทำโดยปราศจากอำนาจหน้าที่ทั้งสิ้น ใช่หรือไม่?


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1415190520

สาวแว่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่